บทที่ 51: เบาะแส
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 51: เบาะแส
"เดอะแฮน?"
ไรอันก้มศีรษะลงและทวนชื่ออีกครั้ง
เขารู้จักเดอะแฮนดี เขารู้ว่ามันเป็นหนึ่งในศัตรูตัวฉกาจของแดร์เดวิล สมาชิกส่วนใหญ่ของพวกเขาคือกลุ่มนินจานักฆ่า ทว่านอกจากนั้นเขาก็ไม่ทราบรายละเอียดใดเพิ่มเติม
เมื่อวางขวดในมือลง สายตาของเจสสิก้าก็จ้องเขม็งดูปฏิกิริยาบนใบหน้าของไรอัน "นายน่าจะรู้อะไรบางอย่างใช่ไหม?"
"ทำไมคุณถึงคิดว่าผมจะรู้ล่ะ?" เมื่อเงยหน้าขึ้นและพบกับสายตาของเจสซิก้า หัวใจของไรอันก็เต้นแรงอย่างมาก แต่ภายนอกเขาก็ดูสงบนิ่งไม่ไหวติง
“นายอยู่ในกลุ่มของนักฆ่าอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ...” เจสสิก้าขมวดคิ้วพร้อมกับขยี้ผมอันยุ่งเหยิงของตนเพื่อพยายามคิดชื่อ
ไรอัน “มันคือภาคี”
"ใช่ๆ ภาคี" เจสซิก้าพูดต่อด้วยสีหน้างุนงง "ฉันคิดว่าในเมื่อนายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรลึกลับ นายก็ต้องรู้เรื่องเดอะแฮนบ้างสิ"
“การสันนิษฐานของคุณดูจะเลอะเทอะไปหน่อยนะ ไม่ใช่ว่าคุณเป็นนักสืบเอกชนหรอกเหรอ?” เมื่อฟังการคาดเดาของเจสซิก้า ไรอันก็ถึงกับพูดไม่ออก
"ฉันพยายามทำดีที่สุดแล้วน่า" เจสซิก้ายักไหล่อย่างเฉยเมย "ก็ช่วงหลังมานี้ฉันทำแต่คดีพวกเรื่องความสัมพันธ์ทั้งนั้นเลย"
ไรอันได้แต่ส่ายศีรษะไปมา ถึงการสันนิษฐานของเจสซิก้าจะดูทื่อๆ ไปหน่อย แต่ไรอันก็ต้องยอมรับสิ่งที่เธอพูดออกมา เพราะเขาจะได้สร้างตัวตนของภาคีให้ดูยิ่งใหญ่ด้วย เขาลังเลอยู่สักพัก แต่เมื่อเห็นเจสซิก้าที่ดูร้อนรน เขาจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ผมเองก็ไม่รู้อะไรมากถึงเรื่องของเดอะแฮน แต่จากสิ่งที่เรารู้ในภาคี เราสามารถบอกได้ว่าพวกเขาเป็นกลุ่มที่เผยตัวว่าเป็นนินจานักฆ่า มีผู้นำห้าคนโดยเป็นตัวแทนของนิ้วทั้งห้า ผู้นำทั้งห้าคนนี้มีชีวิตอยู่มานานหลายศตวรรษและมีพลังที่มากมายมหาศาล"
“คนเราจะอยู่ได้นานขนาดนั้นได้ยังไง?!”
เมื่อเธอได้ยินคำอธิบายของไรอัน เจสซิก้าก็ดูไม่อยากจะเชื่อมาก การบอกว่าคนสามารถอยู่ได้หลายศตวรรษ ก็ไม่แปลกที่จะมีคนรู้สึกสงสัย
“แล้วการที่คนๆ หนึ่งทุบโต๊ะเคาน์เตอร์พังด้วยหมัดเดียวล่ะ?” ไรอันพูดพร้อมกับเหลือบมองเจสซิก้าที่อยู่ตรงข้ามเคาน์เตอร์
"..."
คำพูดของไรอันทำให้เจสซิก้าเงียบไปครู่หนึ่ง
หลังจากผ่านไปครึ่งนาที เจสซิก้าก็ส่ายขวดและจิบเครื่องดื่มหยดสุดท้าย ก่อนที่จะถามไรอันต่อไปว่า "แล้วภาคีได้เจอกับไอ้เดอะแฮนลึกลับนี้ไหม?"
'ไม่อยู่แล้วสิ ภาคีไม่มีตัวตนอยู่จริงสักหน่อย พวกเขาจะเคยไปพูดคุยกับเดอะแฮนได้ยังไงกัน?'
ในขณะที่พึมพำอยู่ในใจอย่างเงียบๆ ภายนอกไรอันก็ยังคงแสดงสีหน้าลึกล้ำออกมา...จากนั้นเขาจึงพูดว่า "มีการเผชิญหน้ากันอยู่สองสามครั้ง ภาคีเคยวางแผนที่จะลอบสังหารหนึ่งในห้าผู้นำของเดอะแฮน แต่พวกเขาหลบหนีไปได้และสมาชิกที่ลอบสังหารผู้นำของเดอะแฮนก็ถูกพวกนินจารุมโจมตีอย่างเกรี้ยวกราด"
"เกิดอะไรขึ้น? สมาชิกคนนั้นท้ายที่สุดเป็นยังไงเหรอ?”
“ในท้ายที่สุด หลังจากที่ตระหนักว่าการลอบสังหารไม่อาจทำได้สำเร็จ เดอะแฮนจึงตัดสินใจที่จะละทิ้งภารกิจ ส่วนภาคีของเราตัดสินใจที่จะไม่ลงมือต่อ เพราะว่าการจะสังหารผู้นำของเดอะแฮนคงยากขึ้นกว่าเดิมมาก”
แม้ว่าคำอธิบายของไรอันจะดูเรียบง่าย แต่เจสซิก้าก็สามารถจินตนาการถึงฉากอันน่าตื่นเต้นนี้ในหัวของเธอได้
[คะแนนชื่อเสียงจากเจสซิก้า โจนส์ +125]
เมื่อมองไปยังข้อมูลที่แสดงในระบบและเจสสิก้าที่ถูกหลอก ไรอันก็ยิ้มออกมาไม่รู้ตัวและรีบเตือนเธอว่า "ถึงคำเตือนทางโทรศัพท์จะค่อนข้างรุนแรง แต่ผมคิดว่าคุณน่าจะฟังมันและอย่าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้อีก เพราะคนของเดอะแฮนล้วนเป็นนักฆ่าที่ฝีมือโหดเหี้ยม พวกเขาไม่ใช่คนที่คุณจะต่อกรด้วยได้เลย"
“ฉันรู้ว่าต้องทำยังไงน่า นายไม่ต้องมาบอกฉันก็ได้หรอก”
ถึงจะได้รับคำแนะนำจากไรอัน แต่ดูทรงแล้วเจสซิก้าคงจะไม่ฟังสักเท่าไร
ไรอันจึงได้แต่เพียงยักไหล่ เพราะเขาทำสิ่งที่ทำได้ไปแล้ว ขึ้นอยู่กับเจสซิก้าที่จะตัดสินใจว่าเธอจะทำอะไรต่อ
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของเจสซิก้า เธอคงจะสามารถเข้าโจมตีหรือจะถอยตอนไหนก็ได้อยู่แล้ว เขาคิดว่าคงไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรอกมั้ง
เมื่อได้เบาะแสที่ต้องการแล้ว เจสซิก้าก็พร้อมที่จะออกไป
"ชิ"
เมื่อก้าวไปที่ประตูไม่กี่ก้าว จู่ๆ เจสสิก้าก็หยุดตัวเองลงและหันศีรษะมาด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด "คิลเกรฟ ฉันหมายถึงเพอร์เพิลแมน เขาได้โผล่มาอีกไหม?”
“ไม่”
เมื่อได้ยินคำถามนั้น ไรอันก็ส่ายศีรษะ เขาเองก็ระวังเรื่องเพอร์เพิลแมนอยู่ แต่หลังจากการพบกันคราวก่อน อีกฝ่ายก็ไม่ปรากฏตัวให้เห็นเลย
"ครั้งต่อไปที่นายเห็นเพอร์เพิลแมน จำไว้ว่านายต้องระเบิดสมองของเขาโดยไม่ลังเลเลยนะ"
...
ย่านฮาร์เล็ม ณ ร้านตัดผมของป๊อบ
ลุคยังคงนิ่งเงียบและทำหน้าที่เป็นเด็กทำความสะอาดตามเดิม
"เฮ้ พาวเวอร์แมน ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?"
หลังจากส่งลูกค้าคนสุดท้ายในร้านตัดผมออกไปแล้ว ป๊อบก็อดไม่ได้ที่จะพูดจาหยอกล้อและมองไปที่ลุค ซึ่งกำลังทำความสะอาดร้านอยู่
"ป๊อบ คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบชื่อนี้" ลุคยิ้มออกมาอย่างแหยๆ ให้กับอีกฝ่ายที่กำลังขบขันอยู่
“ทำไมฉันถึงได้ยินว่ามีศาลเตี้ยปรากฏตัวในย่านฮาร์เล็มกันนะ? เขากำลังช่วยคนบริสุทธิ์มากมายที่ถูกอันธพาลหาเรื่อง ทั้งยังไปสั่งสอนพวกก่อปัญหาอีก”
"คุณก็รู้นี้ว่าตั้งแต่สรวงสวรรค์ฮาร์เลมปิดไป ผมก็ตกงานพาร์ทไทม์ไปงานหนึ่ง ดังนั้นผมจึงต้องหาอะไรทำสักหน่อยสิ"
ถึงแม้เขาจะไม่ยอมรับมันทันที แต่ลุคก็ไม่ปฏิเสธว่าเขาเป็นศาลเตี้ยที่ป๊อบพูดถึง
“ฉันเคยพูดไปแล้วลุค จงมองไปที่ทางข้างหน้าเสมอ”
"ผมรู้ ผมก็จะก้าวไปข้างหน้าเสมอ" มือของเขาที่กำลังกวาดได้หยุดลง ลุคและป๊อบมองตากัน
แอ๊ด--
ในเวลานั้นเอง ประตูร้านตัดผมได้ถูกเปิดออก
“ขอโทษที เราปิดแล้ว ถ้าต้องการตัดผมก็...” เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดจากด้านหลังเขา ป๊อปก็พูดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทว่าเมื่อเขาหันไปเห็นชายคนนั้นที่เข้ามา เขาก็หยุดพูดไป
เป็นเพราะที่หน้าร้านตัดผม มีชายตาบอดคนหนึ่งกำลังถือไม้เท้าอยู่
เมื่อเดินเข้าไปในร้านตัดผม แมตต์ก็หลบเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างอย่างชำนาญพร้อมกับเดินไปหาป๊อบและลุค เขายิ้มออกมาและเริ่มแนะนำตัวเอง "สวัสดี ผมชื่อแมตต์ เมอร์ด็อค"
"ผมมาที่ย่านฮาร์เล็มเพราะผมได้ยินมาว่ามีชายชาวจีนคนหนึ่งที่ชื่ออาซิงเคยมาที่นี่มาก่อน"