ตอนที่แล้วตอนที่ 542 ความโกรธเกรี้ยวของหมิงกุย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 544 ราชากฎหยูฮัว

ตอนที่ 543 การต่อสู้บนภูเขา


ตอนที่ 543 การต่อสู้บนภูเขา

ภายในห้องฝึก

กลิ่นหอมจากน้ำยาค่อย ๆ จางหายไป ขณะที่น้ำภายในอ่างอาบน้ำจากสีฟ้าใสก็ค่อย ๆ จืดจางลงเปลี่ยนกลับมาเป็นสีใส ๆ ธรรมดาด้วยเหมือนกัน

เซี่ยเฟยถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าออกมาจากอ่างอาบน้ำ, เช็ดตัวให้สะอาดและสวมเสื้อผ้ากลับไปตามเดิม

“เส้นทางยังอีกยาวไกลจริง ๆ ถึงแม้ว่ายาชนิดนี้จะสามารถป้องกันการรั่วไหลของความร้อนภายในร่างกายได้ แต่มันก็ยังไม่สามารถทำให้เส้นใยพลังงานในสมองของนายเชื่อฟังคำสั่งของนายได้อยู่ดี พวกเรามาลองยาตัวอื่นกันเถอะ” อันธกล่าวอย่างหมดหนทาง

วันเวลาได้ผ่านมา 3 วันแล้วแต่เซี่ยเฟยยังไม่มีความคืบหน้าในการฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานเลยแม้แต่น้อย และถ้าหากพิจารณาจากผลของน้ำยาที่อยู่ได้เพียงแค่สัปดาห์เดียว มันก็หมายความว่าน้ำยาภายในอ่างอาบน้ำสามารถที่จะใช้งานได้อีกเพียงแค่ประมาณ 3 วัน

“ดูเหมือนการพยายามฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เหมือนกับที่พวกเราได้คิดกันเอาไว้” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างครุ่นคิด

“แค่นายสามารถคลำทางได้มากกว่า 50% โดยไม่มีใครชี้นำก็ถือว่าคืบหน้าไปมากแล้ว นายอย่าโทษตัวเองเลย” อันธพยายามปลอบเซี่ยเฟย

“ดูเหมือนว่าฉันจะยังไม่เข้าใจมันมากพอสินะ กฎแห่งการกลั่นพลังงานแตกต่างจากกฎแห่งมิติและกฎแห่งความโกลาหลมาก ฉันคงจะต้องหาโอกาสสัมผัสกับพลังของกฎที่ลึกลับนี้ให้ได้มากกว่านี้ก่อน” เซี่ยเฟยกล่าว

การพยายามอย่างหนักคือเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน แต่เซี่ยเฟยรู้ดีว่าหากเขาต้องการที่จะฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานให้สำเร็จ ก่อนอื่นเขาจะต้องทำความเข้าใจกฎชนิดนี้เสียก่อน

เมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยเดินทางกลับมาในห้องนั่งเล่น กระป๋องก็รีบทำหมี่ผัดของโปรดให้ชายหนุ่มกินในทันที แต่เซี่ยเฟยยังไม่ค่อยอยากอาหารเขาจึงเลือกดูดซับพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดไปพร้อม ๆ กับขนอุย และวางแผนที่จะออกไปเดินเล่นข้างนอกแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลากลางคืนก็ตาม

ทันทีที่ดูดซับพลังงานจากคริสตัลม่วงจนหมด ขนอุยก็รีบกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเซี่ยเฟยทันที โดยพยายามเอาอกเอาใจเจ้านายของมันคนนี้และแลบลิ้นเลียคอเขาครั้งแล้วครั้งเล่า

เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากเมืองไปตามถนนสู่พื้นที่ที่ทุรกันดาร

แม้ว่าตระกูลหยูจะตั้งอยู่บนยานอวกาศ แต่ยานลำนี้ก็มีขนาดใหญ่มากพอ ๆ กับดาวเคราะห์ มันจึงมีสถานที่ที่เซี่ยเฟยยังไม่เคยเดินทางไปเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน เขาจึงตัดสินใจที่จะออกไปสำรวจพื้นที่รกร้างพวกนั้นสักหน่อยในระหว่างที่เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี

ระยะทางไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับผู้มีพลังสายความเร็วอยู่แล้ว และก่อนที่เขาจะทันได้รู้ตัวเขาก็เดินทางมาจนถึงภูเขาที่เต็มไปด้วยพืชพรรณอันเขียวขจี

เซี่ยเฟยปีนขึ้นไปบนยอดของภูเขาที่เต็มไปด้วยก้อนหิน จากนั้นเขาก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

อย่างไรก็ตามดวงดาวเทียมพวกนี้ก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกแปลก ๆ เพราะมันดูขัดกับธรรมชาติในความเป็นจริง

“มีคนมา” อันธกล่าวอย่างจริงจัง

“อืม ฉันรู้แล้ว”

เซี่ยเฟยไม่ได้สนใจผู้มาใหม่มากนัก เพราะทั่วทั้งตระกูลหยูมีประชากรอยู่มากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งมันก็อาจจะมีใครบางคนกำลังนอนไม่หลับเหมือนกับเขาก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นภายในตระกูลยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราเป็นอย่างดี การพยายามสร้างความวุ่นวายในตระกูลหยูจึงไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำกันได้ง่าย ๆ

แต่ในทันใดนั้นเองมันก็มีร่างของชายในชุดสีดำเคลื่อนไหวมาหยุดอยู่ด้านหลังของเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว

“นายคือเซี่ยเฟยที่เป็นนักรบกฎคนใหม่ของตระกูลใช่ไหม?” ชายคนนั้นกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

เมื่อเซี่ยเฟยหันศีรษะกลับไป เขาก็ได้พบว่าอีกฝ่ายเป็นชายหัวโล้นที่ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยสักกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาอันเย็นชา

“ใช่ มีอะไรหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างสบาย ๆ

“ท่านหมิงกุยต้องการจะเชิญนายไปพูดคุยด้วยสักหน่อย” ชายหัวโล้นกล่าว

“ทำไมฉันต้องไปด้วย? ฉันไม่ได้รู้จักกับเขาสักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม

“หลังจากที่นายไป เดี๋ยวนายก็จะได้รู้จักกับท่านหมิงกุยเอง”

“แล้วถ้าหากว่าฉันไม่อยากไปล่ะ?” เซี่ยเฟยถามกลับ

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงจะไม่มีทางเลือกนอกเสียจากจะต้องใช้กำลังพาตัวนายไป” ชายหัวโล้นตอบ

“คิดจะมาหาเรื่องกันงั้นเหรอ?”

เซี่ยเฟยกำลังรู้สึกหงุดหงิดและยังไม่มีที่ระบาย หรือว่าชายหัวโล้นคนนี้ต้องการที่จะมาเป็นกระสอบทรายให้กับเขา

“ถ้าอยากจะคุยกับฉันก็ให้เขามาหาฉันเอง” เซี่ยเฟยตอบกลับไปห้วน ๆ

“หึ!” ชายหัวโล้นพ่นลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา และเขาก็ได้รู้จากพี่น้องตระกูลหยูแล้วว่าเซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่นักรบกฎขั้นที่ 4 เท่านั้น แต่เด็กคนนี้กลับกล้าทำตัวหยิ่งผยองต่อหน้าเขา

ขณะเดียวกันขนอุยบนไหล่ของเซี่ยเฟยก็กำลังจ้องมองไปทางชายหัวโล้นด้วยแววตาอันเหยียดหยาม และถึงแม้ว่าชายหัวโล้นจะไม่รู้ว่าขนอุยคือตัวอะไร แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทางของมันแล้วมันก็คงจะต้องเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่มักจะมีนิสัยเย่อหยิ่งอย่างแน่นอน

‘ทั้งคนทั้งอสูรต่างก็เป็นพวกหยิ่งเหมือนกันเลยสินะ’ ชายหัวโล้นอุทานภายในใจ จากนั้นเขาก็โบกมือส่งสัญญาณทำให้มีชายชุดดำอีกหกคนปรากฏตัวขึ้นล้อมรอบเซี่ยเฟยเอาไว้ตรงจุดศูนย์กลาง

“รีบเอาตัวเขาไปเร็ว ๆ เข้า” ชายหัวโล้นตะโกนสั่งการอย่างเย็นชา

“ครับ”

ชายชุดดำทั้งหกคนเร่งดำเนินการในทันทีและเซี่ยเฟยก็เริ่มตอบโต้กลับในเวลาเดียวกัน

สิ่งที่พวกเขาทั้งหกกำลังทำคือการพยายามทำตัวเป็นตาข่ายดักจับเซี่ยเฟยเอาไว้ตรงกลาง และสิ่งที่เซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องทำนั่นก็คือการพยายามทำลายตาข่ายให้หลุดออกมาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

แม้ว่าเซี่ยเฟยอาจจะเป็นเพียงแค่ผู้ใช้กฎหน้าใหม่ที่มีระดับพลังอยู่เพียงแค่ระดับนักรบกฎขั้นที่ 4 แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นนักรบที่ไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้

หากใครรู้จักชายหนุ่มคนนี้ดีพวกเขาก็จะรู้ว่าเซี่ยเฟยเคยเฉียดตายมาแล้วเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน และเขาก็เคยได้เผชิญหน้ากับศัตรูมาแล้วอย่างมากมาย ดังนั้นเมื่อศัตรูเริ่มทำการเคลื่อนไหวชายหนุ่มก็สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวต่อไปของอีกฝ่ายได้ในทันที

“นี่เขาคิดที่จะสู้กลับงั้นเหรอ?!” ชายหัวโล้นอุทานออกมาด้วยความตกใจ

ในสถานการณ์ปกตินักสู้ที่ไม่มีประสบการณ์ที่ได้พบกับศัตรูจำนวนมากกว่า จะเลือกรักษาตำแหน่งของตัวเองอย่างมั่นคงแทนที่จะรีบพุ่งตัวไปข้างหน้า เพราะมันจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ

นักสู้ที่เขาพามาด้วยไม่ใช่นักสู้ระดับสูงมากนัก แต่พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้กฎแห่งมิติและกฎแห่งสสารในการดักจับสัตว์โดยเฉพาะ มันจึงทำให้แม้แต่อัศวินกฎโดยทั่วไปก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการจับกุมของคนกลุ่มนี้ไปได้

ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยจะค่อนข้างดูบ้าบิ่น แต่มันก็เป็นหนึ่งในวิธีที่เหมาะสมสำหรับการทำลายวงล้อม

“ดูเหมือนว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่ใช่มือใหม่ในการต่อสู้ ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็อาจจะมีประสบการณ์ในการต่อสู้อย่างโชกโชนด้วย”

หมัดพายุคลั่ง!

เซี่ยเฟยกระโจนเข้าใส่ศัตรูคนแรกพร้อมกับออกแรงชกออกไปด้วยความรุนแรง

เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการจะจับตัวเขาไปทำไม แต่สิ่งที่เขารู้คือตอนนี้เขากำลังต้องการหาที่ระบายอยู่พอดี

จะเรียกได้ว่าคนพวกนี้คือพวกคนซวยที่กำลังมาหาเขาในช่วงที่เขาอารมณ์ไม่ดีก็ได้

กลยุทธ์การปิดล้อมที่ดีจะต้องเริ่มต้นจากผู้ปิดล้อมจะต้องรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ได้อย่างมั่นคง เซี่ยเฟยจึงตั้งใจที่จะทำลายตำแหน่งของศัตรูเพื่อทำให้คนอื่นรู้สึกสับสน

ตูม!

หมัดที่ผสมกับพลังของกฎแห่งความโกลาหลรุนแรงมาก จนทำให้ผู้ใช้กฎฝั่งตรงข้ามปลิวออกไปอย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะทันได้เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ

กร๊อบ!

เพียงแค่หมัดเดียวก็ทำให้นักสู้คนนั้นกระดูกหักไปทั่วทั้งตัว และมันก็ทำให้เกิดช่องว่างในวงล้อมของศัตรู

พายุมิติปิดล้อม!

เซี่ยเฟยเริ่มขยับไปยังชายชุดดำที่อยู่ด้านข้างและเริ่มใช้การจู่โจมที่มีระยะในการโจมตีกว้างกว่าเดิม

กำแพงเหล็ก!

ผู้ใช้กฎที่เป็นเป้าหมายสามารถตอบสนองต่อการโจมตีของชายหนุ่มได้ทัน เขาจึงรีบใช้กฎแห่งสสารสร้างกำแพงเหล็กขึ้นมาป้องกันอย่างรวดเร็ว

เอี๊ยด!!

คลื่นมิติที่เซี่ยเฟยจู่โจมออกไปนั้นไม่ใช่การโจมตีในรูปแบบธรรมดา เพราะเขาได้แฝงกฎแห่งความโกลาหลเข้าไปภายในการโจมตีด้วย คลื่นมิติทั้งสามคลื่นจึงฉีกกระชากกำแพงเหล็กออกจากกันโดยตรง คล้ายกับสัตว์ประหลาดที่กำลังแหวกตัวออกมาจากร่างของศัตรู

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ากำแพงเหล็กจะไม่สามารถหยุดยั้งคลื่นมิติทั้งสามลูกของเซี่ยเฟยได้ แต่มันก็ทำให้ความเร็วและพลังของคลื่นมิติลดลงจากเดิมเป็นอย่างมาก

‘ขอแค่สร้างกำแพงขึ้นมาป้องกันอีกครั้งก็น่าจะพอแล้วใช่ไหม?’ ผู้ใช้กฎแห่งสสารคิดขึ้นมาภายในใจ ก่อนที่เขาจะรีบใช้กฎแห่งสสารเพื่อสร้างกำแพงเหล็กขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อคลื่นมิติปะทะเข้ากับกำแพงเหล็กชั้นที่ 2 กำแพงเหล็กที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ก็กันคลื่นมิติของเซี่ยเฟยให้ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะเดินหน้าต่อไปอีกแล้ว

ชายชุดดำที่เรียกกำแพงเหล็กออกมาเผยรอยยิ้มออกมาอย่างพอใจ แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหยุดคลื่นมิติของเซี่ยเฟยเอาไว้ได้ แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้หยุดการโจมตีของตัวเองลงไปด้วย

“แหลกไปซะ!!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับจับหิมะโปรยไว้ในมือและชกไปยังกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างเขากับศัตรูเอาไว้ ซึ่งการจู่โจมในครั้งนี้ได้พุ่งทะลุกำแพงเข้าไปโดยตรง และหมัดของชายหนุ่มก็ได้ปะทะเข้ากับหน้าผากของชายชุดดำคนนั้นเต็ม ๆ

ตูม!

สมองระเบิด!

การจู่โจมของเซี่ยเฟยยังไม่หยุดลงไปเพียงแค่นั้น ก่อนที่ชายชุดดำคนอื่นจะทันได้ตอบโต้เซี่ยเฟยก็ขยับหิมะโปรยปากลำคอของชายชุดดำอีกคนหนึ่งลงไปแล้ว

รวดเร็ว! แม่นยำ! เฉียบขาด!

ชายหนุ่มสะบัดมือเบา ๆ ก่อนที่จะทำให้หัวของชายชุดดำคนที่ 3 กระเด็นหลุดออกไปจากบ่า

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่ชายชุดดำทั้งหกคนที่เคยล้อมรอบเขาเอาไว้ในก่อนหน้านี้ก็ได้เสียชีวิตลงไปถึงครึ่งนึงแล้ว

“อา! สบายตัวดีจริง ๆ”

การปิดล้อมของชายทั้งหกพังทลายลงไปแล้ว ส่วนนักรบอีกสามคนที่เหลือก็มีโอกาสน้อยมากที่จะทำอะไรกับเซี่ยเฟยได้

ตูม!

ชายชุดดำคนสุดท้ายร่างระเบิดไปหลังจากที่ได้รับหมัดพายุคลั่งของเซี่ยเฟย

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็สามารถระบายความทุกข์ภายในใจออกไปได้จนหมดแล้ว เขาจึงมองไปยังชายหัวโล้นที่ห่างออกไปหลายสิบเมตรพร้อมกับขนอุยที่กำลังอ้าปากหาวอยู่ข้าง ๆ

ตั้งแต่ต้นขนอุยทำได้เพียงแต่เฝ้าดูการต่อสู้เท่านั้น เพราะศัตรูพวกนี้กระจอกมากเกินไปไม่เพียงพอที่จะให้มันต้องตื่นขึ้นมาเพื่อลงมือ

“มันช่างเป็นหมัดที่รุนแรงจริง ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินนายต่ำเกินไปสินะ ถึงแม้ว่าระดับพลังของนายจะเป็นเพียงแค่นักรบกฎขั้นที่ 4 แต่พลังต่อสู้ที่แท้จริงของนายกลับเทียบได้กับอัศวินกฎขั้นที่ 1” ชายหัวโล้นกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ จากนั้นเขาก็เปลี่ยนท่าทางไปอย่างจริงจังและกล่าวถามขึ้นมาว่า

“กฎมิติของนายน่าสนใจดีนี่ พอจะบอกหน่อยได้ไหมว่านายตีความกฎแห่งมิติไปในทิศทางไหนกันแน่?”

แน่นอนว่าสิ่งที่ชายหัวโล้นหมายถึงย่อมเป็นกฎแห่งความโกลาหล แต่เนื่องจากกฎแห่งความโกลาหลเป็นกฎลึกลับที่เขาได้รับมาจากเผ่าเทพ มันจึงไม่มีใครคนไหนในดินแดนนี้ที่เคยเห็นกฎแห่งความโกลาหลมาก่อน

แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่โง่ถึงขนาดบอกความลับของกฎแห่งความโกลาหลให้กับคนอื่น

ทันใดนั้นมันก็เริ่มมีแสงสว่างปรากฏให้เห็นในระยะไกล เซี่ยเฟยจึงเผยรอยยิ้มและกล่าวขึ้นมาว่า

“ดูเหมือนทหารรักษาการณ์ของตระกูลหยูจะตรวจพบการต่อสู้ระหว่างพวกเราแล้วนะ ตอนนี้นายควรคิดดีกว่าว่านายจะหนีออกไปจากที่นี่ยังไง?”

“พวกนั้นเป็นแค่นักรบของตระกูลหยู แล้วพวกเขาจะมีสิทธิ์อะไรมาหยุดฉันเอาไว้” ชายหัวโล้นกล่าวอย่างเย้ยหยัน

“ไหนมาลองดูซิว่าจะมีฝีมือดีเหมือนฝีปากไหม?” เซี่ยเฟยกล่าว

ทันใดนั้นร่างของชายหัวโล้นก็หายไปในพริบตา ก่อนที่จะมีกระแสไฟฟ้าปรากฏขึ้นมาบนแขนขวาของชายคนนั้น

“เทเลพอร์ตบวกกับไฟฟ้างั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานด้วยความประหลาดใจ ขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาที่หัวใจของเขา

***************

มาเอาก่อนว่าจะสู้กันจนจบหรือจะหนีไปก่อน…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด