บทที่ 580: ภูตหญิงที่ได้รับบาดเจ็บ
“ท่านหัวหน้า ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราได้คิดวิธีเอาไว้แล้ว ส่วนภูตที่จะจับพวกมันก็ได้ซุ่มอยู่ข้างนอกแล้ว ตอนนี้เราเพียงแค่รอเวลาเท่านั้น”
พอกลุ่มภูตผู้ใต้บังคับบัญชาเห็นว่าหยินซางไม่ได้ใส่ใจหยินซื่ออีกต่อไป พวกเขาที่หาจังหวะมานานก็รายงานให้เขาฟังอย่างรวดเร็ว
“วิธีการที่พวกเราคิดขึ้นมาไม่มีทางผิดพลาดแน่ คราวนี้เราจะต้องได้ตัวหมอผีกับหยินชางมาแน่นอน”
เมื่อหยินซางได้ยินในสิ่งที่ลูกน้องบอก เขาก็พยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยชมพวกเขาเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับอีกฝ่าย
“เอาล่ะ พวกเจ้าทำได้ดีมาก”
ตราบใดที่เขาได้ตัวเด็ก 2 คนนั้นมาเรียบร้อยแล้ว มันก็เท่ากับว่าแผนของเขาสำเร็จไปเกินครึ่ง
ที่เหลือก็เพียงแค่นั่งรอเวลาที่จะเข้ายึดครองเผ่าเยว่หู
พอผู้เป็นหัวหน้าเผ่าไป๋ผีคิดว่าวันที่เป้าหมายของตัวเองอยู่อีกไม่ไกลเกินเอื้อม เขาก็ไม่สามารถบังคับมุมปากให้หยุดยิ้มได้เลย
…
ปัจจุบันเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ยามอัสดงสาดแสงสีส้มไปทั่วท้องฟ้า
ขณะนี้หลงหลิงเอ๋อกับหยินชางที่ทำงานประจำวันของพวกเขาเสร็จแล้วก็พากันเดินกลับบ้าน ซึ่งทั้งคู่อยู่ภายใต้การคุ้มครองจากภูตชายผู้แข็งแกร่งทั้ง 8 คนในการพาพวกเขาไปส่งถึงหน้าประตูบ้าน
แม้ว่าตอนนี้ภายในเผ่าจะต้องการใช้กำลังคนเป็นจำนวนมาก แต่หูหลินก็ไม่ได้ลดจำนวนคนที่คุ้มกันเด็กหญิงตัวน้อยลงเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะการงานที่ยุ่งวุ่นวายของเผ่าจนทำให้ขาดกำลังคนแล้วล่ะก็ เขาก็อยากเพิ่มคนคุ้มกันหลงหลิงเอ๋อให้มากขึ้นอีกสัก 20 คนจนกระทั่งแม้แต่ยุงสักตัวก็ไม่สามารถเข้าใกล้หลานสาวของเขาได้
“วันนี้งานยุ่งมาก ทำให้ตอนนี้ข้าหิวมาก ๆ เลย ไม่รู้ว่าท่านแม่จะทำอาหารอร่อย ๆ อะไรไว้บ้าง?” เด็กหญิงลูบท้องที่แบนราบของนางเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนกำลังหิวมากพร้อมกับนึกถึงอาหารแสนอร่อยที่ผู้เป็นแม่ทำให้กินเป็นประจำ
ถึงแม้ว่าโรงหมอที่นางไปทำงานจะมีคนจัดอาหารมาไว้ให้นางได้กินระหว่างวัน แต่ตัวนางชอบกินอาหารที่แม่จิ้งจอกของนางทำให้มากที่สุด
ดังนั้นนางกับหยินชางจึงไม่ได้กินอาหารนอกบ้านเลยแม้แต่คำเดียว
แม้กระทั่งน้ำดื่ม หูเจียวเจียวก็ยังเตรียมกระติกน้ำไว้ให้ลูก ๆ พกติดตัวไปไหนมาไหนด้วย
เมื่อหยินชางได้ยินคำพูดของหลงหลิงเอ๋อ เขาก็ชะงักฝีเท้าก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปในอกเสื้อของตนแล้วหยิบลูกท้อที่อวบอ้วนและดูชุ่มฉ่ำที่เขาเตรียมไว้ออกมา 2 ลูก โดยที่ลูกท้อเหล่านี้ได้ถูกล้างให้สะอาดมาแล้วล่วงหน้า จากนั้นเขาก็มอบให้กับคนตัวเล็กเพื่อให้นางได้กินคลายหิวไปก่อน
“เจ้าเอาไปกินรองท้องก่อนสิ”
เด็กหนุ่มรู้ดีว่าตอนนี้เด็กหญิงคงจะหิวมาก หากต้องรอจนถึงบ้าน นางคงหมดแรงไปเสียก่อน
ในวันที่มีอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ การจะเตรียมอาหารมาเพื่อกินระหว่างวันนั้นดูไม่เข้าท่านัก เพราะความร้อนอาจจะทำให้อาหารเน่าเสียได้ เขาจึงเตรียมผลไม้มาไว้แทน
นอกจากหลงเหยาแล้ว เด็กคนอื่น ๆ ไม่รู้สึกหิวระหว่างวัน แม้ว่าทุกคนจะหิว แต่พวกเขาก็สามารถอดทนรอจนถึงเวลาอาหารตามปกติได้ หมอผีตัวน้อยจึงไม่ได้พกอาหารออกมาด้วย ในย่ามเล็ก ๆ ของนางมีเพียงแค่ยากับกระติกน้ำที่นำติดตัวมาเท่านั้น
เมื่อหลงหลิงเอ๋อเห็นลูกท้อที่หยินชางเอาออกมา ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มก็สว่างขึ้นด้วยความดีใจ
นางหยิบผลไม้ในมือของอีกคนมาเพียง 1 ลูก แล้วผลักอีกลูกไปให้เด็กชายที่โตกว่า
“ขอบคุณนะหยินชาง เจ้าก็กินด้วยกันสิ”
การแบ่งปันอาหารกันมันกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวของทั้ง 2 คนไปเสียแล้ว
ในมุมหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากบริเวณที่พวกหลงหลิงเอ๋อกำลังเดินอยู่
ขณะนั้นเงามืด 3 เงามาแอบสุมหัวกัน พลางมองไปทางกลุ่มของหมอผีตัวน้อยด้วยความหงุดหงิด
“เจ้าไม่ได้บอกว่าถ้าเราใส่ยาลงไปในน้ำแล้วนางจะดื่มมันอย่างแน่นอนหรอกหรือ?”
“นี่ไม่ใช่แค่หมอผีเท่านั้นนะที่ไม่ได้ดื่มน้ำที่ใส่ยานั่น แม้แต่พวกภูตที่คอยคุ้มกันนางอยู่ก็ไม่ได้จิบน้ำในนั้นเลยสักนิด”
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่านางจะพกน้ำมาเอง ไม่มีใครบอกข้านี่นา แล้วจะมาโทษข้าได้ยังไงกัน?”
กลุ่มภูตเผ่าไป๋ผีที่อยู่ตรงนั้นต่างกำลังถกเถียงกันเพื่อโยนความผิดให้กันไปมา
“พอเถอะ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เรามาคิดหาทางอื่นกันดีกว่า ถ้าวันนี้พวกเราจับเด็ก 2 คนนั้นไม่ได้ เราต้องหิวตายกันแน่ ๆ”
เมื่อภูตเผ่าไป๋ผีทั้ง 3 คิดถึงเรื่องปากท้องของตัวเอง ทุกคนก็เงียบลงในทันที
“ไม่ เราจะช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเกิดพวกเด็ก ๆ กลับถึงบ้าน วันนี้เราจะไม่มีโอกาสจับตัวพวกมันได้อีก”
1 ในภูตเผ่าไป๋ผีที่ดูฉลาดที่สุดในกลุ่มตบไหล่สหายทั้ง 2 ของเขาก่อนจะบอกว่า
“เจ้า 2 คนไปหาทางไล่ภูตที่คุ้มกันหมอผีให้ออกไปก่อน”
“ห้ะ? พวกเรา?” ภูตชายอีก 2 คนที่ได้รับมอบหมายงานต่างก็ตกตะลึง “มันมีกันอยู่ตั้งเยอะ หากเราออกไป มันไม่เท่ากับว่าเรารนหาที่ตายหรอกหรือ?”
ทั้งคู่ไม่พอใจกับความคิดของอีกฝ่าย พวกเขาตั้งคำถามอยู่ในใจว่าทำไมตัวเองถึงต้องรับหน้าที่แสนอันตรายนี้ด้วย
พอภูตที่ออกคำสั่งได้ยินคนโง่ 2 คนบ่นเช่นนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นขึงขังก่อนจะตะคอกด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“ข้าบอกให้พวกเจ้าไปล่อพวกมันออกไป พวกเจ้าไม่เข้าใจรึ?!”
เมื่อชายทั้ง 2 เห็นว่าสหายเริ่มโมโห พวกเขาที่ถูกสั่งก่อนหน้านี้ก็หดคอเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะลงมือกับพวกตน ก่อนจะตอบตกลงด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูขี้ขลาด
“ก็ได้…”
…
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! มีคนกำลังจะฆ่าข้า!”
หลงหลิงเอ๋อที่กำลังจะเดินออกจากตรงนั้นจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากมุมถนน
พอนางหันไปมองก็เห็นว่ามีภูตหญิงคนหนึ่งเดินกะโผลกกะเผลกออกมาจากทิศทางดังกล่าว โดยที่ขาข้างหนึ่งของนางเหมือนจะถูกฟันด้วยของมีคม ทำให้เลือดไหลไปตามพื้นในขณะที่นางวิ่งมาทางกลุ่มของเด็กหญิง
หญิงสาวคนนั้นรีบเข้ามาขอความช่วยเหลือจากภูตชายที่อยู่รายรอบหลงหลิงเอ๋อพร้อมกับทำหน้าหวาดกลัวต่อบางสิ่ง
เมื่อเหล่าภูตร่างกำยำเห็นดังนี้ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน พวกเขารีบยืนล้อมหลงหลิงเอ๋อไว้ด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพราะภารกิจสำคัญของพวกเขาคือการปกป้องหมอผีให้ดีที่สุด
แต่พอภูตชายหลายคนเห็นภูตหญิงตรงหน้าได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาก็ทนดูไม่ได้
1 ในภูตผู้คุ้มกันหลงหลิงเอ๋อจึงก้าวออกไปเพื่อช่วยเหลือหญิงสาวที่ได้รับบาดเจ็บแล้วถามขึ้นมาว่า “เกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนทำร้ายเจ้า?”
ภูตหญิงยังคงมีท่าทีตื่นกลัวขณะที่นางส่ายหัวแล้วตอบชายที่ถามตนว่า
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน จู่ ๆ ก็มีภูต 2 คนวิ่งออกมาทำร้ายข้าจนบาดเจ็บแบบนี้ ข้าเลยรีบวิ่งหนีออกมา พวกมันอยู่ทางนั้น…”
หญิงสาวพูดพร้อมกับชี้ไปยังทิศทางที่นางเพิ่งวิ่งจากมา
“ท่านลุง ทำไมพวกท่านไม่ไปดูตรงนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นล่ะ?” หลงหลิงเอ๋อที่ฟังอยู่นานก็หันไปพูดกับชายที่ยืนอยู่ข้างนาง
“ไม่ พวกเราต้องอยู่ปกป้องท่าน” แม้ว่าชายร่างใหญ่จะดูลังเล แต่เขาก็ยังยืนหยัดในหน้าที่ของตนเองอย่างแน่วแน่
เด็กหญิงตัวน้อยที่ได้ยินดังนั้นจึงเสนอแนะขึ้นมาว่า
“ท่านลุงทิ้งคนไว้ปกป้องข้าเพียง 2 คนก็พอ ส่วนพวกท่านรีบตามไปจับตัวคนร้ายเถิด ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะไปทำร้ายภูตคนอื่นอีก”
“ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยรักษาบาดแผลของนางก่อน เสร็จแล้วข้าจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าพวกท่านจะกลับมา ท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะ หยินชางเองก็อยู่ที่นี่ด้วย”
หลงหลิงเอ๋อพูดพร้อมกับมองไปทางหญิงสาวผู้บาดเจ็บอีกครั้ง
“นอกจากนี้หากมีคนได้รับบาดเจ็บ ยังไงข้าก็ต้องอยู่ช่วยรักษาพวกเขาก่อน”
เหล่าภูตผู้คุ้มกันมองไปทางเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างหมอผีตัวน้อย พวกเขารู้ว่าหยินชางไม่ได้อ่อนแอ แถมเด็กคนนี้ก็คอยตามปกป้องนางอยู่ทุกวัน
พวกเขาเชื่อว่าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เขาจะต้องรีบวิ่งมาตามพวกตนโดยเร็วอย่างแน่นอน
ภาระงานประจำวันของหลงหลิงเอ๋อนั้นหนักกว่างานของหมอคนอื่นมาก หากมีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นมาจากปกติ ก็อาจจะทำให้นางไม่สามารถหาเวลาพักผ่อนได้เลย
เมื่อภูตร่างใหญ่เห็นใบหน้าที่แน่วแน่ของคนตัวเล็ก ในที่สุดเขาก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ตกลง งั้นแม่หมอรออยู่ที่นี่ก่อน ไม่นานพวกเราจะกลับมา”
หลังจากพูดคุยกันจบ พวกเขาก็ตัดสินใจทิ้งภูตที่แข็งแกร่งที่สุด 2 คนไว้เพื่อปกป้องหมอผีตัวน้อย ส่วนคนที่เหลือก็รีบออกไปไล่ล่าคนร้ายโดยตามรอยจากเลือดของหญิงสาวไป
ในขณะนี้หลงหลิงเอ๋อกินอะไรไม่ลงแล้ว ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงแค่ส่งลูกท้อกลับไปให้เด็กหนุ่มถือไว้ก่อน
“หยินชาง ถือมันไว้ให้ข้าก่อนแล้วกัน ข้าต้องรักษาแผลของผู้หญิงคนนี้”
“อืม”
หยินชางพยักหน้ารับพลางมองเด็กหญิงตัวน้อยเดินเข้าไปหาคนเจ็บ
เมื่อมองจากมุมของเขา ท่าทางของหลงหลิงเอ๋อที่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าคนเจ็บยามนี้ดูเหมือนกับกระต่ายตัวเล็ก ๆ
ระหว่างนั้นหยินชางเก็บลูกท้อเข้าไปไว้ในอกเสื้อของเขาดังเดิมเพื่อรอให้คนตัวเล็กทำงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยนำออกมาให้นางกินอีกครั้ง เขาเฝ้ามองเด็กหญิงไม่ให้คาดสายตา ในขณะที่เขายืนฟังเสียงอ่อนหวานของนางที่กำลังพูดคุยกับหญิงสาวผู้บาดเจ็บอยู่เงียบ ๆ
“ท่านไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะไม่ทำให้ท่านเจ็บ ใช้เวลาไม่นานขาของท่านก็จะหายดี”
“จะ.. เจ้าเป็นหมอผีงั้นหรือ?”
“ใช่ ข้าเป็นหมอผี”
เดิมทีภูตหญิงที่บาดเจ็บนั้นหวาดกลัวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมาก เพราะก่อนหน้านี้นางเพียงแค่เดินผ่านมาเฉย ๆ แต่กลับถูกใครก็ไม่รู้ทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่พอนางได้ฟังในสิ่งที่หมอผีตัวน้อยพูดปลอบโยน นางก็รู้สึกดีขึ้นมาก ก่อนจะพยักหน้าให้กับอีกฝ่าย
“แม่หมอ ข้าขอบคุณท่านมากที่ท่านเต็มใจช่วยเหลือข้า ตอนนี้ข้าไม่กลัวแล้วล่ะ”
หลงหลิงเอ๋อเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับคนเจ็บแล้วเลื่อนมือไปวางลงบนบาดแผล จากนั้นก็มีแสงจาง ๆ ออกมาจากฝ่ามือของนางก่อนที่แผลจะเริ่มสมานตัวกัน
ขีดจำกัดความสามารถของเด็กหญิงในตอนนี้คือสามารถรักษาภูตได้สูงสุด 10 คนต่อวัน และจำนวนผู้ป่วยที่นางต้องรักษาทุกวันก็ได้รับการนัดหมายไว้ล่วงหน้า
ซึ่งวันนี้จำนวนครั้งของการรักษาของนางหมดแล้ว แถมยาที่พกมาเมื่อเช้าก็หมดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้นางจึงได้แต่ฝืนใช้พลังในการรักษาภูตหญิง
ในไม่ช้า ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางที่เคยมีเลือดฝาดก็ซีดลงทันที
“หลิงเอ๋อ!” เมื่อหยินชางเห็นท่าทางที่อ่อนแรงของหลงหลิงเอ๋อ เขาก็ส่งเสียงเรียกนางอย่างเป็นกังวล