1083 - สั่นสะเทือนโลกอำพรางสวรรค์
1083 - สั่นสะเทือนโลกอำพรางสวรรค์
ในท้ายที่สุดราชาคนเถื่อนได้ย้ายวิหารและฐานรากโบราณทั้งหมดของตระกูลหวังใส่ลงไปในขวานหินซึ่งเป็นอาวุธครึ่งก้าวเต๋าสุดขั้วของเผ่าคนเถื่อน
การกระทำของเขาทำให้ผู้คนจำนวนมากที่คิดจะเข้ามาตักตวงผลประโยชน์หลังจากที่คนเถื่อนจากไปเกิดความโกรธแค้นอย่างยิ่ง
และหลังจากนั้นอีกวันกองทัพคนเถื่อนก็ถอนตัวออกไป ถึงแม้ว่าอาคารทั้งหมดจะถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว แต่ผู้คนจำนวนมากยังคงหลั่งไหลเข้ามาในทิศทางนี้
พวกเขาเริ่มขุดค้นลงไปใต้ดินเพราะเชื่อว่าตระกูลหวังจะต้องฝังสมบัติล้ำค่าไว้มากมาย กลุ่มคนเถื่อนก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน เพียงแต่พวกเขาได้รับผลประโยชน์มาพอแล้วดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลากับเรื่องเล็กๆน้อยๆอีกต่อไป
หวังเถิงซึ่งนำกองทัพของเผ่าพันธุ์โบราณและตระกูลหวังบุกเข้าสู่หนานหลิงคุ้มคลั่งอย่างถึงที่สุด เขายืนอยู่บนรถม้าของจักรพรรดิโบราณ ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับสัตว์ป่า
เสียงกรีดร้องของเขาโหยหวนราวกับเสียงคร่ำครวญของเทพปีศาจ เขาเข้ามาในหนานหลิงเพื่อฆ่าเย่ฟ่านเป็นการส่วนตัวโดยต้องการที่จะพิสูจน์ผลแพ้ชนะในอดีตอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเย่ฟ่านกลับนำกองทัพคนเถื่อนเข้าสู่เป่ยหยวนและทำให้ตระกูลของเขาแตกสลาย
…
“เขากลับมาแล้วจริงๆ”
บนหน้าผาในหนานหลิง เสื้อผ้าสีขาวของหลี่เสี่ยวมานโบกสะบัดไปตามแรงลม ใบหน้าของนางเย็นชาอย่างถึงที่สุด
…
“เขากลับมาแล้ว”
ดวงตาของจี้จื่อเยว่จ้องมองไปในทิศเหนือ ดวงตาของนางเปล่งประกายสดใส นางไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านไปสิบสองปีเย่ฟ่านจะกลับมาได้จริงๆ
…
ลมหนาวอันขมขื่นทุ่งหญ้านองเลือด
ครึ่งเดือนผ่านไป ดินแดนทางตอนเหนือยังคงลุกโชนด้วยสงคราม การต่อสู้และการไล่ไล่ยังคงดำเนินต่อไป
ยักษ์ใหญ่ที่ยืนหยัดมานานหลายแสนปีก็พังทลายลง พยัคฆ์และหมาป่านับหมื่นนับพันต่างรุมแย่งมรดกของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
นี่คือตระกูลใหญ่ที่เป็นมหาอำนาจของโลกอย่างแท้จริง เมื่อพวกเขาถูกทำลายล้างโดยสมบูรณ์ โครงสร้างของโลกย่อมมีความเปลี่ยนแปลงขึ้น
นี่เป็นความเข้าใจโดยปริยายการมาถึงของกองกำลังใหม่ มีเพียงผู้ที่สามารถได้รับชัยชนะในสงครามครั้งนี้เท่านั้นจึงจะเข้าแทนที่ตระกูลหวังในเป่ยหยวนได้
เป็นเวลาครึ่งเดือนที่โลกทั้งใบตกอยู่ในความวุ่นวาย และตระกูลโบราณถูกทำลาย ผลกระทบนั้นใหญ่โตและกว้างขวางอย่างที่ไม่อาจจินตนาการถึง
สำหรับคนธรรมดาสามัญนี้เปรียบเหมือนท้องฟ้าที่ปกคลุมอยู่เบื้องบนถล่มลงมา ผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองเป่ยหยวนมานานนับแสนปีได้จบสิ้นลงแล้ว หลังจากนี้ผู้ปกครองใหม่ไม่รู้ว่าจะโหดร้ายเหมือนตระกูลหวังหรือไม่
ครึ่งเดือนแล้ว แต่สงครามยังคงลามเลียไปทุกที่ ผู้คนจำนวนมากจำเป็นต้องอพยพที่อยู่ของตัวเองเพื่อหลีกหนีภัยสงคราม
ทหารม้าคนเถื่อนมีพลังเพียงพอที่จะกวาดทั้งภาคเหนือให้พังพินาศโดยสิ้นเชิง เมื่อมหาอำนาจในเป่ยหยวนรู้ดีว่าพวกเขาไม่มีทางต้านทานกองกำลังนี้ได้ หลายคนต่างคุกเข่ายอมสวามิภักดิ์เพื่อแลกกับความปลอดภัยของตัวเอง
เย่ฟ่านชื่อนี้มีมนต์ขลังอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้ ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของโลกอำพรางสวรรค์อีกครั้ง ในขณะนี้เขากลายเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงของเป่ยหยวนและไม่มีผู้ใดกล้าที่จะท้าทายอำนาจของเขา
หลังจากหายไปนานถึงสิบสองปี เขากลับมายังโลกนี้อีกครั้ง ซึ่งพลังที่เขาแสดงออกมานั้นแข็งแกร่งอย่างที่ไม่มีผู้ใดทัดเทียมได้ ชื่อของเขาถูกผลักดันขึ้นเป็นหนึ่งในยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกโดยปริยาย
เมื่อสิบสองปีก่อน ข่าวลือของเย่ฟ่านส่วนใหญ่อยู่ในตงหวงและจงโจว บัดนี้ชัยชนะของเขาที่มีต่อตระกูลหวังแห่งเป่ยหยวนได้ผลักดันชื่อเสียงของเขาให้สั่นสะเทือนทั้งห้าภูมิภาค
แม้แต่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่ใช่ผู้บ่มเพาะก็ยังเกิดความหวาดกลัวต่อชื่อเสียงของเย่ฟ่าน ว่ากันว่านี่คือบุคคลที่จะกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คนต่อไป
และที่เกิดความหวาดกลัวมากที่สุดก็คือผู้คนที่อาศัยอยู่ใน “หนานหลิง” แม้แต่วังจักรพรรดิอสูรก็ยังไม่คิดเลยว่าในหนานหลิงของพวกเขาจะมีมหาอำนาจที่ทรงพลังถึงขนาดนั้นอาศัยอยู่
ชนเผ่าคนเถื่อนซ่อนตัวอยู่ในป่าเขามานานหลายหมื่นปีพวกเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมของโลกภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเขามียอดฝีมือที่แข็งแกร่งหลบซ่อนตัวอยู่มากมาย
แม้กระทั่งตระกูลหวังที่เป็นตระกูลอมตะอย่างแท้จริง มหาอำนาจระดับนี้ย่อมมีเซียนเทียมระดับสูงสุดมากมายนับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายพวกเขากลับถูกทำลายล้างอย่างโหดร้ายโดยที่ไม่อาจสร้างความเสียหายให้กับเหล่ายอดฝีมือที่แท้จริงของคนเถื่อนได้เลย
ในโลกที่ปราศจากสิ่งมีชีวิตอมตะ แน่นอนว่าพลังที่ราชาคนเถื่อนและเทพสงครามคนเถื่อนแสดงออกมาได้ถือว่ายืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกแล้ว
บางทีมหาอำนาจไม่กี่แห่งในโลกที่มีอาวุธเต๋าสุดขั้วอยู่ในครอบครองอาจแข็งแกร่งมากกว่าพวกเขา อย่างไรก็ตามอาวุธเต๋าสุดขั้วใช่ว่าจะใช้งานกันได้ง่ายๆ
การใช้งานแต่ละครั้งมันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับโลก บางทีแม้แต่ผู้ครอบครองมันก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย
ดังนั้นตามปกติแล้วอาวุธเต๋าสุดขั้วจะไม่ถูกอัญเชิญออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นเป็นเหตุผลให้ความน่ากลัวของพวกมันยังไม่อาจเทียบกับเซียนเทียมระดับราชาคนเถื่อนและเทศสงครามคนเถื่อนที่สามารถท่องไปทั่วโลกได้
ความน่ากลัวของคนเถื่อนเหล่านี้ทำให้แม้แต่มหาอำนาจที่ครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วก็ยังเริ่มประชุมเพื่อหาวิธีรับมือพวกเขา
กลุ่มที่วางตัวเป็นกลางเริ่มแสดงท่าทีที่จะผูกมิตรกับคนเถื่อนแห่งหนานหลิง แต่กลุ่มที่เป็นศัตรูกับเย่ฟ่านเริ่มอยู่ไม่สุขกันแล้ว โดยเฉพาะนิกายหยินหยางแห่งจงโจว
ในขณะนี้พวกเขาได้เรียกระดมยอดฝีมือของนิกายจากทั่วทุกมุมโลกให้กลับสู่จงโจว ความสามารถในการเคลื่อนย้ายผู้คนนับแสนข้ามทวีปนั้นยังคงตราตึงอยู่ในใจของมหาอำนาจทุกแห่งในโลกนี้ และพวกเขาไม่รู้ว่าเป้าหมายต่อไปของคนเถื่อนจะอยู่ที่ใด?
พายุที่น่าสะพรึงกลัวยังคงกวาดไปทั่วเป่ยหยวน สาขาของตระกูลหวังที่กระจายตัวอยู่ทุกหนทุกแห่งถูกกวาดล้างออกไปสิ้น แม้แต่ค่ายของสิ่งมีชีวิตโบราณก็ยังถูกทำลายไปอย่างง่ายดาย
การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของเย่ฟ่านทำให้เลือดในกายของหนุ่มสาวจำนวนมากเดือดพล่าน ในอดีตทุกคนไม่เชื่อว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น
มันเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่เย่ฟ่านได้หายสาบสูญไปจากโลกแล้ว เหตุการณ์นี้ได้ทำให้ผู้คนมากมายเกิดความเศร้าเสียดายอย่างถึงที่สุด พวกเขามีความปรารถนาที่จะต่อสู้กับเย่ฟ่านเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง
อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวครั้งนี้ของเย่ฟ่านกลับทำลายความหวังของคนเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง เขาได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แล้ว
ตามสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในโบราณ การกระทำของเขามีลักษณะเดียวกันกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เมื่อครั้งที่ยังเป็นหนุ่มทั้งสิ้น
เมื่อหลายปีก่อนเขาได้ลงมือสังหารยอดฝีมือรุ่นเยาว์มากมายนับไม่ถ้วน และไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่คนเดียว
ส่วนตอนนี้เขากลายเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงซึ่งสามารถต่อสู้กับราชาโบราณรุ่นอาวุโสได้แล้ว จุดเริ่มต้นเช่นนี้มันเป็นเส้นทางแห่งการเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
…
ตงหวงบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงยืนอยู่ใต้น้ำตกศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยรัศมีสีทองเจิดจ้า ในขณะนี้ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังทิศเหนือด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
…
ตระกูลเจียงเจียงอี้เฟยแต่งกายด้วยชุดสีขาวดุจหิมะ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง เขายืนอยู่บนภูเขาสูงและพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ศพต่อไปจะเป็นหยวนกู่หรือหวงซูเต๋า? แต่หากเย่ฟ่านทำไม่สำเร็จเขาก็ไม่คู่ควรที่จะเดินบนเส้นทางแห่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่”
…
ในเมืองศักดิ์สิทธิ์นักพรตผมยุ่งเหยิงสวมชุดพรตซอมซ่อขี้เมาเขาตะโกนโหวกเหวกโวยวายทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณทรงพลังมากแค่ไหน รอให้เจอกับบิดาก่อนเถอะ?”
คำพูดของเขาทำให้ผู้คนมากมายหวาดกลัวอย่างยิ่ง ต้องเข้าใจว่าตอนนี้เย่ฟ่านคือเทพสังหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และผู้ที่ท้ายทายเขาล้วนต้องพบจุดจบอย่างน่าอนาถ
“เขาคือนักพรตเสิ่น!”
มีใครบางคนกระซิบเบาๆ และชักชวนสหายของเขาให้หลีกหนีห่างจากนักพรตคนนั้น
…
หนานหลิงบนยอดเขาที่สวยงาม มีน้ำตกสีเงินห้อยลงมากลายเป็นทัศนียภาพที่งดงามอย่างยิ่ง
ชายคนหนึ่งปรากฏตัวบนท้องฟ้า หล่อเหลาและไร้ที่ติ ราวกับเซียนที่ปลีกตัวออกจากโลก เขาแต่งกายด้วยเสื้อสีฟ้าและกำลังดีดกู่ฉินอย่างสบายอารมณ์
รอบๆ ตัวเขา มีนกหลายร้อยตัวชุมนุมกันอยู่ พวกมันเต็มไปด้วยความสงบในขณะที่ฟังเสียงเพลงของเขา!
เมื่อเพลงจบลงชายหนุ่มคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณข้ารอเจ้ามาสิบสองปีแล้ว ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”
ฮั่วอวิ๋นเฟยกล่าวอย่างสงบและลุกขึ้นยืนบนหน้าผาพร้อมกับจ้องมองเป็นทิศทางหนึ่งด้วยความคาดหวัง