CD บทที่ 399 ภูผาไม่อาจปกคลุมผืนฟ้า
“ปล่อยนะ!”
เหมี่ยวอิงยังคงดิ้นรน พร้อมกับตะโกนออกมา
จ้าวหยู่กอดเหมี่ยวอิงจากด้านหลังและล็อคแขนทั้งสองข้างของเธอพร้อมกันเพื่อไม่ให้เธอหนีไปจากอ้อมแขนของเขาได้ จากนั้นเขาก็โน้มศีรษะไปข้างหน้าและถูแก้มของเหมี่ยวอิงเพื่อที่จะขยับเส้นผมของเธอออก แล้วเขาจะได้จูบเธอ!
เหมี่ยวอิงเคลื่อนไหวร่างกายและศีรษะของเธอตลอดเวลา โดยไม่ยอมให้เป้าหมายของจ้าวหยู่สำเร็จได้ง่าย ๆ แต่ทว่าจ้าวหยู่ก็มีวิธีของเขา ด้วยพละกำลังที่มากกว่าเหมี่ยวอิง ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนอย่างไร เธอก็ไม่สามารถหลบหนีได้
ฉากแบบนี้… มันควรจะเหมือนกับพวกเขากำลังต่อสู้กัน แต่ความจริงแล้วดูเหมือนคู่รักกำลังเกี้ยวพาราสีกันมากกว่า
เหมี่ยวอิงไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายมากขนาดนี้มาก่อน ดังนั้น หัวใจของเธอจึงเต้นแรง แก้มของเธอก็แดงระเรื่อ
แต่เหมี่ยวอิงก็คือเหมี่ยวเหรินเฟิงอยู่วันยังค่ำ เธอผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน เมื่อเธอเห็นว่าพละกำลังของจ้าวหยู่นั้นมากกว่าเธอ และรู้ว่าเธอคงไม่สามารถเอาชนะเขาได้ เธอจึงต้องมองหาวิธีการอื่น ๆ แทน
ขณะที่เธอรู้สึกได้ถึงแก้มของจ้าวหยู่ เธอจึงลดศีรษะลงแล้วกระแทกกลับไปโดยหวังว่ามันจะทำให้เขาเซจนปล่อยมือออก
แต่จ้าวหยู่ใช้กลอุบายดังกล่าวบ่อยมาก และเขาป้องกันตัวเองจากเหมี่ยวอิงได้อย่างง่ายดาย เขาใช้ประโยชน์จากความสูงของเขาและหลบไปด้านข้าง หลบหนีการโจมตีที่รุนแรงของเหมี่ยวอิงได้สำเร็จ
“ย๊าก!”
อารมณ์เดือดดาลของเหมี่ยวอิงได้ถูกจุดขึ้น ขณะที่เธอเหวี่ยงตัวไปทางซ้ายและขวา ต้องการที่จะหนีจากการควบคุมของจ้าวหยู่ แต่จ้าวหยู่ขยับตามการเคลื่อนไหวของเธอเพื่อลดแรงเหวี่ยง ทั้งสองคนยื้อยุดฉุดกระชากไปมา แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือ
เมื่อเห็นว่าแผนนี้ไม่ได้ผล เหมี่ยวอิงจึงจับไปที่ขาทั้งสองข้างของเธอและกระโดดขึ้นไปในอากาศโดยต้องการใช้น้ำหนักตัวของเธอเพื่อกระแทกจ้าวหยู่ลงไป!
จ้าวหยู่ใส่กำลังเข้าไปในแขนของเขาอย่างรวดเร็ว เก็บหน้าอกของเขาไว้ และก้มลงเพื่ออุ้มเหมี่ยวอิงขึ้นไปในอากาศ เพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวของเธอส่งผลกระทบต่อเขา และเขายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างเต็มที่
แต่อนิจจา ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่จ้าวหยู่คาดไว้
ปรากฏว่าเหมี่ยวอิงเฝ้ารอจังหวะที่จ้าวหยู่อยู่นิ่ง ๆ เธอยกขาข้างหนึ่งขึ้นสูง และใช้ส้นเท้ากระทืบเท้าของจ้าวหยู่อย่างแรง มันเป็นท่าที่เธอเคยโดนจ้าวหยู่ใช้เล่นงานเธอในตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรก มันมีชื่อว่า ‘ท่ากระทืบหมู’
“อ๊าก!”
จ้าวหยู่ได้รับบาดเจ็บที่เท้าและแขนของเขาคลายออก เหมี่ยวอิงจึงฉวยโอกาสศอกเข้าที่ท้องของเขา และจับแขนของเขาอย่างรวดเร็ว!
“ฮึ่ม!”
เหมี่ยวอิงลงน้ำหนักลงบนท่าล็อคแขน จากนั้นเธอก็ถีบเท้าลงบนหลังของจ้าวหยู่ พร้อมกับเสียงคำรามอย่างเดือดดาล
“โอ๊ย ๆ ๆ ๆ”
จ้าวหยู่รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และเมื่อเขาลืมตา เขาก็มองเห็นได้แต่ดวงดาว...
“แฮ่ก… แฮ่ก…” เหมี่ยวอิงกำลังหายใจหอบ ขณะที่เธอชูนิ้วกลางให้จ้าวหยู่และถ่มน้ำลาย “เป็นยังไงบ้าง? ไอ้ขี้แพ้!”
“ฉันไม่ยอมหรอก อีกนิดเดียวแท้ ๆ!” จ้าวหยู่ลุกปีนขึ้นจากพื้น “เอาอีก มาสู้กันอีกรอบ…”
แต่เมื่อเขาปัดฝุ่นที่ก้นออก เขาเห็นว่าเหมี่ยวอิงเข้าไปในในเต็นท์แล้ว
"เอ๋? ผู้กองเหมี่ยว นี่มันหมายความว่าอย่างไร?“จ้าวหยู่ตามไปอย่างรวดเร็วในขณะที่เขาจับทางเข้าเต็นท์และถามว่า”ธุระของเราไม่เสร็จเลย คุณเป็นเจ้านายของฉัน ฉันไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก เรามาต่อกันดีกว่า…”
"ไปให้พ้น!" เหมี่ยวอิงได้ตอบกลับ
“โอ้… คุณเหนื่อยเหรอ? หรือง่วงนอน?” จ้าวหยู่ถูมือของเขาด้วยกันและยิ้ม “ฮิฮิฮิ จริงด้วย เราเดินมาไกลมากแล้ว คุณคงเหนื่อยมาก งั้น… เรามานอนกันเถอะ…”
*เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!*
เมื่อจ้าวหยู่กำลังจะเข้าไปในเต็นท์ จู่ ๆ ก็มีกระแสไฟฟ้าปรากฏออกมา จ้าวหยู่ตกใจและหยุดที่ทางเข้า แต่เขาเห็นเหมี่ยวอิงกำลังถือกระบองไฟฟ้าในมือแต่ละข้างของเธอ ซึ่งแต่ละอันส่งเสียงดังพร้อมกับประกายไฟฟ้าที่เกรี้ยวกราด
มันเป็นภพที่น่ากลัวมาก!
‘กระบองไฟฟ้า!?’
‘สองอันด้วย!’
‘แย่แล้ว!’
จ้าวหยู่จับเอวของเขาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาถูกหลอก เขาไม่คาดคิดเลยว่า ตอนที่เหมี่ยวอิงเอามือของเขาไพล่หลังนั้น เธอจะเอากระบองไฟฟ้าของเขาไปด้วย!
“เหมี่ยว เหมี่ยว เหมี่ยว…” จู่ ๆ จ้าวหยู่ก็ดูอ่อนแรง “คุณ… คุณกำลังจะทำอะไรน่ะ?”
"ทำอะไรงั้นเหรอ!?" เหมี่ยวอิงตอบด้วยความโมโห “อย่าลืมว่าเรามาที่นี่เพื่อปฏิบัติภารกิจ ข้างนอกมีอาชญากรมากมาย ดังนั้นเราต้องระวังตัวให้ดี และอย่าปล่อยให้คนชั่วฉวยโอกาส!”
"ฮะ!?" จ้าวหยู่รู้สึกตกใจในขณะที่เขาหาทางเอาตัวรอด "แต่ว่านะ ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาว เธอไม่คิดจะปล่อยให้ฉันหนาวตายเลยใช่ไหม ผู้กองเหมี่ยว ให้ฉันเข้าไปนะ ฉันสาบานว่าจะไม่ทำอะไร…”
*เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!*
กระแสไฟฟ้าถือเป็นคำตอบสำหรับคำถามของจ้าวหยู่ พร้อมกันนั้นซิปก็ถูกรูดปิดทางเข้าออก
“นี่… เป็นไปได้ยังไงกัน?”
จ้าวหยู่ทรุดตัวด้วยอาการบาดเจ็บและรู้สึกผิดหวัง เขาคิดกับตัวเองว่า
‘วันนี้ฉันได้คำว่า ‘Kan’ ไม่ใช่เหรอ? ทำไมกัน… ทำไมฉันถึงเผด็จศึกเธอไม่ได้?’
เมื่อมองเข้าไปในป่าที่มืดมิด จ้าวหยู่ก็รู้สึกถึงความเย็นและรีบเดินเข้าไปใกล้กองไฟ
จ้าวหยู่หยิบกระป๋องเบียร์และดื่มข้างกองไฟ เบียร์เย็น ๆ ทำให้เขาตัวสั่น จ้าวหยู่เต็มไปด้วยความเสียใจ
‘ถ้าฉันรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ ฉันเอาว้อดก้ามาดีกว่า’
ใครจะไปคิดว่าป่าในฤดูร้อนจะหนาวได้ขนาดนี้
‘สุดท้ายฉันก็พลาดจนได้’
จ้าวหยู่คิดว่าเขาจะสามารถเผด็จศึกเธอได้ในวันนี้ แต่มันกลายเป็นจุดจบที่น่าเศร้า ถ้าเขารู้ เขาคงว่านอนสอนง่ายไปแล้ว อย่างน้อย ๆ เขาก็ได้นอนในเต็นท์อุ่น ๆ
*ครืด…*
ในขณะที่จ้าวหยู่รู้สึกหดหู่จริง ๆ เหมี่ยวอิงก็เปิดประตูทางเข้าเต็นท์ออกมา
"ฮะ?" ดวงตาของจ้าวหยู่สว่างขึ้น สาวงามกำลังเชิญชวนให้ฉันเข้าไป? เขารีบวิ่งไปที่ทางเข้าทันที แต่มีเพียงถุงนอนเท่านั้นที่ลอยออกมา
“จ้าวหยู่ โชคดีที่ฉันเอาถุงนอนมาเอง คุณเอามันไปนอนซะนะ แต่ว่า คุณไม่ได้เอาเสื่อกันความชื้นมาด้วย ฉันจะรอดูว่าคุณจะอยู่รอดพ้นคืนนี้ไปได้มั้ย?”
จากนั้น เธอก็ปิดประตูทางเข้าเต็นท์อีกครั้ง
“เอ๊ะ? เฮ้ เฮ้ เฮ้…” จ้าวหยู่แตะเต็นท์ในขณะที่เขาอ้อนวอนอีกครั้ง “ผู้กองเหมี่ยว คุณอย่าใจร้ายแบบนี้ได้ไหม? มีสัตว์ป่าอยู่ข้างนอก และฉันกลัวที่จะอยู่คนเดียว ทำไมไม่… ทำไมไม่ให้ฉันเข้าไปข้างในล่ะ?”
*เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!*
มีกระแสไฟฟ้าส่องสว่างอีกครั้ง…
“อึ่ก…” จ้าวหยู่กลืนน้ำลายและกลับไปอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเวลาผ่านไป จ้าวหยู่รู้สึกเหนื่อย เขาเติมฟืนลงในกองไฟแล้วเข้าไปในถุงนอน เขาพิงโขดหินใหญ่ข้างกระโจมเตรียมพักผ่อน
ก่อนที่เขาจะเข้านอน เขามองดูเต็นท์อีกครั้ง โดยตระหนักว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ในเต็นท์ เขาคิดว่าเหมี่ยวอิงคงนอนไปแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์รึเปล่า จู่ ๆ จ้าวหยู่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ และตะโกนไปที่เต็นท์
“ผู้กองเหมี่ยว! ถ้า… ถ้าฉันพบเทวรูปทองคำ คุณจะแต่งงานกับฉันไหม!?”
หลังจากตะโกน ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา มีเพียงเสียงของกองไฟเท่านั้นที่ได้ยิน
“ถ้าอย่างนั้น…” จ้าวหยู่ตะโกนอีกครั้ง “ถ้าฉันพบเทวรูปทองคำ! เรามามีอะไรกันในป่าดีมั้ย!?”
*เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!*
มีกระแสไฟฟ้ากะพริบในเต็นท์อีกครั้ง…
“ก็ได้ ๆ ฉันจะถือว่าเมื่อกี้ ฉันไม่ได้พูดอะไรออกมา…”
จ้าวหยู่วางมือทั้งสองข้างไว้ด้านหลังศีรษะและนอนลง เขาชื่นชมท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านยอดไม้ เขาเห็นดวงดาวในแสงจันทร์สีเงินซึ่งชวนให้หลงใหล
ทันใดนั้น การแจ้งเตือนการสิ้นสุดของระบบก็ดังขึ้น ระบบบอกจ้าวหยู่ว่าอัตราการสำเร็จการผจญภัยของเขาในวันนั้นอยู่ที่ 87% และเขาได้รับกุญแจผีล่องหน
แม้ว่าอัตราการสำเร็จของเขาจะไม่สูง แต่จ้าวหยู่ก็ตระหนักถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ เขารู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นคำว่า ‘Gen’ หรือ ‘Kan’ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ไม่มีความคืบหน้าเลย แต่อัตราการสำเร็จกลับสูงถึง 87% อย่างน้อย ๆ เขาก็สามารถบอกได้ว่าการเดินทางมาที่นี่ มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
ด้วยความเข้าใจในระบบของเขา จ้าวหยู่จึงสันนิษฐานว่าหากในวันถัดไปเขายังคงได้รับคำว่า ‘Gen’ เขาค่อนข้างแน่ใจว่าแนวทางการสืบสวนของเขาถูกต้อง พวกเขาอาจสามารถหาเบาะแสเกี่ยวกับโจรปล้นสุสานได้ในเร็ว ๆ นี้!
จ้าวหยู่อดไม่ได้ที่จะหวังว่า ถ้าเขาสามารถได้รับคำว่า ‘Gen’ ในวันถัดไป มันควรจะมาพร้อมกับคำว่า ‘Dui’ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็อาจจะค้นพบเทวรูปทองคำด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า หากเขาได้คำว่า ‘Kan’ ก็ไม่เลวเช่นกัน เนื่องจากแผนการของเขาไม่ได้ผลในวันนี้ ไม่แน่ว่า มันอาจจะสำเร็จในวันถัดไปก็ได้ ใครจะไปรู้
ขณะที่จ้าวหยู่กำลังวาดฝัน เขาได้เหลือบไปมองนาฬิกาของเขา เขาตระหนักว่ามันเลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถรับคำทำนายใหม่ได้
‘เยี่ยมไปเลย!’
‘ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมไม่จุดบุหรี่เร็ว ๆ ล่ะ?’
เมื่อจ้าวหยู่พร้อมที่จะจุดบุหรี่และรับคำทำนายใหม่ เขาก็เตรียมใจเอาไว้ให้พร้อม ถ้าเขาไม่ได้รับคำว่า ‘Gen’ แสดงว่าแนวทางการสืบสวนของเขาไม่ถูกต้อง และการมาที่ภูเขาแห่งก็คงจะเสียเวลาเปล่า เขาจะต้องมองหาเบาะแสอื่น ๆ
“โอมมะลึกกึ๊กกึ๋ยย์…”
จ้าวหยู่ร่ายมนตร์ที่คิดค้นขึ้นเองอีกครั้ง จากนั้น เขาก็สูบบุหรี่เข้า เสียงไอก็ตามมาในเวลาไม่นาน
*แค่ก! แค่ก! แค่ก!*
และแล้วคำทำนายใหม่ก็ปรากฏขึ้นมา แต่เขาไม่เคยคาดคิดว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เขาจินตนาการไว้ มันไม่เกิดขึ้นตามที่เขาหวัง
แม้ว่าระบบจะให้คำว่า ‘Gen’ แต่อีกคำที่ตามมา มันทำให้หัวของเขามึนราวกับถูกตีด้วยกระบอง เขาตกตะลึง มือไม้สั่น และทำอะไรไม่ถูก
และเขาได้ยินระบบพูดขึ้นว่า
"’Gan-Qian’ ‘Gan’ สื่อถึงภูเขา ‘Qian’ สื่อถึงท้องฟ้า”
“ภูเขากว้างใหญ่ แต่ไม่อาจปกคลุมผืนฟ้า ภายใต้หุบเขากลับไร้ซึ่งสิ่งใด นกน้อยและหมู่รัง กลับหายไปไร้ซึ่งร่องรอย ปรากฏแต่อสูรประหลาด เนื้อตัวประดับด้วยเพชรพลอย มันได้แต่หวาดผวาดั่งเกลียวคลื่น…”