บทที่ 45: ขุนนางทุกคนล้วนเป็นพวกประจบประแจง กระทั่งจักรพรรดินีเองก็เป็นผู้ปกครองที่โง่เขลา!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 45: ขุนนางทุกคนล้วนเป็นพวกประจบประแจง กระทั่งจักรพรรดินีเองก็เป็นผู้ปกครองที่โง่เขลา!
เรือนของหลินเป่ยฟานไม่มีอะไรมาก การค้นหาจึงเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าเหยาเจิ้งได้เดินออกมาพร้อมกับกล่องในอ้อมแขนของเขา อารมณ์ยามนี้เปี่ยมไปด้วยความสุข เขาเปิดกล่องและประกาศเสียงดัง “ฝ่าบาท ข้าพบธนบัตร เครื่องประดับทองและเงินรวมประมาณ 150,000 ตำลึงในห้องของหลินเป่ยฟาน! โปรดตรวจสอบ!”
เหยาเจิ้งหันศีรษะและพูดอย่างอวดี “หลินเป่ยฟาน คราวนี้เจ้าจะโต้แย้งอย่างไร?”
จักรพรรดินีเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่าหลินเป่ยฟานไม่ได้เก็บมันไว้ดีๆ จนพวกเขาสามารถหาเจอได้?
ข้าควรหาเหตุผลอะไรมาแก้ต่างเขาดี?
ทว่าหลินเป่ยฟานกับสงบนิ่งมากมาก เขาโค้งคำนับและตอบกลับ “ฝ่าบาท เงินนี้เป็นของข้าจริงๆ !”
เหยาเจิ้งหัวเราะอย่างมีชัย “ฮ่าฮ่า เจ้ายอมรับแล้วสินะ!”
“แต่เงินพวกนี้ล้วนเป็นเงินที่ได้มาถูกต้องตามกฎหมายและข้ามีหลักฐานที่ชัดเจน!” หลินเป่ยฟานตะโกน
“พวกมันจะถูกกฎหมายได้ยังไง? เจ้าเพิ่งเป็นขุนนางได้ไม่กี่วันและเงินเดือนของเจ้าก็มีน้อยนิด เจ้ามีเงินมากมายขนาดนี้ได้ยังไง? เห็นได้ชัดว่า… เจ้าได้รับมันมาจากการทุจริต!” เหยาเจิ้งตื่นเต้นมาก
หลินเป่ยฟานยังคงสงบนิ่งเช่นเดิม “เงินเดือนของข้ามีอยู่อย่างจำกัดจริงตามที่ท่านกล่าว! แต่ฝ่าบาททรงให้เงินข้าเป็นเงินหมื่นตำลึง! ดังนั้นเงินจำนวนนี้จึงถูกต้องตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์!”
จักรพรรดินีพยักหน้า “ใช่แล้ว! ข้าให้รางวัลท่านหลินเป่ยฟานที่ข้าพึงพอใจด้วยเงินหนึ่งหมื่นตำลึง !”
“แล้วอีกหนึ่งแสนสี่หมื่นตำลึงล่ะ? เจ้าคงไม่ได้บอกว่าฝ่าบาทให้รางวัลเป็นเงินทั้งหมดใช่หรือไม่?” เหยาเจิ้งเริ่มรู้สึกสับสน
"ไม่อย่างแน่นอน!" หลินเป่ยฟานจับมือของหลี่ซือซืออย่างอ่อนโยนและยิ้ม “อีกหนึ่งแสนสี่หมื่นตำลึงที่เหลือถูกนำมาเป็นสินสอดโดยภรรยาของข้า หลี่ซือซือ!”
“เหลวไหลสิ้นดี! สตรีของเจ้ามีเงินมากขนาดนั้นเลยหรือ?” เหยาเจิ้งตะโกน
“ทำไมจะมีไม่ได้กันล่ะ? ภรรยาของข้า หลี่ซือซือ เป็นนางโลมอันดับหนึ่งในเมืองหลวงก่อนที่จะเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับข้า นางมีความสามารถ งดงามและได้เก็บหอมรอมริบไว้!”
หลินเป่ยฟานยิ้ม “หากท่านยังมีข้อสงสัย เชิญถามผู้คนได้เลย เกือบทุกคนในเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องนี้และเป็นไปไม่ได้ที่มันจะเป็นเรื่องเท็จ!” ใบหน้าของเหยาเจิ้งพลันซีดเผือด
หลี่ซือซือพยักหน้าเช่นกัน “นี่คือสินสอดที่ข้าเป็นผู้นำมา! สามีของข้าไม่ได้ดูถูกข้า และเราไม่จำเป็นต้องส่วนเงินระหว่างเราสองออกจากกันเลย!”
ใบหน้าของเหยาเจิ้งเริ่มซีดลงไปมากขึ้นกว่าเดิม
จักรพรรดินีหัวเราะอย่างเต็มที่และพูดว่า “ดูเหมือนว่ายามนี้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว! ท่านหลินไม่ได้ทุจริตแต่อย่างใด และทรัพย์สินทั้งหมดของเขาถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่มีข้อโต้แย้ง! ส่วนหนึ่งมาจากข้าและส่วนหนึ่งมาจากภรรยาของเขา!”
“ท่านหลิน ในเมื่อตอนนี้ท่านมีเงินแล้ว ก็ขอให้มีความสุขและอย่าได้ตระหนี่เลย! กิน ดื่มและนอนอย่างสบายใจเถิด ท่านจะได้สามารถรับใช้ราษฎรได้ดียิ่งขึ้น” จักรพรรดินีเน้นย้ำ
นี่เป็นเหมือนบัตรทองสำหรับหลินเป่ยฟานที่สามารถทำให้เขาหนีจากความตายได้
การอนุญาตให้หลินเป่ยฟานกิน ดื่มและสนุกสนานได้ แสดงว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา นางก็จะไม่ว่าอะไร!
“คำพูดของฝ่าบาทถูกต้องทั้งหมด ข้าได้เรียนรู้อะไรอีกมากมายเลยทีเดียว!” หลินเป่ยฟานโค้งคำนับด้วยความเคารพ
“ส่วนพวกท่านขุนนางทุกคน จงอย่าคิดริอาจมุ่งเป้าไปที่ท่านหลินอีก! ท่านหลินยามนี้ร่ำรวยแล้ว เป็นเรื่องปกติที่เขาจะใช้จ่ายเงินที่พึงมีออกไป! ตราบใดที่เขาไม่ละเลยหน้าที่ของเขา เขาก็ถือได้ว่าเป็นขุนนางที่ดี!”
คำพูดของจักรพรรดินีพุ่งตรงไปที่กลุ่มขุนนางในราชสำนักมากกว่าผู้อื่น
นางเตือนพวกเขาไม่ให้สร้างปัญหาเช่นนี้อีก ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องเผชิญกับผลที่ต้องตามมาแน่
“ขอรับฝ่าบาท!” เหล่าขุนนางแสดงความเคารพ
“อืม!” จักรพรรดินีมองไปทางเหยาเจิ้งที่กำลังหน้าซีด โดยถามว่า “เหยาเจิ้ง ยามนี้เจ้ามีอะไรจะกล่าวอีกไหม?”
“เสนาบดีผู้นี้…ไม่มีอะไรจะกล่าวขอรับ!” ใบหน้าของเหยาเจิ้งขมขื่นเป็นอย่างยิ่ง
เขารู้ว่าเขาพลาดท่าอีกครั้งแล้ว!
เขาพลาดท่าสามครั้งกับกระต่ายหนุ่มผู้นี้!
เจ้าคนผู้นี้เป็นศัตรูตัวฉกาจของข้างั้นหรือ?
“เอาล่ะ เจ้าคงจะรู้ใช่ไหมว่าเจ้าต้องทำยังไง? ข้าคงจำเป็นต้องเตือนเจ้าหรอกนะ?” ใบหน้าของจักรพรรดินีเรียบเฉย
เหยาเจิ้งตัวสั่น เขายกมือขึ้นและถอดหมวกผ้าสีดำพร้อมกับโค้งคำนับและใช้กำลังทั้งหมดเพื่อพูดออกมาว่า “ส…เสนาบดีผู้นี้ขอยุติบทบาทและขออนุญาตปลดเกษียณ เพื่อกลับบ้านเกิดด้วยเถิดฝ่าบาท!”
จักรพรรดินีปัดแขนเสื้อของนางและพูดโดยไม่ลังเลว่า “ได้!”
เหยาเจิ้งหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง เสียงของเขาสั่นเครือเป็ฯอย่างมาก “ขอบพระทัย…ฝ่าบาท!”
“กลับไปที่วัง! ส่วนเหยาเจิ้ง เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับมาด้วย!” จักรพรรดินีนำเหล่าขุนนางทั้งหมดออกไป
ทุกคนมองมาทางเขาเพียงครั้งเดียว และไม่หันกลับมามองเขาอีก! ไม่แม้แต่จะชำเลืองมอง!
เหยาเจิ้งมองดูเหล่าขุนนางออกไป ทันใดนั้นก็ได้คร่ำครวญออกมา
“ทั้งราชสำนักเต็มไปด้วยพวกหน้าซื่อใจคด จักรพรรดินีก็ทรงไม่รู้อะไรเลย!”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากทำหน้าที่ แต่ว่าราชสำนัก…”
“มันไม่มีที่อยู่ให้ขุนนางที่ซื่อสัตย์อีกต่อไปแล้ว!”