บทที่ 52: เรียกตำรวจ
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 52: เรียกตำรวจ
“คุณครับ พอรู้ไหมว่าวิลลาร์ดอยู่ที่ไหน?”
บนถนนในนิวยอร์ก อาซิงกำลังถามชายชราผู้ดูใจดีคนหนึ่งอยู่
"ขอโทษทีนะเจ้าหนุ่ม ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย" ชายชราส่ายศีรษะพร้อมกับมองไปที่ชุดอันซอมซ่อของอีกฝ่าย เขารู้สึกสงสารและเป็นห่วงเด็กวัยรุ่นคนนี้มาก “เจ้าหนุ่ม ทำไมเธอถึงตามหาวิลลาร์ดเหรอ?”
“ผมกำลังตามหาสุดยอดราชานักฆ่าในตำนานที่ถูกขนานนามว่าอสูรอยู่”
"..."
[คะแนนชื่อเสียงจากพลเมืองนิวยอร์ก +0.01]
คำตอบของอาซิงทำให้ชายชราเปลี่ยนจากสีหน้าเป็นกังวลลงกลายเป็นกลัวแทน ชายชราถอยหลังไปสองสามก้าวเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงเขาทันที "ขอโทษด้วยนะ ฉันคงช่วยเธอไม่ได้ ไปถามคนอื่นเถอะ"
เมื่อมองไปที่ท่าทางอันเร่งรีบของชายชรา อาซิงก็ส่ายศีรษะแล้วก็ถามคนอื่นต่อไป
เมื่อเทียบกับร่างแยกอันอื่นของไรอันอย่างจอมโจรคิดแล้ว ร่างแยกอาซิงก็ไม่สามารถปั้มคะแนนได้เลย เรียกว่าแทบจะไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยซ้ำ ทั้งทักษะและบุคลิกของร่างแยกอาซิงนั้นแตกต่างจากจอมโจรคิดอย่างสิ้นเชิง จอมโจรคิดสามารถได้คะแนนโดยก่อเรื่องนิดหน่อย ส่วนอาซิงมีแต่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่มันค่อนข้างยือเยื้อเท่านั้น
ดังนั้นไรอันจึงคิดจะใช้ตัวตนของอาซิงหว่านแห่ไปเรื่อยๆ ประสบการณ์ก่อนหน้านี้ของไรอันสอนเขาว่าการทำความดี การต่อสู้กับอาชญากร การเกาะติดกับซูเปอร์ฮีโร่หรือวายร้าย และการหลอกล่อพวกเขาด้วยภูมิหลังอย่างเกาะเผิงไหลเป็นวิธีที่ถูกต้องในการเก็บคะแนนชื่อเสียงสำหรับตัวละครอย่างอาซิง
ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ร่างแยกอาซิงเดินไปทั่วนิวยอร์ก เพื่อเผยแพร่เรื่องราวของเกาะเผิงไหลและดึงดูดความสนใจ
อีกไม่นานในอนาคตอันใกล้ โทนี่คงจะกลายเป็นไอรอนแมนและประกาศให้โลกรู้แล้ว
ในนิวยอร์ก ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่หรือสุดยอดอาชญากร ก็ยังต้องทำตัวลึกลับไม่ออกมาหน้าฉาก ดังนั้นแล้ว ร่างแยกของเขาจึงไม่สามารถทำตัวเด่นเกินหน้าเกินตาได้มากนัก
หลังจากเดินผ่านถนนในนิวยอร์กมาระยะหนึ่ง ร่างแยกอาซิงก็ไม่พบกับซูเปอร์ฮีโร่หรือวายร้ายเลย แต่กลับดึงดูดความสนใจของตำรวจแทน
"ใครโทรหาตำรวจเหรอครับ?"
เมอร์เซเดส 'มิสตี้' ไนท์ เจ้าหน้าที่หญิงผิวดำที่อยู่ใกล้ๆ ก็มาถึงที่เกิดเหตุและถามคนที่อยู่โดยรอบ
“เป็นฉันเอง” ชายชรายื่นมือออกมา จากนั้นชี้ไปที่ชายชาวเอเชียที่สวมเสื้อกันหนาวสีแดงที่อยู่ไม่ไกลนัก "คือว่าชายแปลกหน้าตรงนั้นน่ะ เขาเอาแต่หยุดคนอื่นและถามถึงที่ๆ มีชื่อว่าวิลลาร์ด เขาหยุดฉันเหมือนกัน พอฉันถามเขาว่าทำไมเขาถึงตามหาวิลลาร์ด เขาก็บอกฉันว่าเพื่อตามหาสุดยอดราชานักฆ่าในตำนานที่ถูกขนานนามว่าอสูร "
"อสูรเหรอคะ?"
มิสตี้เลิกคิ้วและเหลือบมองชายชราตรงหน้า ชายชราคนนั้นรีบพยักหน้า “เป็นเรื่องจริง ดูสิ เขากำลังทำแบบนั้นกับคนอื่นอีกแล้ว...”
“มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ไม่นานนัก ราฟาเอล สการ์ฟ คู่หูของเธอก็มาถึงที่เกิดเหตุด้วย
"คุณผู้ชายคนนี้โทรหาตำรวจและบอกว่าชายชาวเอเชียที่อยู่ตรงนั่นบอกทุกคนว่าเขากำลังตามหานักฆ่าที่มีชื่อว่าอสูรอยู่"
"อสูร? เป็นพวกแก๊งเหรอ? หรือแค่แกล้งทำคลิป?"
“ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นการแกล้งเล่น แต่โชคร้าย ฉันว่ามันเป็นของจริง” มิสตี้ยักไหล่ เมื่อเร็วๆ นี้การก่ออาชญากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าของจอมโจรคิดทำให้สมาธิของเธอยุ่งเหยิงไปหมด แถมตอนนี้เธอยังต้องมาจัดการกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้อีก
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่รายงานมา ที่เหลือปล่อยให้เราจัดการเอง” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง
เขาพยักหน้าตอบ จากนั้นจึงหันไปมอง 'อาซิง' ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ชายชราเตือนมิสตี้และคู่หูของเธอว่า "พวกคุณก็ระวังตัวด้วยล่ะ ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาหรอกนะ”
"ไม่ต้องห่วง เราจัดการได้ค่ะ" เห็นได้ชัดว่ามิสตี้ไม่ได้จริงจังกับคำเตือนของอีกฝ่ายเลย เธอพยักหน้าอย่างไม่พอใจและถามว่า "คือว่าคุณช่วยบอกชื่อของคุณได้ไหม? เราจำเป็นต้องเก็บไว้เพื่อบันทึกประวัติน่ะค่ะ"
"สแตนลีย์ สแตนลีย์ มาร์ติน ลีเบอร์"
...
"เป็นไงมั้ง?"
หลังจากการสนทนาสั้นๆ กับคุณลีเบอร์ มิสตี้ก็ถามคู่หูของเธออย่างราฟาเอล
"ฉันถามผู้คนที่เดินผ่านไปมาแล้ว มันก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เขาแค่หยุดคนและถามพวกเขาถึงสถานที่ที่มีชื่อเรียกว่าวิลลาร์ดก็เท่านั้นเอง” ราฟาเอลส่ายศีรษะตอบ
“แล้วนายรู้จักวิลลาร์ดไหม?” มิสตี้เงยหน้าขึ้นถาม
"ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย บางทีมันอาจจะเป็นที่เล็กๆ สักที่ล่ะมั้ง" ราฟาเอลครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกมาด้วยความไม่แน่ใจนัก
"งั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร"
"ไม่น่าจะมีหรอก"
“แต่เราคงจำเป็นต้อง…” ราฟาเอลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาขณะที่เขามองไปยังร่างที่อยู่ไกลออกไป
"ไปถามได้แล้วน่า" เมื่อหันหลังไป พวกเขาก็เห็นคุณลีเบอร์ที่ยังคงมองพวกเขาอยู่ห่างๆ มิสตี้จึงยักไหล่และพูดไปว่า "ต้องทำเป็นกระบวนการสิ"
"ใช่ กระบวนการสินะ"
ในเมื่อคู่หูของเขาพูดอย่างนั้น ราฟาเอลก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมา
เมื่อก้าวไปข้างหน้าและเดินไปที่ร่างแยกอาซิง มิสตี้ก็ยิ้มให้เขาอย่างใจดีและถามว่า "ขอโทษทีนะคะคุณ เราตำรวจนิวยอร์ก คุณช่วยตอบคำถามสักสองสามข้อได้ไหมคะ?”
"มีอะไรหรือเปล่าครับ?"
เมื่อมองไปที่เจ้าหน้าที่สองคนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขา อาซิงก็ถามกลับไป
"ผมไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายเลยนะ"
“เรารู้ครับ แต่ว่ามีคนโทรหาตำรวจเรื่องที่คุณถามคนที่นี่ไปทั่วเลย คุณช่วยโชว์บัตรประชาชนให้เราดูหน่อยได้ไหมครับ?”
อาซิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับนิ่งเงียบไป
จากนั้นเขาจึงตอบไปว่า "ซออู้ซอด้วง ซอรี่ ผมพูดอังกิดไม่เป็น"
'โกหกหน้าด้าน เมื่อครู่ยังพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อเลยไม่ใช่หรือไง!'
พฤติกรรมอันผิดปกติของร่างแยกอาซิงทำให้มิสตี้และราฟาเอลสบตากัน
มิสตี้โบกมือเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวและพูดว่า "คุณคะ ได้โปรดเอาบัตรประชาชนที่ถูกต้องออกมาด้วย หรือพาสปอร์ตก็ยังดีค่ะ"
'จะมาขอของที่ฉันไม่มีได้ยังไงล่ะเนี่ย! ฉันเป็นแค่ร่างแยก ร่างแยกบ้านไหนมันพกพาสปอร์ตกันเล่า!'
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์กำลังเลวร้าย ร่างแยกอาซิงก็ให้ความร่วมมือด้วยการสอดมือเข้าไปในกระเป๋าของเขา "ผมเข้าใจแล้ว"
"ฟิ้ว..."
เมื่อเห็นว่าอาซิงให้ความร่วมมือ ทั้งมิสตี้และราฟาเอลก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทว่าในช่วงเวลาแห่งความโล่งใจของทั้งสอง อาซิงก็เปลี่ยนการเคลื่อนไหวทันที กล้ามเนื้อขาของเขากระชับขึ้น เขาใช้พลังของขาเหล็กอันยิ่งใหญ่เหยียบลงบนพื้นเบาๆ และในชั่วพริบตา เขาก็หายตัวไปจากสายตาของทั้งสองแล้ว