ตอนที่ 548 แผนการของหยูฮัว
ตอนที่ 548 แผนการของหยูฮัว
“แบ่งเท่า ๆ กัน!? ฝันไปเถอะ!!” เสียงร้องคำรามของหยูฮัวทำให้ทุกคนตกใจมาก และเมื่อจิตสังหารของชายผู้นี้ได้ถูกปลดปล่อยออกมา มันก็ให้ความรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“เหตุผลที่ตระกูลจินของเราสามารถยืนหยัดในดินแดนของผู้ใช้กฎได้ นั่นก็เพราะว่าพวกเราไม่เคยเกรงกลัวใครมาก่อน ถ้าหากว่าฉันเดาไม่ผิดคนข้างซ้ายนั่นเป็นคนที่มาจากตระกูลหยูใช่ไหม?”
“ใช่ ฉันคือหลิวฮานซ่ง ทูตจากตระกูลหลิว”
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อจินเหยาหยางเป็นผู้อาวุโสของตระกูลจิน”
ตำแหน่งทูตเทียบเท่ากับตำแหน่งผู้อาวุโส ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเหล่านี้จึงล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ของตระกูลทั้งสิ้น ซึ่งมันก็หมายความว่าราชากฎทั้งสองคนนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญในตระกูลของตัวเอง
หลิวฮานซ่งพยักหน้ารับคำทักทายจากอีกฝ่ายเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดพวกเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนจากตระกูลที่มีชื่อเสียงในดินแดนของผู้ใช้กฎ
“ไม่ทราบว่าราชากฎคนสุดท้ายคือใคร? มาจากไหน? อย่างน้อยพวกเราก็ควรจะทำความรู้จักกันเอาไว้บ้าง” จินเหยาหยางกล่าว
ทั่วทั้งดินแดนของผู้ใช้กฎมีคนที่สามารถเลื่อนระดับมาจนถึงราชากฎได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น และถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบหน้ากันแต่มันก็มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะเคยได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายมาบ้าง ดังนั้นจินเหยาหยางจึงต้องการทราบรายละเอียดของหยูฮัว เพื่อประเมินว่าชายคนนี้กับหลิวฮานซ่งใครมีอำนาจหนุนหลังแข็งแกร่งมากกว่ากันกันแน่
เมื่อพลังของทั้งสามฝ่ายตกอยู่ในสภาวะที่สมดุลย์ การเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้ก็คือการดึงอีกฝ่ายมาเป็นพวกพ้องของตัวเองเพื่อกำจัดศัตรูอีกฝ่ายหนึ่งลงไปก่อน
“ตระกูลจินกับตระกูลหลิวต่างก็เป็นตระกูลใหญ่ แต่ฉันเป็นเพียงแค่คนนิรนาม พวกคุณไม่จำเป็นจะต้องมาใส่ใจเรื่องภูมิหลังของฉันหรอก” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกไปเสียงดัง
เหตุการณ์นี้ทำให้จินเหยาหยางกับหลิวฮานซ่งชะงักไปเล็กน้อย เพราะถ้าหากว่าหยูฮัวไม่คิดที่จะเปิดเผยตัวเอง มันก็หมายความว่าชายคนนี้มีแผนการอื่นภายในใจ ชายชราผมแดงกับชายหนุ่มผิวขาวจึงสบสายตากันโดยคิดที่จะร่วมมือกันจัดการกับหยูฮัวก่อนเป็นอันดับแรก
ในความเป็นจริงมันต้องโทษยาศัลยกรรมที่ทำให้ใบหน้าของเซี่ยเฟยและหยูฮัวกลายเป็นใบหน้าที่ดุร้ายคล้ายกับใบหน้าของอาชญากร แล้วมันก็เป็นเรื่องปกติที่อาชญากรสมควรจะต้องถูกกำจัดเป็นอันดับแรก
เซี่ยเฟยสัมผัสกับขนอุยในอ้อมแขนของเขาอย่างเงียบ ๆ เพราะหยูฮัวทำให้สถานการณ์ทางฝ่ายของพวกเขาตกอยู่ภายใต้ความเสียเปรียบอย่างเต็มประตู
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ไม่ได้มีเวลามาบ่นหยูฮัวในตอนนี้ เพราะเขาจำเป็นจะต้องจำลองสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในใจอย่างรวดเร็ว และพยายามคิดหาวิธีว่าเขาสมควรจะทำอย่างไรเพื่อให้หนีรอดออกไปจากเหตุการณ์นี้ให้ได้อย่างปลอดภัย
จินเหยาหยางกับหลิวฮานซ่งเริ่มแอบสื่อสารกันผ่านทางสายตาอย่างลับ ๆ ขณะที่ลูกน้องของพวกเขาก็เริ่มขยับเข้าหาเซี่ยเฟยอย่างช้า ๆ
“การเข้ามาที่นี่มันง่าย แต่การพยายามเอาชีวิตรอดกลับออกไปมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แน่” หยูฮัวส่งเสียงคำรามพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
เจ็ดมังกรแยกฟ้า!!
รอยแตกแยกมิติอันรุนแรง 7 สายได้พุ่งออกไปจากฝ่ามือของหยูฮัวอย่างรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายเป็นจินเหยาหยางกับหลิวฮานซ่งที่เริ่มเคลื่อนไหวไปอยู่ใกล้ ๆ กันแล้ว
“เจ็ดมังกรแยกฟ้า!! นี่เขาสามารถทะลวงผ่านราชากฎขั้นที่ 6 ไปได้แล้วงั้นเหรอ?!” จินเหยาหยางและหลิวฮานซ่งต่างก็ชะงักไปด้วยความตกตะลึง เพราะท้ายที่สุดถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นราชากฎเหมือน ๆ กัน แต่มันก็มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างราชากฎขั้นพื้นฐานกับราชากฎขั้นสูง
ในทุก ๆ ระดับจะใช้เกณฑ์วัดในระดับขั้นที่ 6 เพื่อแบ่งชนชั้นของนักรบในระดับนั้นย่อย ๆ ออกไป เช่น ราชากฎขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 5 จะถือว่าเป็นราชากฎขั้นพื้นฐาน ขณะที่ราชากฎขั้นที่ 6 ถึงขั้นที่ 9 จะถูกเรียกขานว่าราชากฎขั้นสูง
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าหยูฮัวเป็นผู้ใช้กฎที่ทรงพลังมาก แต่เขาก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นบุคคลที่ทรงพลังขนาดนี้
พ่อค้าที่เอาแต่ค้าขายไปวัน ๆ มีพลังอยู่ในระดับราชากฎขั้นสูงเนี่ยนะ?! ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็เป็นเรื่องที่อยู่เหนือเกินกว่าสามัญสำนึกของคนธรรมดาไปไกล
เดิมทีจินเหยาหยางและหลิวฮานซ่งคิดว่าเมื่อพวกเขาร่วมมือกัน พวกเขาก็จะสามารถเอาชนะหยูฮัวไปได้ง่าย ๆ แต่หลังจากที่ชายคนนี้ได้เปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเองออกมา โอกาสของผู้ที่ได้รับชัยชนะก็เริ่มโน้มเอียงไปยังฝ่ายตรงข้ามมากกว่าพวกเขา
เจ็ดมังกรแยกฟ้าสร้างแรงกดดันให้กับราชากฎทั้งสองอย่างรุนแรง และพวกเขาก็ต้องพยายามแสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่เพื่อหยุดการโจมตีในครั้งนี้เอาไว้
แต่น่าเสียดายที่ความแตกต่างทางด้านความแข็งแกร่งทำให้พวกเขาได้กลายเป็นเพียงแค่คนที่ไร้พลัง และสถานการณ์ในปัจจุบันก็บีบบังคับไม่ให้พวกเขาสามารถทำการหลบหนีได้
นอกจากการต่อสู้ระหว่างราชากฎทั้งสามคนแล้ว เซี่ยเฟยก็กำลังเผชิญหน้ากับผู้ใช้กฎมากกว่า 20 คนด้วยเช่นกัน และเนื่องมาจากว่าผู้ใช้กฎทั้ง 20 คนนี้ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างราชากฎได้จริง ๆ พวกเขาจึงได้กำหนดเป้าหมายมาที่ลูกน้องของหยูฮัวอย่างเซี่ยเฟย
จินกู่มองไปที่เซี่ยเฟยด้วยแววตาอันเย็นชา และเนื่องมาจากว่าหัวหน้าของเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ เขาจึงคิดที่จะใช้ชีวิตของเซี่ยเฟยเพื่อทำให้หยูฮัวเสียสมาธิในระหว่างการต่อสู้
เล่ห์กายา!
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่รอให้ศัตรูมาจู่โจมเขาก่อน และในคราวนี้เขาก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายจู่โจมเข้าใส่ศัตรูก่อนด้วยซ้ำ
แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีจำนวนคนและระดับพลังสูงกว่าเขา แต่เซี่ยเฟยก็ยังกล้าเผชิญหน้ากับคนพวกนี้โดยไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ขนอุย ฆ่าพวกมันซะ!!”
เมื่อได้รับคำสั่งขนอุยก็รีบกระโดดออกมาจากอ้อมแขนของเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็เริ่มจู่โจมด้วยการจู่โจมรูปแบบที่ 2 ที่มันพึ่งคิดค้นมาได้
พริบตาต่อมามันก็มีกระจกพลังงาน 6 บานปรากฏขึ้นในอากาศ ปกป้องร่างของขนอุยและเซี่ยเฟยเอาไว้ทางด้านใน
กระจกพลังงานพวกนี้คือพลังงานที่ขนอุยได้เก็บสะสมเอาไว้ภายในร่างกายมาเป็นเวลานานแล้ว และการเคลื่อนไหวของเจ้าตัวเล็กในรูปแบบที่ 2 มันก็เป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวที่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันมากกว่า แต่มันก็ยังสามารถนำมาใช้ในการโจมตีได้ด้วยเช่นกัน
พริบตาต่อมาขนอุยก็พุ่งตัวออกไปโดยที่ทั่วทั้งร่างของมันเต็มไปด้วยพลังงาน จากนั้นมันก็ใช้ร่างของมันกระเด้งกระดอนเข้าใส่กระจกพลังงานอย่างรวดเร็ว ทำให้การจู่โจมในลักษณะนี้ยากที่จะคาดเดาทิศทางของมันได้
เหล่านักรบที่เข้ามาในระยะโจมตีของขนอุยพยายามที่จะกระโดดหลบร่างของอสูรตัวน้อยอย่างฉับพลัน เพราะพวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานอันเอ่อล้นภายในร่าง และแม้แต่นักรบที่อ่อนแอที่สุดก็ยังสัมผัสได้ว่าขนอุยเป็นสัตว์อสูรที่อันตรายมากแค่ไหน
ตูม!
ในที่สุดนักรบ 2 คนที่มีระดับต่ำที่สุดก็พลาดปะทะเข้ากับขนอุยโดยตรง ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บในทันทีแม้ว่าพวกเขาจะมีวิชากฎคอยปกป้องร่างของตัวเองเอาไว้แล้วก็ตาม
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็เคลื่อนที่ติดตามขนอุยอย่างใกล้ชิด นั่นก็เพราะว่าเขายังไม่ได้เรียนรู้การใช้กฎมิติในการสร้างเกราะกำบัง เขาจึงใช้ขนอุยมารับหน้าที่เป็นโล่ให้กับเขาแทน
มือซ้ายของเขาได้ถือบลัดบิวเทียสเอาไว้ ขณะที่มือขวาถือหิมะโปรยเตรียมจู่โจมตลอดเวลา
ขวับ!
เซี่ยเฟยเริ่มจู่โจมเข้าใส่ผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ในทันที และด้วยกลยุทธ์การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้มันจึงยังไม่มีใครสามารถทำอันตรายชายหนุ่มคนนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นการจู่โจมของชายหนุ่มทุกครั้งยังแฝงไปด้วยพลังของกฎแห่งความโกลาหล ดังนั้นถึงแม้ว่านักรบทุกคนจะใช้พลังของกฎในการปกป้องตัวเอง แต่มันก็ไม่มีอะไรสามารถกีดขวางพลังของกฎแห่งความโกลาหลได้ ทุก ๆ การจู่โจมของชายหนุ่มจึงมีอันตรายถึงชีวิต
ในพริบตาเดียวผู้ใช้กฎ 3 คนก็ถูกร่างของขนอุยกระแทกกระเด็นออกไป ขณะที่เซี่ยเฟยใช้อาวุธทั้งสองจู่โจมเข้าใส่ศัตรูอย่างเลือดเย็น ทำให้หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นานสมาชิกของตระกูลจินที่มีจำนวนมากกว่า 12 คนก็ได้เสียชีวิตไปแล้วไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
ตระกูลจินถนัดใช้กฎแห่งมิติในการสร้างกรอบป้องกัน ขณะที่ตระกูลหลิวถนัดใช้กฎแห่งสสารในการจู่โจมที่หลากหลาย แต่เมื่อ 1 คน 1 สัตว์อสูรที่บ้าคลั่งเริ่มจู่โจมเข้ามา การป้องกันของพวกเขามันก็กลายเป็นเพียงแค่การป้องกันของเด็กน้อย
นักรบคนหนึ่งพยายามใช้กฎแห่งสสารสร้างกำแพงโลหะขึ้นมาจากพื้นดิน แต่ขนอุยก็ยังคงพุ่งตัวเข้าไปใส่กำแพงนั้นโดยไม่สนใจและสามารถพุ่งทะลุผ่านกำแพงไปได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่านักรบคนนั้นจะได้สร้างกำแพงขึ้นมาถึงสามชั้น แต่ท้ายที่สุดขนอุยก็สามารถพุ่งทะลุผ่านกำแพงทั้งหมดไปได้อยู่ดี ก่อนที่ร่างของมันจะพุ่งตรงเข้าไปสู่ใจกลางนักสู้ทั้งเจ็ดของตระกูลหลิว
ฉัวะ!
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็ทำการตวัดอาวุธภายในมือออกไปอย่างช่ำชอง และทุกครั้งที่เขาสังหารเป้าหมายได้เขาก็จะเคลื่อนที่ตามขนอุยต่อไปเพื่อใช้สัตว์อสูรของตัวเองเป็นโล่กำบัง
ไม่มีใครเคยเห็นกลยุทธ์แปลก ๆ ในลักษณะนี้มาก่อน แล้วมันก็ไม่มีใครสามารถหยุดการบุกทะลวงของคู่หูคู่นี้ได้
“ฉันนึกออกแล้ว! มันคือมารขาวที่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์”
“อะไรนะ? มารขาวอสูรทำลายดาวในตำนานนั่นน่ะเหรอ?!”
“โอ้ไม่นะ! เขามีมารขาวเป็นอสูรในพันธสัญญาแบบนี้ แล้วพวกเราจะจัดการกับเขายังไง?”
เมื่อเหล่านักรบตระหนักถึงตัวตนของขนอุย พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนเซี่ยเฟยผู้ซึ่งกำราบอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ย่อมไม่ใช่นักสู้ธรรมดาอย่างแน่นอน และเมื่อมันประกอบกับใบหน้าในปัจจุบันของชายหนุ่มซึ่งเป็นใบหน้าอันดุร้าย มันก็ยิ่งทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกหวาดกลัวเขามากยิ่งขึ้น
ในอีกด้านหนึ่งรอยแยกมิติที่หยูฮัวปลดปล่อยออกมาก็สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างคล่องแคล่วคล้ายกับพวกมันเป็นอสรพิษที่ยังมีชีวิต แยกกันไปจู่โจมร่างของจินเหยาหยางและหลิวฮานซ่งอย่างดุร้าย
ตูม!
พื้นที่มิติบริเวณนั้นถูกฉีกออกอย่างรุนแรง ก่อนที่มันจะเผยให้เห็นร่างของจินเหยาหยางซึ่งมีบาดแผลฉกรรจ์ 4 แห่ง ขณะที่หลิวฮานซ่งก็มีบาดแผลฉกรรจ์บนร่าง 3 แห่งไม่ได้ดีไปกว่ากัน จากนั้นร่างของพวกเขาก็เหมือนกับแก้วที่แตกสลายที่เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ในทันที ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะหายไปจากตรงนั้นอย่างสมบูรณ์
เซี่ยเฟยมองภาพตรงหน้าด้วยความสยดสยอง และในที่สุดเขาก็เพิ่งตระหนักว่านี่คือความน่ากลัวที่แท้จริงของกฎแห่งมิติ
ตระกูลหยูเป็นตระกูลที่ขึ้นชื่อเรื่องการฉีกกระชากมิติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเมื่อพลังนี้ได้มาอยู่ในมือของหยูฮัว มันกลับยิ่งแสดงพลังออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัดมากขึ้นกว่าเดิม
พลังที่สามารถฉีกร่างของราชากฎออกจากกันได้ในพริบตาเนี่ยนะ!
นี่มันจะเป็นพลังที่โหดร้ายมากจนเกินไปแล้ว!!
‘อย่าบอกนะว่าหยูฮัววางแผนที่จะจัดการกับสองคนนั้นตั้งแต่แรก เขาเลยตั้งใจลดพลังของตัวเองเพื่อทำให้พลังของทั้งสามฝ่ายเกิดความสมดุลย์ จากนั้นเขาก็ได้ใช้ช่วงเวลาที่ทั้งสองคนยังไม่ทันได้ตั้งตัวส่งพลังทั้งหมดกระแทกกลับไป จนทำให้สองคนนั้นไม่มีเวลาที่จะปกป้องตัวเองเอาไว้ได้?’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
ทักษะการคิดวิเคราะห์เป็นจุดเด่นของเซี่ยเฟยมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่เขาได้รับจากการคิดวิเคราะห์ในครั้งนี้มันก็ทำให้เขาอดที่จะขนลุกขึ้นมาไม่ได้
หากทุกสิ่งที่เขาวิเคราะห์เป็นความจริง แผนการของหยูฮัวมันก็เป็นแผนการที่แยบยลมากจนเกินไปแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เซี่ยเฟยก็อดที่จะขนลุกขึ้นมาไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าตัวตนของเขาไม่ได้อยู่ในการคำนวณของหยูฮัวตั้งแต่แรก แล้วมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากที่เขาสามารถรอดชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้
***************