บทที่ 50: เจ้าเรียกข้าว่าสุกรและบอกว่ามันเป็นคำชมงั้นเหรอ?
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 50: เจ้าเรียกข้าว่าสุกรและบอกว่ามันเป็นคำชมงั้นเหรอ?
"อ๊า!" เจ้าหญิงน้อยได้คลั่งขึ้นอีกครั้ง นางทั้งรู้สึกทั้งอายและโกรธ “นั่นมันเป็นหอนางโลม ข้าจะไปที่นั่นได้ยังไง?”
ทั้งสองโต้เถียงและทะเลาะกันไป ขณะที่พวกเขาเข้าไปในร้านอาหารและนั่งอยู่บนชั้นสองข้างราวบันได
เสี่ยวเอ้อเดินมาและถามว่า “ท่านต้องการอะไรอะไรหรือเจ้าคะ?”
"เราต้องการอะไรงั้นหรือ?" หลินเป่ยฟานตกอยู่ในห้วงภวังค์ จากนั้นเขาก็กล่าวตอบไปว่า “เจ้าถามได้ลึกซึ้งยิ่ง! ข้าน่ะต้องการทำตามความปรารถนาของตนให้บรรลุเป้าหมาย ท่องไปในภูผาและมหาสมุทร ยืนท่ามกลางดวงตะวัน เต้นรำท่ามกลางจันทรากับหมู่ดวงดาว สัมผัสกับเรื่องเพ้อฝันและความงดงามของโลกใบนี้…”
เจ้าหญิงน้อยถึงกับทุบกำปั้นของนางบนโต๊ะและยิ้มออกมาพร้อมกับพูดอย่างหมดความอดทน “นางถามว่าจะกินอะไร ไม่ได้ถามถึงความทะเยอทะยานในชีวิตของเจ้าสักหน่อย! เสี่ยวเอ้อ นำอาหารจานพิเศษของเจ้ามาให้เราเต็มชุดเลย! ขอบคุณ!”
“รวมทั้งหมด 12 จาน นั่นทั้งหมดที่ท่านต้องการสั่งแล้วใช่ไหมเจ้าคะ?” เสี่ยวเอ้อเอ่ยถาม
“ใช่ แล้วก็เพิ่มจานถั่วลิสงมาด้วย!”
“มันมากเกินไปแล้ว ถ้าเรากินไม่หมดเล่า?” หลินเป่ยฟานรู้สึกแย่นิดหน่อย
เจ้าหญิงน้อยกะพริบตาปริบๆ และพูดอย่างไร้เดียงสา “มันไม่เห็นมากเกินไปเลย อาหาร 12 จานนั้นเหมาะสมกับข้าพอดี ส่วนเจ้าก็กินถั่วลิสงกับผักเขียวไปเถอะ เจ้ากินแค่นั้นหมดได้ใช่ไหม?”
หลินเป่ยฟานได้แต่เงียบกริบกับคำพูดของนาง
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ยกมือขึ้นอย่างเงียบๆ และกล่าวว่า “เสี่ยวเอ้อ เพิ่มเป็ดย่างด้วย!”
“ได้โปรดรอสักครู่นะเจ้าค่ะ”
ในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง อาหารทั้งหมดก็เรียงรายอยู่ด้านหน้า
“เราจะเริ่มกินแล้วนะ!” เจ้าหญิงน้อยยื่นมือเล็กๆ อันอวบอ้วนออกมาและเริ่มรับประทานอาหารอย่างมีความสุขจนน้ำมันเต็มท่วมปาก
เมื่อมองไปยังเจ้าหญิงน้อยที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารของนาง หลินเป่ยฟานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและกล่าวว่า “ท่านสมกับเป็นนักชิมตัวน้อยจริงๆ!”
เจ้าหญิงน้อยรู้สึกโกรธยิ่ง “เจ้ากำลังดูถูกข้าอีกแล้วหรือ?”
“ไม่ ข้ายกย่องท่านต่างหาก!” หลินเป่ยฟานกล่าวอย่างจริงจังว่า “มีเพียงผู้ที่ดูดีและรักในอาหารเท่านั้นจึงจะสามารถูกเรียกว่านักชิมตัวน้อยได้! ส่วนผู้ที่ดูน่าเกลียดและรักอาหาร ต้องเรียกว่าคนตะกละต่างหาก!”
“อืม เจ้าพูดถูก!” เจ้าหญิงน้อยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
ทันใดนั้น นางก็พบว่าขุนนางทุจริตผู้นี้ไม่ได้ทำตัวน่ารำคาญอย่างที่นางคิด เขาถึงขั้นชมเชยยกย่องนางด้วยซ้ำ!
ไม่เลว ไม่เลวเลย!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา อาหารมื้อเย็นก็จบลงโดยไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่บนจาน หลินเป่ยฟานรู้สึกประหลาดใจในตัวเจ้าหญิงน้อยมาก นางกินอาหารจนหมด แต่ตัวกลับยังเล็กเท่าเดิม ความสามารถในการกินแล้วน้ำหนักไม่เพิ่มเช่นนี้ คงถูกสตรีหลายนางอิจฉาเป็นแน่แท้
“เรากินกันเสร็จแล้ว ไปกันได้หรือยังขอรับ?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มออกมา
"อืม! งานเลี้ยงทุกงานย่อมมีการเลิกลา“เจ้าหญิงน้อยพยักหน้า นางกระพริบตาโตและพูดออกมาอย่างคาดหวัง” แต่ถ้าเจ้าจะเลี้ยงข้าต่อ ข้าก็กินได้อีก!"
หลินเป่ยฟานถึงกับประหลาดใจ “ท่านยังไม่อิ่มอีกเหรอ?”
“อืม…” เจ้าหญิงตัวน้อยพยักหน้าซ้ำๆ พร้อมกับส่งสายตาคล้ายต้องการบอกใบ้บางอย่าง
หลินเป่ยฟานปิดหน้าของตนและกล่าวออกมาว่า “อย่ากินต่อเลย เล้าสุกรของข้าคงไม่สามารถเลี้ยงท่านได้แน่!”
"อะไรนะ! เจ้าเรียกข้าว่าสุกรเหรอ!“เจ้าหญิงตัวน้อยคลั่งไปแล้ว”เจ้าเสร็จข้าแน่!”
“อย่าเพิ่งสิขอรับ ข้ากำลังชมท่านต่างหาก!”
เจ้าหญิงตัวน้อยรู้สึกสับสน “เจ้าเรียกข้าว่าสุกรและบอกว่าเป็นการชมเนี่ยนะ?”
“ถูกต้องแล้ว เพราะสุกรน่ะมีประโยชน์มากขอรับ!” หลินเป่ยฟานยกตัวอย่าง อธิบายถึงประโยชน์ของหมูที่มากมายมหาศาล “หนังสุกรสามารถใช้ทำรองเท้าบูทได้ ขนสุกรสามารถใช้ทำแปรงได้ เนื้อสุกรสามารถกินได้ อวัยวะเพศสุกรสามารถใช้เพื่อเพิ่มความแข็งแรงทางเพศได้ หน้าสุกรสามารถใช้เพื่อทำให้ผู้คนกลัวได้ กระทั่งชื่อของพวกมันก็สามารถใช้เป็นการดูถูกได้! ท่านเห็นไหมว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับสุกรล้วนมีประโยชน์มาก มันจะไม่ใช่การชมท่านได้เช่นไร?”
เจ้าหญิงตัวน้อยถึงกับพูดไม่ออก
“ข้าขอบอกเจ้าเลยนะว่าข้าโกรธแล้ว! ข้าหิวมากและถ้าเจ้าไม่ให้ข้ากินมากกว่านี้ เจ้าจะต้องเสียใจแน่!” เจ้าหญิงตัวน้อยมองไปที่หลินเป่ยฟาน ท่าทางของนางดูน่ารักมาก
“ถ้าอยากได้อีกก็เชิญสั่งได้เลย ไม่ต้องยั้ง!” หลินเป่ยฟานกล่าวออกมาอย่างใจกว้าง
"ขอบคุณ! เสี่ยวเอ้อ เอามาให้ข้าอีกชุด!” เจ้าหญิงน้อยยกมือขึ้นอย่างตื่นเต้นและกินอีกชุดจนอิ่ม
เมื่อมองไปทางหลินเป่ยฟาน นางก็ทำหน้ามุ่ย “เราต้องไปแล้ว ทั้งหมด 300 ตำลึง จ่ายไปสิ!”
หลินเป่ยฟานประหลาดใจมาก “ท่านต้องเป็นคนจ่ายไม่ใช่เหรอ?”
เจ้าหญิงน้อยก็ประหลาดใจเช่นกัน “จะเป็นข้าได้ยังไง? ข้าเป็นเจ้าหญิง ทำไมข้าต้องจ่ายด้วย?”
"แต่ข้าไม่ได้มีเงินเลยนะ ถ้าท่านไม่จ่าย ใครจะจ่ายกันเล่า?” หลินเป่ยฟานตอบ
เจ้าหญิงตัวน้อยเริ่มรู้สึกกังวล “เจ้าจะไม่มีเงินได้ยังไง? เจ้าเป็นขุนนางทุจริตนะ!”
“ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าเป็นขุนนางทุจริต?” หลินเป่ยฟานตอบกลับอย่างมั่นใจ “ท่านเคยเห็นพวกขุนนางทุจริตนำเงินออกมาด้วยหรือ? พวกเขามีแต่เก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเองเท่านั้นแหละ!”
เจ้าหญิงตัวน้อยถึงกับพูดไม่ออก
จากนั้นหลินเป่ยฟานก็ส่ายศีรษะ “ตัวฉันไม่มีเงินจริงๆ หากท่านไม่เชื่อข้าก็ค้นตัวข้าสิ!”
เจ้าหญิงน้อยค้นตัวเขาแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่มีเงินติดตัวเลยจริงๆ
นางถอนหายใจอย่างผิดหวัง “ทำไมเจ้าถึงออกมาข้างนอกโดยไม่มีเงินเลยล่ะ?”
“ข้าไม่เคยพกเงิน ข้าใช้เพียงใบหน้าเท่านั้น!” หลินเป่ยฟานกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เพราะเมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของข้า พวกเขาก็ล้วนรู้สึกละอายใจและไม่ยอมให้ข้าจ่ายเงิน ข้าเองก็ต้องการจ่าย แต่พวกเขากลับคุกเข่าลงและขอร้องไม่ให้ข้าจ่าย!”
เจ้าหญิงตัวน้อยรู้สึกแย่ยิ่งนักจนพ่นลมหายใจออกมา “เจ้ามันเป็นพวกที่ชอบเอาเปรียบผู้อื่นและพยายามทำให้ตนเองถูกสินะ! ยามนี้ข้าจะจ่ายให้ก่อนก็ได้ แต่เจ้าต้องจ่ายคืนให้ข้าสองเท่าในภายหลังเข้าใจไหม?”
หลินเป่ยฟานพยักหน้าซ้ำๆ “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้วขอรับ!”
ผลก็คือในคืนถัดมา เมื่อเขากลับมายังเรือน เขาก็ได้พบกับเจ้าหญิงน้อยอีกครั้ง ไม่รู้ว่านางตั้งใจหรือแค่บังเอิญ