1084 - ข้าไม่รู้จักเจ้าอีกต่อไปแล้ว
1084 - ข้าไม่รู้จักเจ้าอีกต่อไปแล้ว
เมื่อสงครามสิ้นสุดลงกลุ่มคนเถื่อนก็กลับสู่ที่ตั้งของพวกเขาในหนานหลิงอีกครั้ง
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นิกายใหญ่ๆ ยังคงมาเยือนกลุ่มคนเถื่อนในหนานหลิงอย่างไม่สิ้นสุด การต่อสู้ที่เป่ยหยวนทำให้โลกตกตะลึงและมหาอำนาจต่างๆ จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเพื่อแสดงท่าที
คนเถื่อนมีกฎการปฏิบัติของตนเองและพวกเขายากที่จะคบหากับใครได้อย่างสนิทใจ อย่างไรก็ตามวันนี้คนเถื่อนแห่งหนานหลิงกำลังต้อนรับแขกผู้มีเกียรติกลุ่มหนึ่ง
“ตระกูลจี้แห่งตงหวง”
“เด็กคนนั้นไม่ได้กลับมากับเราจริงๆ เขาอยู่ที่เป่ยหยวน ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะกลับมาเมื่อใด” ชายชราจากชนเผ่าคนเถื่อนอธิบาย
จี้จื่อเยว่ย่นจมูกของนางและกล่าวว่าไม่พอใจและกล่าวว่า
“เขากำลังทำอะไรอยู่?”
“เย่จื่อต้องการตามหาตู้เฟยกลับมา เป็นเวลาสิบหกสิบเจ็ดปีแล้วนับตั้งแต่เขาถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่ราบทางตอนเหนือและเราไม่เคยได้ยินเรื่องของเขาอีกเลย”
ในก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ ร่างของหลี่เหอสุ่ยถูกกัดเซาะปราณด้วยสีดำอย่างต่อเนื่อง และอาการบาดเจ็บของเขาก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าจะรอที่นี่เพื่อกลับมา”
จี้จื่อเยว่กล่าวอย่างดื้อรั้น ดวงตาที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้ว่าตอนนี้นางจะเป็นหญิงสาวที่มีอายุมากกว่าสามสิบปีแต่ความกระตือรือร้นของนางยังคงไม่สิ้นสุดเช่นเดิม
“ไม่ต้องกังวลพี่เย่จะกลับมาแน่นอน เขาบอกว่าเขาจะพาข้าไปฆ่าจื่อเทียนตูและล้างแค้นให้กับพี่ชายของข้า” ตงฟางมั่งยิ้มอย่างจริงใจ
…
เย่ฟ่านยังไม่ได้ออกจากเป่ยหยวน เขาเดินทางไปทั่วพร้อมกับหลี่เทียน และเอี๋ยนอี้ซี ที่เบื้องหลังของพวกเขาก็คือกองทัพของคนเถื่อน
ในขณะนี้พวกเขายึดครองเป่ยหยวนให้กลายเป็นสมบัติของตัวเองได้แล้ว มันคงเป็นเรื่องโง่เขลาอย่างยิ่งหากพวกเขาจะทอดทิ้งดินแดนอันกว้างใหญ่เช่นนี้ให้กลายเป็นสมบัติของคนอื่น
ดังนั้นคนเถื่อนจำนวนมากจึงปักหลักอยู่ที่เป่ยหยวนเพื่อตักตวงผลประโยชน์ที่พวกเขาควรได้รับ
“ตู้เฟยเจ้าไปอยู่ที่ไหน?”
เย่ฟ่านเกิดความกังวลอย่างมาก ด้วยตัวตนของตู้เฟยเขาไม่ควรขาดการติดต่อนานถึงขนาดนี้ มีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคทั้งห้า แต่สิบเจ็ดปีที่ผ่านมาตู้เฟยกลับหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
ผังป๋อ วานรศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งพี่น้องคนอื่นๆ ไม่รู้ชะตากรรมว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร พวกเขาถูกไล่ล่าจากศัตรูที่แข็งแกร่งหลายคน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเปิดเผยที่อยู่ของตัวเองได้
และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เย่ฟ่านไม่สามารถค้นหาที่อยู่ของพวกเขาได้เช่นกัน
ดังนั้นเย่ฟ่านจึงทำได้เพียงรอคอยอย่างใจเย็นเพื่อให้สหายทุกคนออกค้นหาเขาด้วยตัวเอง
ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิด เย่ฟ่านและสหายทั้งสองได้ปลีกตัวออกจากกองทัพเพื่อเยี่ยมเยือนมหาอำนาจต่างๆ ในโลกและสอบถามข่าวคราวของตู้เฟยไปด้วย
“แคร้ง…”
มีเสียงระฆังก้องกังวาลดังมาจากระยะไกล ในพื้นที่โดยรอบทุกหนทุกแห่งล้วนปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียว เย่ฟ่านและสหายทั้งสองวิ่งไปเป็นระยะทางหลายร้อยลี้เพื่อค้นหาต้นกำเนิดของเสียงระฆังนั้น
ที่ด้านหน้าของพวกเขามีวิหารโบราณตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม มันปกคลุมไปด้วยแสงสดใสแห่งความศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นภาพที่แปลกประหลาดมากในบริเวณใกล้เคียงไม่มีสิ่งใดอื่นนอกจากต้นหญ้า
สถานที่ไม่มีผู้คนเช่นนี้กลับมีวิหารโบราณของนิกายพุทธตั้งอยู่ พวกเขาลงทุนลงแรงอย่างมากมายแต่กลับไม่คิดจะต้อนรับผู้มาสักการะ?
“ว่ากันว่านิกายพุทธดั้งเดิมในทะเลทรายตะวันตกถูกเนรเทศเข้าสู่เป่ยหยวนมานานหลายพันปีแล้ว เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลือจากอดีต? นี่คือวัดที่หนึ่งในสิบสองศิษย์ของพุทธองค์ก่อตั้งขึ้น” เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจ
วัดโบราณมีความสง่างาม เคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะเป็นกลางคืน แต่มันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทองและเสียงระฆังก็ดังมาจากข้างในนั่นเอง
เมื่อพวกเขาเปิดประตูวัดโบราณและเดินเข้าไปในลานกว้าง ความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ทำให้จิตใจของทุกคนเต็มไปด้วยความสงบ
ทันใดนั้นดวงตาของเย่ฟ่านก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ที่ปลายสายตาของเขามีร่างที่งดงามและคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างมาก
“แขกผู้มีเกียรติมาจากแดนไกล เชิญเข้ามาพักผ่อนก่อน…”
หญิงสาวที่สวมมงกุฎอันหรูหรา และมีความงามอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เหมียวอี้!” เย่ฟ่านไม่สามารถรักษาความสงบของจิตใจได้อีกต่อไป
“เจ้ารู้จักข้าแต่ข้าไม่รู้จักเจ้ามานานแล้ว เจ้าควรจะเป็นคนที่นางรอคอย”
หญิงงามที่สวมชุดสีขาวและมงกุฎสีทองกล่าวด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของนางครับเป็นรอยยิ้มของคนแปลกหน้าที่ดูห่างเหินเหลือเกิน
“เจ้าไม่รู้จักข้าหรือ?” เย่ฟ่านถาม
“ข้าไม่รู้จักเจ้าอีกแล้ว”
รอยยิ้มของหญิงสาวทำให้หัวใจของเย่ฟ่านสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
…
ภายใต้แสงจันทร์อันหนาวเย็น ดินแดนที่ว่างเปล่า สายลมส่งเสียงหวีดหวิว
ในห้องโถงใหญ่ โคมไฟสีเขียวตั้งอยู่ด้านบน ภายในห้องโถงนี้มีรูปปั้นของพระพุทธรูปมากมาย
อันเหมียวอี้นั่งสมาธิอยู่บนฟูกกลางคลองถม รอยยิ้มของนางงดงามและแจ่มใสเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์อย่างที่เย่ฟ่านไม่อาจจินตนาการถึง
“ทำไมเจ้าจำข้าไม่ได้”
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ในเวลานี้ เขาไม่มีความดุร้ายอย่างที่เคยมีอีกแล้ว
“แคร้ง”
มีเสียงระฆังดังก้องอยู่ในวิหาร ได้ยินเสียงไปหลายร้อยลี้ และทั่วทั้งทุ่งหญ้าก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงของระฆังนี้ทำให้จิตใจของเย่ฟ่านกลับมาสงบอีกครั้ง
ในเวลานี้แสงสีทองได้ก่อตัวเป็นวงแหวนอยู่ที่เบื้องหลังของอันเหมียวอี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นางดูงดงามและเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ราวกับเซียนที่ปลีกตัวออกจากโลกแล้ว
“เหมียวอี้ตอบคำถามของข้า” เย่ฟ่านถามเบาๆ
“หลังจากพรากจากกันนานนับสิบปี วันวานก็เหมือนดั่งสายน้ำ ผ่านไปแล้วเก็บเอาไว้ไม่ได้ ด้วยเวลาที่ผ่านไปนานถึงขนาดนี้แม้แต่ตัวเจ้าก็ยังไม่ใช่เจ้าคนเดิมแล้วตัวข้าจะเป็นข้าคนเดิมได้อย่างไร?”
มีหมอกในดวงตาของอันเหมียวอี้แต่น้ำเสียงของนางยังคงสงบนิ่ง
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหว เมื่อเขาอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดทุกคนต่างรอดูเรื่องตลกซึ่งเกิดจากความล้มเหลวของเขา อย่างไรก็ตามมีเพียงอันเหมียวอี้เท่านั้นที่เชื่ออย่างแน่วแน่ว่าเขาจะสามารถฝ่าฟันไปได้สำเร็จ
ก่อนหน้านั้นนางเดิมพันแม้แต่ชีวิตและอนาคตของตัวเองกับเขา แต่ตัวเขากลับทอดทิ้งนางไปถึงสิบสองปี
“ข้ายังคงเป็นข้า ข้าไม่เคยเปลี่ยนไป” เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้า และยื่นมือออกไปสัมผัสกับร่างของนาง
อย่างไรก็ตาม เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้งและวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านหลังศีรษะของอันเหมียวอี้ก็สว่างขึ้น แสงของพุทธองค์นั้นได้ยับยั้งความปรารถนาของเย่ฟ่าน
“เจ้าไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ไม่มีทางย้อนกลับไป ทุกสิ่งในโลกเป็นเช่นนี้” อันเหมี่ยวอี้ยิ้ม ดวงตาของนางนุ่มนวลแต่ดูห่างเหินอย่างถึงที่สุด
เมื่อสิบสองปีที่แล้วเขาจากไปโดยไม่หันกลับมามองและไม่สามารถบอกลาหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาได้ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด เย่ฟ่านก็สับสนอยู่พักหนึ่ง
“แม้ว่าข้าจะก้าวไปข้างหน้า แต่หัวใจของข้ายังคงเป็นเช่นเดิม”
ในอดีตเมื่อเย่ฟ่านสามารถถอนคำสาปได้สำเร็จ เขากลับได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ในช่วงเวลานั้นอันเหมียวอี้คือผู้ที่แสวงหายาศักดิ์สิทธิ์และคัมภีร์โบราณทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือให้เขากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
ความรักและความดีของนางเขาไม่เคยลืมเลือนจากจิตใจ
“เหมียวอี้ ข้ารู้ว่าเจ้ายังจำข้าได้” เย่ฟ่านค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า
ในระหว่างกระบวนการนี้ เป็นเรื่องยากจริงๆที่หลี่เทียนจะไม่กล่าวอะไรสักคำ อย่างไรก็ตามเขายังคงยืนอยู่กับที่และจ้องมองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยความสงบ
อันเหมียวอี้ยังคงมีความงามที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่แตกต่างจากเมื่อก่อน มิหนำซ้ำด้วยอายุที่มากขึ้นนางยังมีความงามในแบบฉบับของสตรีที่เติบโตอย่างเต็มที่แล้ว
ในขณะนี้นางจ้องมองเย่ฟ่านด้วยรอยยิ้มสดใสและกล่าวว่า
“ข้าไม่รู้จักเจ้าอีกต่อไปแล้ว”
…….