บทที่ 120 - ไปสู่จักรวาลที่ 6
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 120 - ไปสู่จักรวาลที่ 6
ในขณะที่ไทต์และฮานาเซียกำลังมองออกไปข้างนอกอย่างตื่นเต้น หลินเฉินก็เริ่มระวังตัวมากขึ้นและใช้ออร่าเพื่อรับรู้สภาพแวดล้อมโดยรอบ
เขาเคลื่อนย้ายออกจากยานอวกาศโดยตรงและมองไปโดยรอบ
“ฝ่าบาท มีอะไรหรือเปล่า?” ฮานาเซียถามผ่านเครื่องมือสื่อสาร
หลินเฉินไม่ตอบ แต่ยังคงระวังตัวต่อไป
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน หลินเฉินก็กลับไปที่ยานอวกาศ
“อืม ดูเหมือนว่าข้าจะจะระแวงเกินไป”
“หลินเฉินเกิดอะไรขึ้นเหรอ? ข้าไม่เคยเห็นท่านระมัดระวังตัวขนาดนี้มาก่อนเลย” ไทต์ถามด้วยความประหลาดใจ
“พวกเราต้องระวังตัวตลอดเวลา เพราะตามปกติแล้ว การเดินทางข้ามจักรวาลเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง ข้ากังวลว่าการมาถึงของเราอาจดึงดูดความสนใจของผู้ที่แข็งแกร่งบางคน” หลินเฉินอธิบาย
“ผู้ที่แข็งแกร่ง? พวกเขาจะแข็งแกร่งได้เพียงใดกัน พวกเขาแข็งแกร่งกว่าท่านด้วยหรือฝ่าบาท?” ฮานาเซียเมื่อได้ยินก็อยากหัวเราะออกมา
“ด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของข้า หากข้าได้พบกับคนเหล่านั้น ข้าเกรงว่าแค่คิดพวกเขาก็สามารถฆ่าข้าได้แล้ว” หลินเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
"อะไรนะ?"
ดวงตาของไทต์และของฮานาเซียเบิกกว้าง
ทางด้านฮานาเซียยิ่งไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของหลินเฉิน
หลินเฉินจึงอธิบายต่อ “ผู้แข็งแกร่งที่ข้ากำลังพูดถึงคือเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างและเทวดา พวกเขาก็เหมือนกับพระเจ้า”
“พวกเจ้าคงรู้แล้วสินะว่ามีทั้งหมด 12 จักรวาล ในแต่ละจักรวาลมีเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างและเทวดาอยู่ เทพเจ้าแห่งการทำลายล้างเป็นเทพเจ้าที่มีหน้าที่เพียงอย่างเดียวนั่นคือการทำลายล้าง สำหรับพวกเขา การทำลายจักรวาลเป็นเรื่องง่ายดายเหมือนกับการดีดนิ้ว ส่วนเทวดาเป็นผู้ติดตามของพระเจ้าแห่งการทำลายล้าง แต่ในความเป็นจริง พวกเขาเป็นเหมือนอาจารย์ของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างและมีพลังมากกว่าพระเจ้าแห่งการทำลายล้างเสียอีก”
“เทพแห่งการทำลายล้างของจักรวาล 7 ของเราชอบนิทราอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าคนทั่วไป ครั้งสุดท้ายที่เขาปรากฏตัวคือก่อนที่ข้าจะได้กลายเป็นราชาของชาวไซย่า”
“แต่เทพเจ้าแห่งการทำลายล้างของจักรวาลที่ 6 นั้นแตกต่างกัน คราวนี้เราข้ามผ่านมายังจักรวาลของเขา หากอีกฝ่ายสังเกตเห็น บางทีเขาอาจปรากฏตัวต่อหน้าเราเลย ถ้าเกิดเขาไม่ชอบเราหรือไม่ต้องการให้เราแตะต้องลูกแก้วมังกรของจักรวาลของพวกเขา เราจะทำอะไรได้ล่ะ?”
ดวงตาของไทต์และฮานาเซียเต็มไปด้วยความตกใจ พวกนางไม่ได้คิดเลยว่าจะมีตัวตนที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ด้วย...
ส่วนคำถามของหลินเฉิน พวกนางก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงดี
“อืม…แต่มันก็เป็นแค่ความเป็นไปได้หนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาคงจะไม่สังเกตเห็นเรา จักรวาลมีขนาดใหญ่มากและมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นตลอดเวลา มันก็คงเป็นเรื่องปกติกระมังที่เขาจะไม่สังเกตเห็นเรา เช่นนั้นก็รีบไปกันเถอะ”
เมื่อหลินเฉินและคนอื่นๆ จากไปอย่างรวดเร็วด้วยยานอวกาศ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าในชั้นระดับสูงของจักรวาลที่ 6 สตรีผู้มีผมสีเทาเงินยาวและมีห่วงที่ลอยอยู่รอบคอของนางกำลังสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขา ผ่านลูกแก้วเหนือคทาในมือของนาง
“โอ้ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีคนมาจากจักรวาลอื่นด้วย นี่มันก็ตั้งกี่ปีแล้วนะที่เกิดอะไรเช่นนี้?”
“แถมยังใช้เคลื่อนย้ายพริบตาของไคโอชินด้วยหรือ? แต่เหตุใดเขาถึงดูไม่เหมือนไคโอชินหรือผู้ติดตามของพระเจ้าเลย? ช่างน่าสนใจ!”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก นางหันกลับมา มองไปที่ร่างอ้วนที่นอนอยู่บนเก้าอี้ข้างนางที่ยังกรนและเกาก้นของตัวเองอีก
“ในเมื่อท่านแชมป้ากำลังพักผ่อน ครั้งนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปแล้วกัน”
หลังจากนั้น หญิงสาวก็เฝ้าดูพวกเขาด้วยความสนใจ ราวกับว่านางกำลังรับชมภาพยนตร์อยู่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและในชั่วพริบตา ครึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไป
แต่หลินเฉินและทั้งสองยังไม่พบที่อยู่ของลูกแก้วมังกรแม้แต่ลูกเดียวในจักรวาลที่ 6
เนื่องจากโปรุนก้าให้พิกัดจักรวาลที่ 6 แก่หลินเฉินเพียงที่เดียว เขาจึงไม่รู้ตำแหน่งเฉพาะของจักรวาลแห่งนี้ ซึ่งทำให้หลินเฉินไม่สามารถใช้เคลื่อนย้ายไปไหนได้เยอะสักเท่าไร
เคลื่อนย้ายพริบตาของหลินเฉินจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อรู้ตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจง ดังนั้นในยามนี้พวกเขามีแต่ต้องพึ่งพายานอวกาศเพื่อค้นหาที่อยู่ของลูกบอลมังกรในจักรวาลแห่งนี้เท่านั้น
ทว่าด้วยเหตุนี้ เสบียงบนยานอวกาศของพวกเขาจึงถูกใช้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
“ท่านหลินเฉิน แหล่งพลังงานของเรากำลังจะหมดแล้ว การไปหาดาวเคราะห์มาเติมเต็มพลังงานคงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว”
วันหนึ่ง เมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนบนหน้าจอระบบ ไทต์ก็กล่าวเตือนหลินเฉิน
“ไม่มีของเหลืออยู่ในแคปซูลพกพาเลยหรือ?” หลินเฉินกล่าวถาม
“มันหมดแล้ว อย่าลืมสิว่าเราออกมาตั้งเกือบครึ่งปีแล้วนะ! ไม่ใช่แค่พลังงาน แต่ยังรวมถึงอาหารด้วย!” ไทต์ขมวดคิ้วพร้อมกับถือแคปซูลพกพาที่ว่างเปล่าหลายอันไว้ในมือของนาง
ความอยากอาหารของชาวไซย่าเป็นที่รู้จักกันดี แม้ว่าหลินเฉินจะเตรียมอาหารและน้ำไว้มากมาย แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับเขาและฮานาเซีย
อีกทั้งพลังงานของยานอวกาศก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้อย่างมากเช่นกัน ส่วนสาเหตุที่ในจักรวาลที่ 7 ไม่เกิดปัญหาเช่นนี้ ก็เพราะหลินเฉินมักจะใช้เคลื่อนย้ายพริบตา พวกเขาจึงสามารถบินได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาครึ่งปีโดยไม่จำเป็นต้องเติมเสบียงใดๆ
แต่ในจักรวาลที่ 6 สถานการณ์มันแตกต่างกันมาก
“เอาล่ะ ถ้างั้นเรามาหาดาวเคราะห์ที่จะเอาไว้ใช้เติมพลังงานกันเถอะ…”
“คงจะดีถ้ามันเป็นดาวเคราะห์ที่มีอารยธรรมขั้นสูง เราจะได้แผนที่จักรวาลด้วย” ไทต์กล่าว
"อืม!"
หลังจากที่หลินเฉินพูดจบ เขาก็ใช้พลังสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมและในไม่ช้า เขาก็พบดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยสัญญาณของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา
“เจอแล้ว!”
พวกเขาทั้งสามเก็บยานอวกาศออกไปทันที จากนั้นก็ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาของหลินเฉินเพื่อมาถึงใกล้กับดาวเคราะห์ดวงนี้
มันเป็นดาวเคราะห์สีฟ้า มีขนาดประมาณโลกและบนพื้นผิวของดาวเคราะห์ พวกเขาสามารถมองเห็นยานอวกาศจำนวนมากที่บินเข้ามาและออกไป
"สุดยอด! ยอดเยี่ยมไปเลย! นี่เป็นดาวเคราะห์ที่เจริญแล้วสินะ!” ไทต์พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
"เช่นนั้นก็เข้าไปดูข้างในกันเถอะ!"
หลินเฉินคว้าทั้งสองเข้ามาแล้วก็เคลื่อนย้ายไปบนพื้นผิวของดาวเคราะห์
พื้นผิวส่วนใหญ่ของดาวดวงนี้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำทะเลและมีดินเหลืออยู่เพียงไม่กี่จุด ชาวพื้นเมืองส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนเรือขนาดใหญ่จำนวนมากที่ล้อมรอบแผ่นดินเอาไว้
เมื่อมองไปที่ยาน ดูเหมือน่วาระดับเทคโนโลยีของดาวดวงนี้คงจะล้ำหน้ากว่าโลกไปมาก
แต่สิ่งที่ทำให้หลินเฉินและอีกสองคนสับสนคือสิ่งที่เกิดขึ้นบนดาวดวงนี้มันผิดแปลกไป
ไม่ว่าจะบนบกหรือบนเรือในทะเลใกล้เคียง ก็จะเห็นแต่ยานอวกาศกำลังพยายามบินออกไปนอกอวกาศ
ยานอวกาศขนาดมหึมาที่มีความยาวหลายกิโลเมตรก็ลอยขึ้นมาจากทะเลและกำลังบินไปสู่อวกาศ
“ท่านหลินเฉิน ทำไมดูเหมือนว่าพวกเขากำลังหนีกันล่ะ?” ไทต์เอ่ยถาม
.
“ข้ารู้สึกเหมือนกันว่าพวกเขากำลังหนีกันอยู่” ฮานาเซียกล่าว
“ข้าจะลองไปถามดู”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเฉินก็เดินไปหาคนที่อยู่ใกล้ๆ
ดาวเคราะห์ดวงนี้มีเผ่าพันธุ์กึ่งมนุษย์อาศัยอยู่ พวกเขามีร่างกายคล้ายกับมนุษย์ แต่ผิวหนังของพวกมันเป็นสีฟ้าและใต้หูมีเหงือกปลา เช่นเดียวกับนางเงือกในตำนาน เพียงแค่ว่ามีเท้าด้วยเท่านั้นเอง
หลินเฉินหยุดคนที่เดินผ่านไปมาผู้หนึ่งที่หอบสัมภาระจำนวนมากและถามออกไปว่า “ขอโทษนะ เจ้าช่วยบอกข้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่กัน?”