บทที่ 46: ทำให้ทั้งราชสำนักขุ่นเคือง แต่ข้ายังคงใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 46: ทำให้ทั้งราชสำนักขุ่นเคือง แต่ข้ายังคงใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล!
สามวันต่อมา ณ เรือนพักของผู้ตรวจการเหยาเจิ้ง ที่นี่วุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง หญิงชราผู้หนึ่งกำลังควบคุมคนที่กำลังขนผ้านวมขึ้นรถม้า
"ใส่ผ้านวมทั้งหมดนี้เข้าไปในรถม้าเลย! ร่างกายของนายท่านอ่อนแอและไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกได้ ดังนั้นจงทำให้มันหนาและสบาย!" นางสั่ง
"ส่วนสิ่งนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว ขายมันในวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าจะราคาเท่าไรก็ขายไปได้เลย!" นางกล่าวอีก
"เฮ้ ระวังหน่อย! นั่นมันเป็นงานอักษรวิจิตรและภาพวาดที่นายท่านชื่นชอบนะ!" นางตวาดเสียงดังลั่น
เหยาเจิ้งผู้มีผมสีขาวเกือบเต็มศีรษะได้ยืนอยู่หน้าห้องโถงใหญ่ด้วยสีหน้าเศร้าหมองและไม่เต็มใจนัก เขาต้องลาออกจากตำแหน่งขุนนางและจะเกษียณอายุในวันพรุ่งนี้ ออกจากคฤหาสน์หลังนี้ที่เขาอาศัยอยู่มาเกือบ 30 ปี ออกจากที่นี่ที่เขาต้องดิ้นรนมาครึ่งชีวิต เขารู้สึกไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
เขาสามารถอยู่ต่อได้ แต่ในเมื่อเขาไม่สามารถดำรงตำแหน่งขุนนางได้อีกต่อไปแล้ว จะอยู่ต่อไปเพื่ออะไรกันล่ะ? ความทะเยอทะยานและอุดมคติของเขามันไม่มีค่าอะไรเหลือแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะออกจากสถานที่แห่งนี้ ไม่ต้องเห็นหรือไม่ต้องรับรู้อะไรที่จะทำให้จิตใจของเขาวุ่นวาย
ทันใดนั้น คนรับใช้คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างกังวลและพูดว่า "นายท่าน ขุนนางระดับสูงคนใหม่ ผู้อำนวยการสถาบันจักรพรรดิหลินเป่ยฟานมาเยี่ยมนายท่านขอรับ!"
เหยาเจิ้งถึงกับตกตะลึง เขาไม่ได้คิดเลยว่าคู่แข่งของเขาจะมาพบเขา ก่อนที่เขาจะจากไป
ภรรยาของเหยาที่เป็นหญิงชราก็โกรธมากจนพูดว่า "เขาทำให้สามีของเรามีสภาพเป็นเช่นนี้ แล้วเขายังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ? ไปบอกเขาว่าเราจะไม่ไปให้เขาพบหน้า! ไล่เขาออกไปนอกประตู!"
เหยาเจิ้งถอนหายใจและกล่าวว่า "ช่างเถอะ ยังไงเสียเราก็เป็นสหายร่วมงานกัน ข้าจะไปพบเขา"
ในเวลาไม่นาน หลินเป่ยฟานก็มาถึงพร้อมกับขวดไวน์และกล่องอาหาร ใบหน้าของเขาแทบจะยิ้มจนปากจวนจะฉีกถึงใบหู เขาประหลาดใจมากที่เห็นสัมภาระมากมายที่กำลังถูกขน "ท่านเหยา ท่านจะไปแล้วหรือ?"
"ข้าจะอยู่ต่อได้หรือ? ข้าไม่มีตำแหน่งขุนนางและไม่มีงานที่นี่แล้ว การอยู่ที่นี่มีแต่จะทำให้ผู้คนรังเกียจข้า" เหยาเจิ้งตอบอย่างประชดประชัน
"นั่นไม่เป็นความจริงเลย! เราเป็นสหายร่วมงานกันและเราอาจมีมุมมองทางการเมืองที่แตกต่างกัน มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีการถกเถียงในราชสำนัก ทว่าในฐานะสหายร่วมงาน เราก็ยังคงเป็นมิตรต่อกันได้!" หลินเป่ยฟานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลินเป่ยฟาน ดวงตาของเหยาเจิ้งก็กลับกลายซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง "เจ้าเป็นคนแรกที่มาเยี่ยมข้าตั้งแต่ข้ายุติหน้าที่ไป" เขาพูดออกมาเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้า
เหมือนดั่งคำสุภาษิต แขกยังไม่ทันไปชาก็เย็นเสียแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะเย็นจนถึงเพียงนี้ เมื่อทำหน้าที่เป็นขุนนางมาสามสิบปี เหยาเป็นที่รู้จักทั้งภายในและภายนอกราชสำนัก มีคนรู้จักมากมาย แต่เมื่อเขายุติหน้าที่เมื่อสามวันก่อน กลับไม่มีสหายร่วมงานมาเยี่ยมเขาแม้แต่คนเดียว ทว่ากลับเป็นขุนนางทุจริต หลินเป่ยฟานที่เขากล่าวหาอีกฝ่ายหลายครั้งมาเยี่ยมเขาแทน มันไม่น่าขันหรือ?
"ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง! ข้าตระเตรียมไวน์และอาหารไว้แล้ว ท่านอยากดื่มหน่อยไหม?
เหยาเจิ้งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า "ได้อยู่แล้ว ข้าก็อยากคุยกับเจ้าเช่นกัน!"
ทั้งสองนั่งลง จัดเตรียมอาหารว่างและไวน์ ทันทีที่เปิดเหยือกไวน์ออก กลิ่นหอมรัญจวนของไวน์ก็ตลบอบอวลไปทั่วห้องทันที ราวกับบุปผานับร้อยกำลังบานสะพรั่ง
"นี่มันหมักร้อยบุปผ !" เหยาเจิ้งรู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่ได้คิดเลยว่าหลินเป่ยฟานจะนำไวน์ชั้นยอดมาให้
"จริงๆ แล้วมันคือหมักร้อยบุปผาที่เพิ่งถูกส่งมาจากพระราชวังในวันนี้! แต่ไวน์ที่ดีต้องมีสหายด้วย ดังนั้นข้าจึงได้นำมันมาที่นี่ มาดื่มด้วยกันเถิด!" หลินเป่ยฟานยิ้มขณะรินไวน์
"ดูท่าเจ้าจะยังคงมีจิตสำนึกอยู่บ้างสินะ เทเพิ่มเลย เอาให้เต็มถ้วย!" เหยาเจิ้งสูดดมกลิ่นของมันและรู้สึกมึนเมาเป็นอย่างมาก
"ไม่ต้องกังวล วันนี้ข้าจะให้ท่านดื่มจนไม่ไหวเลย!" หลินเป่ยฟานหัวเราะออกมา หลังจากดื่มไวน์เพียงไม่กี่ถ้วย ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ดีขึ้นอย่างมาก หลินเป่ยฟานจึงถามเหยาเจิ้งถึงเรื่องที่เขาสงสัยมาโดยตลอด
"บอกตามตรง ท่านเหยา ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมท่านถึงพุ่งเป้ามาที่ข้าตลอด" หลินเป่ยฟานเอ่ยถามด้วยความสับสน
"มีขุนนางที่ทุจริตและพวกเลวทรามมากมายในราชสำนัก ทำไมท่านถึงตามล่าผู้มาใหม่เช่นข้ากัน?"
ขณะดื่ม เหยาเจิ้งก็ตอบด้วยการเยาะเย้ยตนเองว่า "เจ้าคิดว่าข้าไม่ต้องการทำเช่นนั้นหรือ? ข้าต่อสู้ดิ้นรนมาสามสิบปี จากช่วงเวลาทองของข้าจนถึงตอนนี้ที่ผมสีขาวทั่วศีรษะ! ผลที่ได้คือ พวกมันปีนขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ข้ายังติดอยู่ที่เดิม! เจ้าเคยประสบกับความสิ้นหวังแบบนี้หรือเปล่าล่ะ?"
"ยามนี้เจ้าคงรู้แล้วสินะว่าทำไมข้าถึงต้องมุ่งเป้าไปที่เจ้าอย่างหนัก!"
เหยาเจิ้งมองไปทางหลินเป่ยฟานและกล่าวอีกว่า "เพราะข้ากลัวว่าเจ้าจะเติบโตขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งขุนนางที่ทุจริตผู้ซึ่งกระหายในอำนาจ! ดังนั้นในขณะที่ปีกของเจ้ายังไม่โตเต็มที่ ข้าจะดึงเจ้าให้ร่วงลงมา! แต่แทนที่จะเอาชนะเจ้าได้ ข้ากลับสูญเสียตำแหน่งขุนนาง เจ้าน่ะน่ากลัวยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก!"
หลินเป่ยฟานได้แต่ส่ายศีรษะ "นั่นเป็นเพราะวิธีการของท่านมันแข็งเกินไป ไม่โอนอ่อน มันจึงไม่ได้ผล!"
"เจ้ากำลังบอกว่าข้าควรจะเป็นเหมือนเจ้าว่ายน้ำไปตามกระแสงั้นเหรอ?" เหยาเจิ้งหัวเราะเยาะ
"ทำเช่นนั้นแล้วผิดตรงไหนเล่า? ดูข้าสิ ยามนี้ข้าอยู่อย่างสบายมากเลยนะ" หลินเป่ยฟานยิ้ม "ข้ามีไวน์ดี อาหารเลิสรศ เงินมากมาย อีกทั้งจักพรรดินียังโปรดปรานข้ามาก! แม้ว่าข้าจะทำให้ขุนนางและเหล่านายพลทุกคนในราชสำนักไม่พอใจ แต่ข้าก็ยังใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล!"
"แต่ตัวข้ายามนี้คงไม่อาจจะทำอะไรได้แล้ว" เหยาเจิ้งรินไวน์ให้ตัวเองและกล่าวออกมา "ท่านหลิน ข้ามีคำถามจะถามเจ้าด้วย"
"ถามมาได้เลย ท่านเหยา!"
"ท่านหลิน ท่านเอาแต่พูดว่าท่านรักดินแดนอู๋แห่งนี้ยิ่ง พร้อมรับใช้จักรพรรดินีอย่างสุดหัวใจหรือยอมตายเพื่อนาง แล้วทำไมท่านถึงยักยอกเงินจำนวนมากเช่นนี้? ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร?
"ท่านเหยา คำถามของท่านออกจะ..."
"อะไรกันเล่า? ไม่กล้าตอบหรืออายเกินกว่าจะตอบกันล่ะ?" เหยาเจิ้งเยาะเย้ย
"ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน!" หลินเป่ยฟานลุกขึ้นนั่งตัวตรงด้วยท่าทางอันแสนจริงจัง "ขอบอกเลยนะท่านเหยา จักรวรรดิอู๋อันยิ่งใหญ่สามารถทำให้ข้ายักยอกตำลึงได้มากมายมหาศาล เหตุใดข้าจะไม่รักมันกันล่ะ?"
เหยาเจิ้งเมื่อได้ยินถึงกับสำลัก!