ตอนที่แล้วบทที่ 569: คนร้ายคือแมลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 571: มังกรน้อยผู้พิทักษ์ท่านแม่

บทที่ 570: ฆ่าไอ้พวกคนนิสัยเสีย


หลังจากผู้คนได้รู้สาเหตุการตายของพวกหยินเสวี่ย ฝูงชนก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนกอีกครั้ง

ปัจจุบันการที่พวกเขาจะเอาชีวิตรอดไปได้ในแต่ละวันก็ยังเป็นเรื่องยากเลย มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนตึงเครียดมาก หากมีสิ่งใดมากระทบจิตใจเพียงเล็กน้อย มันก็อาจทำให้พวกเขาตกใจได้ง่ายขึ้น

“ท่านหัวหน้ารีบโยนศพออกไปจากเผ่าเร็วเข้า!”

“เผื่อยังมีแมลงอยู่ในศพของพวกมัน!”

“ข้าไม่อยากถูกแมลงกัดตาย...”

ด้วยความคิดไปเอง เหล่าภูตรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานอยู่บนตัว

ยิ่งมีหลายคนตะโกนโวยวายเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้น

“เงียบ! ทุกคนเงียบ ข้าจะรีบจัดการศพให้เหมาะสมอย่างแน่นอน พวกเจ้ารีบกลับบ้านไปก่อน อย่ามาทำตัววุ่นวายกันอยู่ที่นี่”

หูหลินยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง

ปัจจุบันชาวเผ่าเรียนรู้วิธีป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาดจากหูเจียวเจียวได้ระดับหนึ่งแล้ว สิ่งแรกที่พวกเขาจะต้องทำก็คืออย่าอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่

พวกเขาคิดว่าปัญหาของแมลงมีพิษก็อาจจะต้องปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน

มันถือว่าเป็นเรื่องโชคดีที่ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พอหัวหน้าเผ่าเยว่หูออกคำสั่ง พวกเขาก็ยอมแยกย้ายกันไปแบบว่าง่าย

“พวกเจ้าโยนศพเข้าไปในป่า” หูหลินสั่งลูกน้องของตัวเอง

ภูตที่รับผิดชอบงานพยักหน้าและก้าวไปข้างหน้าเพื่อนำร่างของหยินเสวี่ยกับคู่อีก 2 คนออกไป

“ช้าก่อน! ศพพวกนี้ควรจะถูกเผาทิ้งดีกว่า” จู่ ๆ หูเจียวเจียวก็ตะโกนห้ามคนพวกนั้น

“หากมีแมลงพิษอยู่ในศพ การเอาศพพวกนี้ไปโยนในป่าจะทำให้เกิดการแพร่กระจาย มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย”

พ่อจิ้งจอกวัยกลางคนนิ่งคิดไปชั่วขณะแล้วคิดว่าคำแนะนำของลูกสาวฟังดูสมเหตุสมผล

ไม่นานหัวหน้าเผ่าเยว่หูก็สั่งให้คนไปเอาฟืนและไฟมาเผาร่างหยินเสวี่ยกับสามีทั้ง 2 ของนางตรงจุดนั้น

ในเวลาเดียวกัน พวกเด็ก ๆ ช่วยโยนไม้เข้าไปในกองไฟอย่างมีความสุข

ทว่าหูหลินกลัวว่าหลานตัวน้อยจะถูกไฟคลอก ดังนั้นเขาจึงเข้าไปบอกให้พวกเขาออกไปไกล ๆ

“หยินชาง ข้าขอโทษ นอกจากข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว นางยัง…” หลงหลิงเอ๋อขยับไปยืนพูดอยู่ด้านหลังคนตัวสูงกว่าด้วยความรู้สึกผิด

“หลิงเอ๋อ มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า ถ้าข้าไม่ทิ้งพวกนางไป บางทีพวกนางอาจจะไม่ตาย มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่โทษเจ้า” เด็กหนุ่มส่ายหัวขณะที่แววตาของเขาไม่ได้มีร่องรอยของการตำหนิอีกฝ่ายเลย

แต่ไม่ว่าเขาจะพูดปลอบโยนคนตัวเล็กเช่นไร เด็กหญิงก็ยังทำหน้าเศร้าหมองและรู้สึกกระสับกระส่ายดังเดิม

ทั้งที่โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ แต่พวกนางกลับคว้ามันมาไว้ไม่ได้

ทางด้านหูเจียวเจียว ขณะที่เธอมองไปยังเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“หลงโม่ ถ้า... ศพของเด็กพวกนั้นมีแผลแบบนี้เหมือนกัน เราจะยังตรวจสอบพวกเขาได้หรือไม่?”

“ไม่ได้” มังกรหนุ่มตอบเสียงหนักแน่น

เนื่องจากร่างของเด็กถูกเผาไปจนไม่เหลืออะไรแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตรวจพบบาดแผลเล็ก ๆ เหมือนทั้ง 3 คนนี้

นั่นทำให้จิ้งจอกสาวรู้สึกเสียใจ

หญิงสาวได้แต่ปลอบตัวเองว่าเธอคงคิดมากไปเอง

เวลานี้ดวงอาทิตย์สีแดงกลมโตบนท้องฟ้ากำลังค่อย ๆ คล้อยต่ำลงบนยอดเขา พร้อมกับแสงแดดแดงระเรื่อที่ทอดผ่านยอดเขาซึ่งอยู่ไม่ไกล

“หวังว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่สดใสอีกวัน” หูเจียวเจียวพึมพำกับตัวเอง

ช่วงฤดูร้อนฝนไม่ตกมาหลายเดือนแล้ว เธอไม่รู้ว่าวันเวลาที่แห้งแล้งเช่นนี้จะจบลงเมื่อไหร่

ปัจจุบันเผ่าเฟิงโชวกักตุนอาหารสำรองเอาไว้เพียงพอที่จะให้คนในเผ่ากินไปได้อีก 2-3 เดือน และที่นั่นไม่รับคนแปลกหน้าเข้าร่วมเผ่า นอกจากพวกเขาจะต้องใช้น้ำแบบประหยัดแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก ซึ่งเผ่านั้นนับว่าดีกว่าเผ่าเยว่หูในทุกด้าน

หญิงสาวไม่ต้องมานั่งกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเผ่าตัวเองเลยแม้แต่น้อย

หลังจากเผาศพทั้ง 3 แล้ว หูหลินก็เรียกหลงโม่ไปเพื่อหารือเกี่ยวกับการตามหา ‘คนร้าย’

แม้ว่าจะรู้ว่าหยินเสวี่ยถูกฆ่าโดยแมลง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นฝีมือของภูตหรือแมลงมีพิษธรรมดา

ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไร แต่พวกเขาก็ต้องรีบจัดการกับต้นตอของปัญหาให้เรียบร้อย

พวกเขาไม่สามารถให้ปล่อยสิ่งที่คุกคามความปลอดภัยหลงเหลืออยู่ในเผ่าได้

เนื่องจากหูเจียวเจียวหา ‘คนร้าย’ ไม่เก่งเท่าหลงโม่ ดังนั้นเธอจึงรออยู่กับลูก ๆ

“แย่แล้ว ท่านหัวหน้า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!”

ทันใดนั้นภูตคนหนึ่งก็วิ่งโซเซมาจากทางประตูของเผ่า พร้อมกับตะโกนโวยวายเสียงดัง

ทางด้านหูหลินที่กำลังคิดวางแผนอยู่ในหัว พอถูกขัดจังหวะเขาก็ขมวดคิ้วแน่น

“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรให้ตกใจหนักหนา?”

ภูตชายชี้ไปทางประตูเผ่า ในขณะที่ริมฝีปากสีขาวซีดสั่นเทา

เขาใช้เวลาสักครู่กว่าจะพูดออกมาได้ชัดเจน

“นอกเผ่า กลุ่มภูตที่อยู่ข้างนอก… พวกมันกำลังคลั่ง และตอนนี้พวกมันกำลังพุ่งเข้าใส่เผ่าไม่หยุดเลย พวกเราจะต้านเอาไว้ไม่ไหวแล้ว...”

ตามปกติหากไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นจริง ๆ พวกเขาก็ไม่กล้ามารบกวนผู้เป็นหัวหน้าเผ่า

“ว่าไงนะ ข้าส่งคนไปขวางกั้นคนพวกนั้นเอาไว้ที่ประตูแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมพวกเขาถึงต้านไม่ไหว?”

จิ้งจอกวัยกลางคนขมวดคิ้วแน่นขึ้นในขณะที่เขาถามออกไป

ปัจจุบันเผ่าเยว่หูจำกัดคนที่จะเข้ามาในเผ่า สำหรับคนที่ถูกกันเอาไว้ข้างนอกส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่มีปัญหา ถ้าหากคนทั้งหมดบุกเข้ามาในเผ่า หลังจากนี้เขาจะจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้ยากขึ้น และในเผ่าก็จะยิ่งยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม

ในเวลาเดียวกัน หูเจียวเจียวกับหลงโม่ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็หันไปมองคนที่มารายงาน

ชายคนนั้นรีบอธิบายว่า “พวกมันเห็นไฟไหม้ในเผ่า เราไม่รู้ว่าใครไปแพร่ข่าวว่าในเผ่ามีโรคระบาด โดยที่ในข่าวบอกว่าไฟนั้นเอาไว้ใช้เผาคนที่เป็นโรคพร้อมกับอาหาร ไม่นานคนพวกนั้นก็บ้าคลั่งแล้วพยายามเบียดเสียดแย่งกันเข้ามาข้างใน...”

ภูตคนที่มาแจ้งข่าวเหงื่อไหลไคลย้อยลงมาตามหน้าผากไม่หยุด

พอหูหลินได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น

พวกมันแย่งกันเข้ามาเพื่อจะเอาอาหารนี่เอง!

“แล้วสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง?” คนเป็นหัวหน้าเผ่าถาม

“ภูตของเราจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับพวกมัน คนพวกนี้หิวโหยจนเป็นบ้าไปแล้ว พวกมันพยายามวิ่งเข้ามาในเผ่าแบบไม่กลัวตาย และจำนวนของพวกมันมีมากจนพวกเราต้านเอาไว้ไม่ได้ ข้าก็เลยรีบมาแจ้งท่าน” คนแจ้งข่าวตอบตามความจริงพลางเกาหัวอย่างกระวนกระวาย

กลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกไม่ใช่คนที่อพยพหนีภัยแล้งมาเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเผ่าเนื่องจากเหตุผลต่าง ๆ อย่างเช่น คนที่พยายามมาสร้างปัญหาให้กับเผ่า และอื่น ๆ อีกหลายฝ่าย

คนกลุ่มนั้นล้วนเป็นคนที่กำลังกลัวตาย หากเห็นว่าตนไม่สามารถบุกเข้าไปในเผ่าได้สำเร็จ ทุกคนก็จะไม่กล้าสร้างปัญหาขึ้นมาอีก แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าจากไปไหนเพราะว่านี่อาจจะเป็นเผ่าที่อยู่ใกล้ที่สุดที่พวกเขาหาได้แล้ว ดังนั้นเหล่าภูตจึงรั้งอยู่รอบ ๆ เพื่อรอคอยโอกาสที่จะได้เข้าไปข้างใน

ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเพราะพวกเขาเข้าร่วมเผ่าไม่ได้ ทุกคนจึงทำได้แค่รักษาตัวเองให้ปลอดภัย

แต่วันนี้กลุ่มคนที่รออยู่ด้านนอกคงจะมองเห็นช่องทางบางอย่างที่เป็นโอกาสทอง ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมมือกันก่อเรื่องขึ้นมาโดยหวังว่าจะอาศัยจังหวะที่เหมาะสมบุกเข้าไปในเผ่า

พอได้ยินคำป่าวประกาศของคนข้างใน เหล่าภูตที่สิ้นหวังและรู้สึกคับข้องใจอยู่แล้วก็ยิ่งโกรธมากขึ้น

ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็จะอดตายกันอยู่แล้ว กับอีแค่โรคภัยไข้เจ็บมันก็ไม่นับว่าเป็นอะไรหรอก!

พวกเขาสู้จนตัวตายก็ยังดีกว่าจะต้องหิวตายทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย

หลังจากหูหลินได้ยินคำพูดของคนที่มาแจ้งข่าว คิ้วของเขาก็แทบจะขมวดเป็นปม

“ไอ้คนพวกนี้มันสันดานเสียจริง ๆ! ข้าปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ แต่พวกมันยังกล้ามาสร้างปัญหาที่หน้าประตูเผ่าอีก!”

ชายร่างใหญ่กำหมัดแน่น เขาโมโหมากจนเคราของเขาสั่นไปหมด

“เอาล่ะ พวกเจ้าไปเรียกทุกคนให้ตามข้าไปจัดการกับพวกมัน!”

“พวกมันกล้าที่จะโจมตีเผ่า งั้นข้าก็จะทำให้มันได้เห็นว่านรกบนดินเป็นยังไง!” หูหลินตะโกนเสียงหยาบกระด้าง

“รับทราบ!”

ต่อมา คนของหูหลินไปเรียกทุกคนมารวมพลทันที

ปัจจุบันภูตส่วนใหญ่ไม่ว่าง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเรียกกำลังคนมาได้มากนัก

เมื่อหลงโม่เห็นแบบนี้ เขาก็ลุกขึ้นมองไปที่หูเจียวเจียวด้วยสายตาอ่อนโยน

“เจียวเจียว เจ้ากับลูก ๆ กลับบ้านไปก่อน ข้าจะไปช่วยหัวหน้าหลินจัดการเรื่องนี้เอง”

ชายหนุ่มรู้ว่าภรรยาของเขาจะต้องไม่สบายใจหากพวกเขายังไม่สามารถจัดการกับคนที่อยู่ข้างนอกได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะไปแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง

ก็แค่ว่าคืนนี้เขาคงจะได้กลับบ้านช้าสักหน่อย

น้ำเสียงที่สงบและอ่อนโยนของหลงโม่ทำให้ภูตคนอื่นขนลุกเกรียว

อีกทั้งทุกคนต่างก็พากันสั่นสะท้านหลังจากได้ยินคำพูดของมังกรหนุ่ม

พวกเขาอดไม่ได้ที่จะไว้อาลัยให้แก่ภูตนอกเผ่าที่กำลังก่อปัญหา

ครั้งนี้อีกฝ่ายโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่มาก่อเรื่องในตอนที่มีภูตมังกรอยู่ในเผ่าเยว่หู

“อืม เจ้าก็ระวังตัวด้วย อย่าให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บล่ะ” หูเจียวเจียวพยักหน้า

“ไปกันเถอะ! ฆ่าไอ้พวกนั้นซะ!”

หูหลินตะโกนเสียงดังก้อง แล้วเป็นผู้นำทุกคนวิ่งไปทางประตูเผ่า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด