บทที่ 579: ชามน้ำแข็งนี้สำหรับหยินซางโดยเฉพาะ
ในป่ามืดทึบที่แสงแดดส่องลงมาไม่ถึง
หลังจากทุกคนได้ยินคำพูดของหูเจียวเจียวแล้ว เหล่าภูตที่อยู่ ณ บริเวณนั้นก็รู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที
“เจียวเจียว สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงงั้นหรือ?” หูหลินที่เงียบไปชั่วครู่เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
ใบหน้าของหลงโม่เองก็ตึงเครียดเช่นกัน
ระยะหลังนี้พวกเขามุ่งความสนใจไปที่ภูตด้านนอกเผ่า อีกทั้งยังต้องตามหาภูตผมแดงคนนั้นด้วย ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาไปใส่ใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเผ่าเลย
หากโรคระบาดนี้เกิดขึ้นจากภายในเผ่าจริง ก็เรียกได้ว่านี่เป็นผลของความประมาทเลินเล่อของพวกเขาเอง
หูเจียวเจียวพยักหน้าตอบพ่อรองอย่างจริงจัง
หากภาพที่ปรากฏในความฝันของจิ้งจอกสาวเกิดเป็นจริงขึ้นมา ผลที่ตามมาก็คงเป็นหายนะครั้งใหญ่
เมื่อผู้เป็นหัวหน้าเผ่าเยว่หูคิดได้ดังนั้น เขาก็ยุติภารกิจตามหาภูตผมแดงกลางคัน ก่อนจะพาทุกคนกลับไปที่เผ่าแล้วเริ่มตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดในทันที
เพื่อไม่ให้ภูตจำนวนมากภายในเผ่าเกิดความตื่นตระหนก การตรวจสอบจึงดำเนินการไปอย่างลับ ๆ
และด้วยการกระทำที่เป็นความลับนี้ ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องใช้กำลังคนในการเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด มันจึงใช้เวลานานมากขึ้นกว่าจะได้รับคำตอบ
กว่าหูเจียวเจียวจะได้รับข่าวที่แน่นอน เวลาก็ล่วงเลยไป 1 วันแล้ว
“หลงโม่ เป็นยังไงบ้าง? ในเผ่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” เมื่อจิ้งจอกสาวเห็นสามีหนุ่มกลับมา เธอก็รีบเดินออกไปต้อนรับเขาพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความคาดหวัง
เธอหวังอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นร่างสูงส่ายหน้า แล้วบอกว่าสถานการณ์ในเผ่าเป็นปกติดี
แต่เธอคงหวังมากเกินไป เพราะสิ่งที่เธอเห็นคือใบหน้าของมังกรหนุ่มที่ดูตึงเครียด คิ้วของเขาขมวดแน่นก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้มว่า
“เจ้าเดาถูกแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้มีภูตบางส่วนภายในเผ่ามีอาการผิดปกติ”
พอหูเจียวเจียวได้ยินดังนั้น หัวใจของเธอก็กระตุก “มีเยอะไหม? แล้วเราจะจัดการกับคนพวกนั้นยังไง?”
เมื่อหลงโม่เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวของอีกฝ่าย เขาก็ไม่สามารถทนมองดูภรรยาสาวเป็นกังวลได้จึงอธิบายขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า
“เจ้าอย่ากลัวไปเลย พวกนั้นมีจำนวนไม่มาก หัวหน้าหลินได้ส่งภูตไปปิดกั้นบริเวณที่อยู่อาศัยของพวกเขาแล้ว พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปแพร่เชื้อข้างนอกหรือได้สัมผัสใกล้ชิดคนอื่นอีก ดังนั้นโรคระบาดนี้จะไม่แพร่กระจายออกไปแน่นอน”
ในที่สุดหญิงสาวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินคำบอกเล่าของชายหนุ่ม
ดูเหมือนว่าพวกเธอสามารถค้นพบต้นตอของโรคระบาดได้เร็วพอ ซึ่งสถานการณ์ยังพอควบคุมได้อยู่
“แล้วใครที่มีอาการของโรคระบาดงั้นหรือ?” จิ้งจอกสาวถามขึ้นอีกครั้ง
การกักกันเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ หากไม่มีการรักษาและติดตามผลที่แน่นอนก็อาจจะทำให้ภูตคนอื่น ๆ ตื่นตระหนกได้
“คนที่ป่วยเป็นภูตของเผ่าไป๋ผี” หลงโม่ตอบตามความจริง เขาพบว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้มีภูตเผ่าไป๋ผีจำนวนมากไม่ได้ออกไปทำงาน หลังจากไปสอบถามภูตบางคน เขาก็ได้รู้ว่าพวกเขาเห็นภูตเผ่าไป๋ผีส่วนหนึ่งดูเหมือนจะมีอาการป่วย
พอรวมคำบอกเล่าของภูตเหล่านั้นกับสิ่งที่ชายหนุ่มได้รู้มา เขาจึงไปสอบถามหมอกับหลงหลิงเอ๋ออีกครั้ง และได้รับการยืนยันว่าอาการของภูตเผ่าไป๋ผีเป็นอาการของคนติดโรคระบาด
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภูตเผ่าไป๋ผีอีกแล้วหรือ?” หูเจียวเจียวขมวดคิ้วมุ่น
“เจ้าไม่ต้องห่วง หัวหน้าหลินได้รีบไปแก้ไขปัญหาแล้ว อีกอย่างหมอก็เตรียมตัวรอช่วยเหลืออยู่แล้วด้วย ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดี”
หลงโม่ปลอบใจภรรยาสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
แต่จิ้งจอกสาวยังคงเม้มริมฝีปากแน่น ในใจของเธอ ณ ตอนนี้ได้แต่ภาวนาว่าโรคระบาดจะไม่แพร่กระจายออกไปจนกลายเป็นเรื่องใหญ่
…
อีกด้านหนึ่ง
“หัวหน้า พวกเราเอาของของผู้อาวุโสออกไปทิ้งไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ในเผ่าเยว่หูแล้ว”
“และตามที่ท่านบอก เราได้เอาของไปทิ้งในจุดต่าง ๆ ที่ภูตเผ่าเยว่หูจะมารวมตัวกัน ในเช้าวันพรุ่งนี้พวกเขาจะต้องได้สัมผัสกับของพวกนั้นแน่นอน แล้วโรคระบาดก็จะติดจากคนหนึ่งเพิ่มไปเป็นสิบ จากสิบเพิ่มไปเป็นร้อย อีกไม่นานเผ่าเยว่หูก็จะกลายเป็นของท่าน”
หยินซางซึ่งกำลังยืนฟังรายงานจากบรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาก็มีความสุขขึ้นมาในทันที เขาฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหูอยู่แล้ว
“เอาล่ะ พวกเจ้าทำได้ดีมาก หลังจากงานนี้สำเร็จแล้ว ทุกคนจะได้รับรางวัลอย่างทั่วถึง”
เหล่าลูกน้องคนสนิททั้งหลายรู้อยู่แก่ใจว่ารางวัลที่คนเป็นผู้นำพูดถึงนั้นคืออะไร
รางวัลที่ว่าย่อมต้องเป็นเลือดของภูตอสูรอยู่แล้ว
ยามนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนต่างส่งเสียงหัวเราะคิกคักพร้อมกับใบหน้าที่แสดงเห็นถึงความโลภของพวกเขา
“ท่านหัวหน้า ต่อไปเราก็แค่นั่งรอเวลาเพื่อที่จะเข้ายึดครองเผ่าเยว่หูเพียงเท่านั้น”
“แผนของท่านยอดเยี่ยมมาก”
ลูกน้องคนสนิทที่ได้รับผลประโยชน์บางคนก็ไม่ลืมที่จะพูดจาประจบสอพลอผู้เป็นนาย
เมื่อหยินซางได้ยินสิ่งที่เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาพูด เขาก็รู้สึกเบิกบานใจในคำเยินยอที่ได้รับ
ด้วยความที่สีหน้าท่าทางของชายหนุ่มดูเป็นคนซื่อตรง หากใครได้เห็นในครั้งแรกก็ย่อมรู้สึกว่าเขาคือคนที่ซื่อสัตย์ และด้วยสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาอำพรางตัวได้อย่างแนบเนียน เขากับผู้อาวุโสจึงใช้หน้ากากใบนี้ในการล้างสมองของพวกภูตเผ่าไป๋ผีมาโดยตลอด
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะพูดว่าหยินซางคือคนที่พูดโน้มน้าวให้คนทำตามที่ตนต้องการได้เก่งที่สุดของโลกภูต
ในขณะเดียวกัน หยินซื่อที่กำลังยืนแอบฟังบทสนทนาระหว่างหัวหน้ากับคนอื่น ๆ อยู่นอกประตูก็ก้มหน้าลงจึงทำให้คนอื่นยากที่จะสังเกตเห็นสีหน้าที่แท้จริงของเขาได้
หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเสียงในห้องค่อย ๆ เบาลง เขาก็เดินเข้าไปพร้อมกับชามหินใบเก่าในมือ
“ท่านหัวหน้า นี่คือน้ำแข็งที่ข้าไปแลกเปลี่ยนมาจากภูตของเผ่าเยว่หู ท่านจิบคลายร้อนสักหน่อยสิ”
ชายหนุ่มกล่าวพลางส่งชามให้กับผู้เป็นนายด้วยท่าทางนอบน้อม
เมื่อลูกน้องคนสนิทเห็นฉากดังกล่าว พวกเขาก็มองไปทางหยินซื่อด้วยสายตาดูถูกปนอิจฉาริษยา
ไอ้หนูคนนี้เรียนรู้ที่จะประจบประแจงคนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถึงขั้นส่งน้ำแข็งที่ล้ำค่าให้กับหัวหน้าเลยงั้นรึ?
ส่วนหยินซางที่ได้ยินหยินซื่อบอกว่าในชามคือน้ำแข็ง เขาก็หันมาสนใจของในชามทันที
“ไหนเอามาให้ข้าดูหน่อยซิ”
เขาได้ยินมานานแล้วว่าในเผ่าเยว่หูมีสิ่งที่เรียกว่าดินประสิวซึ่งสามารถทำก้อนน้ำแข็งในฤดูร้อนได้
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ เขายังไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นมันเลย และคนเป็นผู้นำก็ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะเอาใส่ใจตนมากขนาดนี้
นั่นทำให้หยินซางค่อนข้างพอใจกับผลงานของอีกคน ทั้งเรื่องที่หยินซื่อรีบมาบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องโรคระบาด รวมถึงเรื่องที่นำน้ำแข็งชามนี้มาให้เขา ทำให้ชายหนุ่มมองดูภูตชายตรงหน้าด้วยความเป็นมิตรมากขึ้น
เดิมทีพวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านไม้ที่สร้างขึ้นมาแบบง่าย ๆ และไม่มีฉนวนกันความร้อน ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเป็นช่วงเวลาตอนเย็นที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน แต่ภายในกระท่อมก็ยังคงร้อนมากราวกับอยู่ในเรือกลไฟ
การน้ำแข็งมาดับร้อนช่างเป็นอะไรที่ดีมากจริง ๆ
ในขณะนี้ก้อนน้ำแข็งที่เคยมีขนาดเท่ากำปั้นละลายจนเหลือเพียงแค่ก้อนน้ำแข็งเล็ก ๆ ที่มีขนาดเท่ากับเล็บมือเท่านั้น ถึงน้ำแข็งจะละลายไปแล้ว แต่น้ำในชามก็ยังคงเย็นอยู่
ครู่ต่อมา ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าไป๋ผียกชามน้ำขึ้นมาดื่ม มันทำให้เขารู้สึกสดชื่นไปทั่วทั้งร่างกาย และความรู้สึกร้อนอบอ้าวจากที่เคยมีก็ดีขึ้นทันตาเห็น
ภายใต้สายตาอิจฉาริษยาของกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาที่ส่งมา เขาก็ดื่มน้ำเย็นในชามจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้กระทั่งเศษน้ำแข็งไว้ให้ลูกน้องได้ดูต่างหน้าเลยสักนิด
ชายหนุ่มคิดกับตัวเองว่าพวกภูตของเผ่าเยว่หูช่างมีความสุขกันมากเสียจริง พวกเขาจำต้องทำงานหนักทุกวัน แต่พวกมันกลับสามารถเพลิดเพลินไปกับการดื่มน้ำเย็นและกินน้ำแข็งอันสดชื่นได้
เมื่อหยินซางคิดถึงความขมขื่นทั้งหมดที่ได้รับ เขาก็ได้แต่รู้สึกโมโหอยู่ในใจ
แต่พอคิดว่าอีกไม่นานตนก็จะได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขแบบนี้บ้าง มุมปากของเขาก็ยกขึ้นอีกครั้ง
เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะจับไอ้เฒ่าสารเลวหูหลินมาทรมาน แล้วบังคับให้มันไปทำงานในไร่ทุกวันแบบที่เขาต้องพบเจอบ้าง!
เขาจะยึดทุกอย่างในเผ่าเยว่หูมาเป็นของตัวเองให้หมด!
หลังจากหยินซื่อเห็นหัวหน้าเผ่าดื่มน้ำในชามที่ตนนำมาให้จนหมด เขาก็เสมองไปทางอื่นก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลง แล้วทันใดนั้นเองก็มีประกายบางอย่างไหววูบอยู่ในดวงตาของเขา
ขณะเดียวกัน หยินซางมองไปที่ชายตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่ายว่า
“ข้าได้ยินมาว่าคู่ของเจ้ากำลังตั้งท้องงั้นหรือ?”
“ตอบท่านหัวหน้า ใช่ คู่ของข้าตั้งท้องมาสักพักแล้ว” หยินซื่อหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา
หัวหน้าเผ่าไป๋ผีชื่นชอบท่าทางที่ซื่อสัตย์และดูเชื่อฟังของเขามาก เพราะมันคือคุณสมบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องเชื่อฟังคนเป็นผู้นำ
“ในเรื่องนี้เจ้ามีส่วนช่วยมากที่สุด ไม่ต้องห่วง หลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้ว ข้าจะดูแลเจ้าและคู่ของเจ้าเป็นอย่างดี”
ชายหนุ่มพูดให้ความหวังกับหยินซื่อดั่งเช่นที่เคยล้างสมองลูกน้องคนอื่นของตัวเอง
“ตราบใดที่เจ้าจงรักภักดีกับข้า ในอนาคตคู่ครองกับลูกของเจ้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสบียงอีก เมื่อคนอื่น ๆ ได้รับเลือดของภูตอสูร เจ้าก็จะได้ส่วนแบ่งด้วยเช่นกัน”
เมื่อกลุ่มลูกน้องคนสนิทได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็ส่งสายตาอิจฉาไปให้หยินซื่อทันที
นั่นคือเลือดของภูตอสูรเลยนะ!
หัวหน้าสัญญาว่าจะมอบมันให้กับเจ้าหมอนี่จริง ๆ งั้นหรือ?
พวกเขาที่ทำงานให้กับหัวหน้าเผ่ามาตั้งหลายปียังได้ส่วนแบ่งแค่ไม่เท่าไหร่ แล้วทำไมหัวหน้าถึงเอาสิ่งที่ควรจะเป็นของพวกเขาไปแบ่งให้กับมัน?
แม้ว่าเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้กับหัวหน้าโดยตรง
พวกเขาทำได้เพียงแค่รอจังหวะที่จะแอบไปสั่งสอนไอ้คนขี้ประจบในภายหลัง
“ขอบคุณท่านหัวหน้า จากนี้ไปข้าจะรับใช้ท่าน และจงรักภักดีต่อท่าน” หยินซื่อพูดแสดงความภักดีอย่างรวดเร็ว
หยินซางแสร้งทำเป็นถามคำถามอีกสัก 2-3 ประโยคเกี่ยวกับสถานการณ์ของคู่ของเขา จากนั้นชายหนุ่มก็ไม่สนใจเขาอีกต่อไป
ต่อมา ผู้เป็นหัวหน้าหันไปมองลูกน้องคนอื่น ๆ ก่อนจะถามขึ้นมาว่า
“เรื่องที่ข้าให้พวกเจ้าไปหาทางจับตัวหมอผีกับหยินชางมาไปถึงไหนแล้ว?”