นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 206 - พื้นที่ปนเปื้อน
พลั่ก!
เดวิดเตะร่างที่ไร้ลมหายใจให้กระเด็นออกไปที่ด้านข้าง ก่อนที่จะวางกระเป๋าเป้สีน้ำตาลที่สภาพเขรอะดูไม่ได้ลงบนพื้นเบื้องหน้าของตัวเอง ก่อนจะยื่นมือเข้าไปค้นดูสิ่งของที่อยู่ด้านในอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก เพราะในหัวกำลังคิดถึงการไล่ล่าที่เพิ่งจบลงครั้งนี้อยู่
ในตอนแรกที่รู้สึกได้ว่ามีคนแอบจับตาดูพวกเขาต่อสู้กันอยู่ เดวิดคิดว่านั่นเป็นเพียงแค่พวกระดับอ่อนแอธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น และถึงแม้ว่าข้อสรุปของเขาจะไม่ถือว่าผิดพลาดมากนัก แต่มันก็ทำให้เสียเวลาไปเกือบ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว กว่าที่เดวิดจะไล่ตามจัดการกับเจ้าหมอนี่ได้สำเร็จ
เรื่องนี้ต้องโทษทักษะการเคลื่อนไหวที่เจ้าหนุ่มคนนี้ฝึกฝนมา มันมีความเร็วในระดับที่น่าอัศจรรย์ใจเลยด้วยซ้ำ และเมื่อประกอบเข้ากับท่าร่างการหลบหลีกอันคล่องแคล่ว เดวิดแทบจะคลาดหลงกับเขาหลายครั้งเลยทีเดียว
ตอนที่อยู่ในสภาวะกระตุ้นร่างกายระดับสองดาว เดวิดใช้เวลาสักพักกว่าที่จะตามเขาทันได้ แม้ว่ามันจะช้ากว่าที่คาดเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ยุ่งยากเท่ากับการโจมตีให้ถูกตัวเขาได้เลย ด้วยความเร็วของร่างกายระดับ 2 ดาว เดวิดโจมตีเจ้าหมอนี่ไม่ถูกเลยสักครั้ง!
จนท้ายที่สุด เดวิดที่โกรธจนทนไม่ไหว ต้องกระตุ้นร่างกายขึ้นมาเป็นระดับสามดาวเพื่อจัดการกับเขา และมันได้ผลลัพธ์ออกมาตามที่ต้องการ เดวิดอัดเขาลงไปกองกับพื้นด้วยหมัดเดียว ก่อนจะระบายอารมณ์อย่างหนักอีก 2-3 ครั้ง และรีดความลับออกมาจากปากของเจ้าหมอนี่จนหมด
ปัญหาที่ทำให้เดวิดต้องขบคิดอยู่ในตอนนี้ เจ้าหมอนี่ดันเป็นฝ่ายรวบรวมข้อมูลขององค์กรลับแห่งหนึ่งในตลาดมืด แถมยังเป็นองค์กรที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่งเสียด้วย นั่นทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกำจัดเขาไปเสีย และได้แต่นึกเสียใจแทนที่ดันมาอยู่ผิดที่ผิดเวลาอย่างไม่น่าให้อภัยเลย แต่เดวิดไม่มีทางปล่อยให้ความลับของตัวเองรั่วไหลออกไปแน่ โดยเฉพาะไปอยู่ในมือขององค์กรที่มีธุรกิจค้าขายข้อมูลแบบนี้
ทักษะการกระตุ้นร่างกายของเขา เดวิดถือว่าเป็นความลับขั้นสุดยอด เขาไม่อยากจะคิดเลยว่ามันจะส่งผลต่อตัวเองอย่างไรบ้าง ถ้าความลับแบบนี้รู้ไปถึงหูของบุคคลอื่น
ในตอนนี้ ปัญหาที่มีติดตัวของเดวิดก็ถือว่ายุ่งยากอยู่ไม่น้อยแล้ว การสังหารกลุ่มของนิกซ์ลงไปทั้งหมด ทำให้เขากลายเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ของศาสตราจารย์คนหนึ่ง การกำจัดแก๊งค์สวะ 5 คนที่ต้องการจะข่มขืนมนุษย์กลายพันธุ์ในตอนนั้น เจ้าตัวหัวหน้าแก๊งค์ก็อ้างตัวว่ามีแม่เป็นศาสตราจารย์อยู่เหมือนกัน แล้วถ้ารวมกับคนที่อยู่เบื้องหลังฟิลลิดา ซึ่งก็ไม่แคล้วเป็นศาสตราจารย์เป็นอย่างต่ำอีกแน่
เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตอนนี้มีศาสตราจารย์อย่างน้อย ๆ 3 คนแล้วที่ต้องการจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ
แล้วยังต้องนับรวมองค์กรนี้เข้าไปด้วยหรือเปล่า เดวิดก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่ที่แน่ ๆ เขารู้ดีแล้ว ว่าถ้านับเฉพาะเรื่องการหาความยุ่งยากใส่ตัว เขาเป็นมือวางอันดับ 1 อย่างมีใครเทียบได้เลย!
ในหัวของเดวิดตอนนี้กำลังครุ่นคิดอย่างหนักเพื่อหาทางรอดให้ตัวเอง สถานการณ์ของเขาในตอนนี้เรียกได้ว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก มีแต่เรื่องร้าย ๆ วิ่งเข้าหาตัวโดยตลอด มันทำให้เดวิดคิดจะหาที่พึ่งพาแล้ว เขาต้องหาผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งมากพอ อย่างน้อย ๆ ก็ขอให้เขาสามารถอยู่ภายในสถาบันได้อย่างสงบสุข ถึงแม้ว่าตามปกติในพื้นที่ของสถาบันจะมีการจับตามองอย่างใกล้ชิดด้วยกล้องสังเกตการณ์ จนไม่น่าจะมีศาสตราจารย์คนไหนกล้าทำรุ่มร่ามอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่กรณีของลู่ฟงก็เป็นตัวอย่างที่ทำให้เดวิดไม่ประมาทเลย มันมีวิธีมากมายที่จะหลบเลี่ยงการสอดแนมของระบบ
และที่ร้ายไปกว่านั้น ศัตรูของเขาเป็นถึงระดับศาสตราจารย์ คงไม่โง่พอที่จะลงมือซึ่งหน้าให้ถูกจับได้แน่ นี่เป็นเรื่องที่เดวิดมีความกังวลมากที่สุดแล้ว
เดวิดสะบัดหัวตัวเองอย่างแรงเพื่อไล่อาการปวดหัวที่เริ่มโจมตีเขาอีกครั้งออกไป ก่อนจะหันมาสนใจกระเป๋าที่อยู่ตรงหน้า และตัดสินใจเทของที่อยู่ข้างในออกมาทั้งหมดในคราวเดียวกัน ค่อย ๆ โยนสิ่งของไร้สาระอย่างเสื้อผ้า แปรงสีฟันไฟฟ้า และของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่มีค่าอะไรทิ้งไปทีละอย่าง
จนในที่สุด เดวิดก็เจอสิ่งที่พอจะมีประโยชน์บ้าง อย่างน้อยเขาก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น มันเป็นหนังสือสีเหลืองเล่มหนึ่ง ทำจากวัสดุกันน้ำอย่างดี นี่ทำให้เขาคิดว่าเนื้อหาที่อยู่ด้านในน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญพอสมควร เดวิดโยนมันเข้าไปในกระเป๋าเป้ของตัวเองเอาไว้ก่อน
หลังจากนั้น เขาก็เจอไมโครชิฟอีก 2 ชิ้น มันทำให้ดวงตาลุกวาวขึ้นมาได้บ้าง แน่นอนเดวิดยัดมันเข้าไปในกระเป๋าอย่างไม่ลังเล นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาตรวจสอบว่าด้านในบรรจุข้อมูลหรือโปรแกรมอะไรไว้ แถมสถานที่ก็ยังไม่เหมาะสมอีกด้วย
และนั่นเป็นสิ่งมีค่า 2 ชิ้นสุดท้ายที่เขาหาเจอ ไม่สิ! มันยังมีน้ำกระป๋องอยู่อีก 1 แพ็คเต็ม ๆ ด้วย หลังจากที่เขายัดมันลงไปในกระเป๋าของตัวเองแล้ว เดวิดก็รีบออกไปจากสถานที่แห่งนี้ทันที ไม่แม้แต่จะมองย้อนกลับหลังมาดูเลยแม้แต่แวบเดียว
เดวิดนั้นวางแผนการเคลื่อนไหวของตัวเองในลำดับถัดไปได้แล้ว ในเมื่อเขาต้องการจะหาที่พึ่งพิง ตาเฒ่าไม่ยอมแก่นั่นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เดวิดตัดสินใจจะเพิ่มคะแนนการล่าของตัวเองให้มากขึ้นอีก มันจะเป็นหลักประกันว่าเขาจะได้รับเลือกให้เป็นศิษย์ส่วนตัวของตาเฒ่านั่นแน่ ๆ แม้ว่าตาแก่จะเป็นคนออกปากเองว่าจะรับเขาเป็นศิษย์ แต่เพื่อไม่ให้มีข้อครหา และปิดปากเหล่าศาสตราจารย์คนอื่น ๆ การคว้าอันดับ 1 ของการแข่งขันครั้งนี้มาครองน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
แต่ก่อนหน้าที่จะออกล่า เดวิดหาที่ปลอดภัยเพื่อตรวจสอบไมโครชิฟที่เพิ่งได้มาเสียก่อน
“กำลังตรวจสอบข้อมูลให้ อาจจะต้องใช้เวลาสักครู่ กรุณารออย่างอดทน” เสียงของเฮเซลดังขึ้นมาอย่างไม่จริงจังอะไรนัก
และเดวิดก็ไม่ได้สนใจเธอเหมือนกัน เขารู้ดีว่ามันใช้เวลาไม่ได้นานขนาดนั้น แล้วก็เป็นไปตามคาด แค่เพียงไม่กี่วินาที เสียงของเฮเซลก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“โอเค! อ่านข้อมูลเสร็จสิ้นแล้ว กำลังจัดเรียงข้อมูลใหม่ การจัดเรียงข้อมูลเสร็จสิ้น!
ตรวจพบโปรแกรมที่สามารถติดตั้งได้! เตรียมการติดตั้งโปรแกรม! เริ่มต้นติดตั้งโปรแกรม!
การติดตั้งโปรแกรมจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง คราวนี้เป็นการประเมินตามความเป็นจริง ถ้ารีบร้อนจะไปทำอย่างอื่นก่อนก็ได้”
เมื่อฟังคำแนะนำที่เธอกล่าวออกมาอย่างจริงใจ เดวิดก็ได้แต่กรอกตาไปมาเท่านั้น เขาเลือกที่จะกระโดดลงมาจากหลังคาตึกที่ดูแล้วว่าน่าจะเคยเป็นอาคารเรียนของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางออกไปล่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ทันที
แต่ระหว่างนั้น เขาก็เอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย “ทำไมคราวนี้ถึงได้นานนักล่ะ? โปรแกรมที่ติดตั้งคราวก่อนยังใช้เวลาแค่นาทีเดียวเอง”
“ทั้งคุณภาพและปริมาณของข้อมูลที่บรรจุอยู่ในชิปอันใหม่นี้สูงกว่าชิปอันก่อนหน้านี้มาก ถ้าให้เทียบกันก็เหมือนน้ำปนเปื้อนระดับ 8 กับน้ำสะอาดธรรมดาเท่านั้น
อันที่จริงแล้ว ปริมาณข้อมูลที่บรรจุอยู่ในชิปอันนี้เกือบจะเกินความสามารถของระบบในปัจจุบันนี้แล้ว ถ้านายกลับไปที่สถาบันแล้ว ต้องรีบอัพเกรดระบบอย่างเร่งด่วนที่สุดเลยนะ” สิ่งที่เฮเซลกล่าวออกมาคราวนี้เป็นความจริงทั้งหมด
แต่เดวิดกลับขมวดคิ้วกับเรื่องอื่น “ไอ้น้ำปนเปื้อนระดับ 8 นี่มันคืออะไร?”
“ยังไม่ต้องมาถามฉันเลย เอาไว้ให้นายมีโอกาสเดินทางไปยังพื้นที่รกร้างในอนาคต ตอนนั้นนายก็จะได้รู้เองนั่นแหละ” มันไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เฮเซลจะเริ่มหงุดหงิดเกี่ยวกับคำถามของเดวิด ซึ่งเขาก็ยังทำเป็นไม่รู้ตัว และยิงคำถามต่อเนื่องออกมา
“มันเหมือนกับระดับของพื้นที่ปนเปื้อนแถวนี้มั้ย?” น้ำเสียงของเดวิดนั้นปกติเป็นอย่างมาก
“หือมม์?” ดูเหมือนว่าเฮเซลจะไม่ได้ฟังคำถามของเดวิดมากนัก เธอส่งเสียงที่แปลกประหลาดออกมา
และนี่ทำให้เดวิดรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก เขาหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองลงทันที
“ฉันไม่ได้ตรวจสอบก่อนหน้านี้ เพราะร่างกายของนายไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะการปนเปื้อนในอากาศเลย แต่ตอนนี้เราอยู่ในพื้นที่ปนเปื้อนระดับ 2 แล้ว” เฮเซลกล่าวออกมาในที่สุด น้ำเสียงของเธอยังเรียบเฉยเหมือนไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรนัก
ไม่มีทางที่เดวิดจะเชื่อถือน้ำเสียงของเธอแน่ เขารีบถามออกมาอย่างรวดเร็ว “นี่เป็นเรื่องดีหรือแย่?”