บทที่ 570: ฆ่าไอ้พวกคนนิสัยเสีย
หลังจากผู้คนได้รู้สาเหตุการตายของพวกหยินเสวี่ย ฝูงชนก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนกอีกครั้ง
ปัจจุบันการที่พวกเขาจะเอาชีวิตรอดไปได้ในแต่ละวันก็ยังเป็นเรื่องยากเลย มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนตึงเครียดมาก หากมีสิ่งใดมากระทบจิตใจเพียงเล็กน้อย มันก็อาจทำให้พวกเขาตกใจได้ง่ายขึ้น
“ท่านหัวหน้ารีบโยนศพออกไปจากเผ่าเร็วเข้า!”
“เผื่อยังมีแมลงอยู่ในศพของพวกมัน!”
“ข้าไม่อยากถูกแมลงกัดตาย...”
ด้วยความคิดไปเอง เหล่าภูตรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานอยู่บนตัว
ยิ่งมีหลายคนตะโกนโวยวายเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกมากขึ้นเท่านั้น
“เงียบ! ทุกคนเงียบ ข้าจะรีบจัดการศพให้เหมาะสมอย่างแน่นอน พวกเจ้ารีบกลับบ้านไปก่อน อย่ามาทำตัววุ่นวายกันอยู่ที่นี่”
หูหลินยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเอง
ปัจจุบันชาวเผ่าเรียนรู้วิธีป้องกันการแพร่กระจายของโรคระบาดจากหูเจียวเจียวได้ระดับหนึ่งแล้ว สิ่งแรกที่พวกเขาจะต้องทำก็คืออย่าอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่
พวกเขาคิดว่าปัญหาของแมลงมีพิษก็อาจจะต้องปฏิบัติไปในแนวทางเดียวกัน
มันถือว่าเป็นเรื่องโชคดีที่ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พอหัวหน้าเผ่าเยว่หูออกคำสั่ง พวกเขาก็ยอมแยกย้ายกันไปแบบว่าง่าย
“พวกเจ้าโยนศพเข้าไปในป่า” หูหลินสั่งลูกน้องของตัวเอง
ภูตที่รับผิดชอบงานพยักหน้าและก้าวไปข้างหน้าเพื่อนำร่างของหยินเสวี่ยกับคู่อีก 2 คนออกไป
“ช้าก่อน! ศพพวกนี้ควรจะถูกเผาทิ้งดีกว่า” จู่ ๆ หูเจียวเจียวก็ตะโกนห้ามคนพวกนั้น
“หากมีแมลงพิษอยู่ในศพ การเอาศพพวกนี้ไปโยนในป่าจะทำให้เกิดการแพร่กระจาย มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย”
พ่อจิ้งจอกวัยกลางคนนิ่งคิดไปชั่วขณะแล้วคิดว่าคำแนะนำของลูกสาวฟังดูสมเหตุสมผล
ไม่นานหัวหน้าเผ่าเยว่หูก็สั่งให้คนไปเอาฟืนและไฟมาเผาร่างหยินเสวี่ยกับสามีทั้ง 2 ของนางตรงจุดนั้น
ในเวลาเดียวกัน พวกเด็ก ๆ ช่วยโยนไม้เข้าไปในกองไฟอย่างมีความสุข
ทว่าหูหลินกลัวว่าหลานตัวน้อยจะถูกไฟคลอก ดังนั้นเขาจึงเข้าไปบอกให้พวกเขาออกไปไกล ๆ
“หยินชาง ข้าขอโทษ นอกจากข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว นางยัง…” หลงหลิงเอ๋อขยับไปยืนพูดอยู่ด้านหลังคนตัวสูงกว่าด้วยความรู้สึกผิด
“หลิงเอ๋อ มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า ถ้าข้าไม่ทิ้งพวกนางไป บางทีพวกนางอาจจะไม่ตาย มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่โทษเจ้า” เด็กหนุ่มส่ายหัวขณะที่แววตาของเขาไม่ได้มีร่องรอยของการตำหนิอีกฝ่ายเลย
แต่ไม่ว่าเขาจะพูดปลอบโยนคนตัวเล็กเช่นไร เด็กหญิงก็ยังทำหน้าเศร้าหมองและรู้สึกกระสับกระส่ายดังเดิม
ทั้งที่โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ แต่พวกนางกลับคว้ามันมาไว้ไม่ได้
ทางด้านหูเจียวเจียว ขณะที่เธอมองไปยังเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“หลงโม่ ถ้า... ศพของเด็กพวกนั้นมีแผลแบบนี้เหมือนกัน เราจะยังตรวจสอบพวกเขาได้หรือไม่?”
“ไม่ได้” มังกรหนุ่มตอบเสียงหนักแน่น
เนื่องจากร่างของเด็กถูกเผาไปจนไม่เหลืออะไรแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะตรวจพบบาดแผลเล็ก ๆ เหมือนทั้ง 3 คนนี้
นั่นทำให้จิ้งจอกสาวรู้สึกเสียใจ
หญิงสาวได้แต่ปลอบตัวเองว่าเธอคงคิดมากไปเอง
เวลานี้ดวงอาทิตย์สีแดงกลมโตบนท้องฟ้ากำลังค่อย ๆ คล้อยต่ำลงบนยอดเขา พร้อมกับแสงแดดแดงระเรื่อที่ทอดผ่านยอดเขาซึ่งอยู่ไม่ไกล
“หวังว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่สดใสอีกวัน” หูเจียวเจียวพึมพำกับตัวเอง
ช่วงฤดูร้อนฝนไม่ตกมาหลายเดือนแล้ว เธอไม่รู้ว่าวันเวลาที่แห้งแล้งเช่นนี้จะจบลงเมื่อไหร่
ปัจจุบันเผ่าเฟิงโชวกักตุนอาหารสำรองเอาไว้เพียงพอที่จะให้คนในเผ่ากินไปได้อีก 2-3 เดือน และที่นั่นไม่รับคนแปลกหน้าเข้าร่วมเผ่า นอกจากพวกเขาจะต้องใช้น้ำแบบประหยัดแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก ซึ่งเผ่านั้นนับว่าดีกว่าเผ่าเยว่หูในทุกด้าน
หญิงสาวไม่ต้องมานั่งกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของเผ่าตัวเองเลยแม้แต่น้อย
หลังจากเผาศพทั้ง 3 แล้ว หูหลินก็เรียกหลงโม่ไปเพื่อหารือเกี่ยวกับการตามหา ‘คนร้าย’
แม้ว่าจะรู้ว่าหยินเสวี่ยถูกฆ่าโดยแมลง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นฝีมือของภูตหรือแมลงมีพิษธรรมดา
ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไร แต่พวกเขาก็ต้องรีบจัดการกับต้นตอของปัญหาให้เรียบร้อย
พวกเขาไม่สามารถให้ปล่อยสิ่งที่คุกคามความปลอดภัยหลงเหลืออยู่ในเผ่าได้
เนื่องจากหูเจียวเจียวหา ‘คนร้าย’ ไม่เก่งเท่าหลงโม่ ดังนั้นเธอจึงรออยู่กับลูก ๆ
“แย่แล้ว ท่านหัวหน้า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!”
ทันใดนั้นภูตคนหนึ่งก็วิ่งโซเซมาจากทางประตูของเผ่า พร้อมกับตะโกนโวยวายเสียงดัง
ทางด้านหูหลินที่กำลังคิดวางแผนอยู่ในหัว พอถูกขัดจังหวะเขาก็ขมวดคิ้วแน่น
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรให้ตกใจหนักหนา?”
ภูตชายชี้ไปทางประตูเผ่า ในขณะที่ริมฝีปากสีขาวซีดสั่นเทา
เขาใช้เวลาสักครู่กว่าจะพูดออกมาได้ชัดเจน
“นอกเผ่า กลุ่มภูตที่อยู่ข้างนอก… พวกมันกำลังคลั่ง และตอนนี้พวกมันกำลังพุ่งเข้าใส่เผ่าไม่หยุดเลย พวกเราจะต้านเอาไว้ไม่ไหวแล้ว...”
ตามปกติหากไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นจริง ๆ พวกเขาก็ไม่กล้ามารบกวนผู้เป็นหัวหน้าเผ่า
“ว่าไงนะ ข้าส่งคนไปขวางกั้นคนพวกนั้นเอาไว้ที่ประตูแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมพวกเขาถึงต้านไม่ไหว?”
จิ้งจอกวัยกลางคนขมวดคิ้วแน่นขึ้นในขณะที่เขาถามออกไป
ปัจจุบันเผ่าเยว่หูจำกัดคนที่จะเข้ามาในเผ่า สำหรับคนที่ถูกกันเอาไว้ข้างนอกส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่มีปัญหา ถ้าหากคนทั้งหมดบุกเข้ามาในเผ่า หลังจากนี้เขาจะจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้ยากขึ้น และในเผ่าก็จะยิ่งยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม
ในเวลาเดียวกัน หูเจียวเจียวกับหลงโม่ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็หันไปมองคนที่มารายงาน
ชายคนนั้นรีบอธิบายว่า “พวกมันเห็นไฟไหม้ในเผ่า เราไม่รู้ว่าใครไปแพร่ข่าวว่าในเผ่ามีโรคระบาด โดยที่ในข่าวบอกว่าไฟนั้นเอาไว้ใช้เผาคนที่เป็นโรคพร้อมกับอาหาร ไม่นานคนพวกนั้นก็บ้าคลั่งแล้วพยายามเบียดเสียดแย่งกันเข้ามาข้างใน...”
ภูตคนที่มาแจ้งข่าวเหงื่อไหลไคลย้อยลงมาตามหน้าผากไม่หยุด
พอหูหลินได้ยินแบบนี้ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น
พวกมันแย่งกันเข้ามาเพื่อจะเอาอาหารนี่เอง!
“แล้วสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง?” คนเป็นหัวหน้าเผ่าถาม
“ภูตของเราจำนวนมากได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกับพวกมัน คนพวกนี้หิวโหยจนเป็นบ้าไปแล้ว พวกมันพยายามวิ่งเข้ามาในเผ่าแบบไม่กลัวตาย และจำนวนของพวกมันมีมากจนพวกเราต้านเอาไว้ไม่ได้ ข้าก็เลยรีบมาแจ้งท่าน” คนแจ้งข่าวตอบตามความจริงพลางเกาหัวอย่างกระวนกระวาย
กลุ่มคนที่อยู่ข้างนอกไม่ใช่คนที่อพยพหนีภัยแล้งมาเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีหลายคนที่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเผ่าเนื่องจากเหตุผลต่าง ๆ อย่างเช่น คนที่พยายามมาสร้างปัญหาให้กับเผ่า และอื่น ๆ อีกหลายฝ่าย
คนกลุ่มนั้นล้วนเป็นคนที่กำลังกลัวตาย หากเห็นว่าตนไม่สามารถบุกเข้าไปในเผ่าได้สำเร็จ ทุกคนก็จะไม่กล้าสร้างปัญหาขึ้นมาอีก แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าจากไปไหนเพราะว่านี่อาจจะเป็นเผ่าที่อยู่ใกล้ที่สุดที่พวกเขาหาได้แล้ว ดังนั้นเหล่าภูตจึงรั้งอยู่รอบ ๆ เพื่อรอคอยโอกาสที่จะได้เข้าไปข้างใน
ช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นเพราะพวกเขาเข้าร่วมเผ่าไม่ได้ ทุกคนจึงทำได้แค่รักษาตัวเองให้ปลอดภัย
แต่วันนี้กลุ่มคนที่รออยู่ด้านนอกคงจะมองเห็นช่องทางบางอย่างที่เป็นโอกาสทอง ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมมือกันก่อเรื่องขึ้นมาโดยหวังว่าจะอาศัยจังหวะที่เหมาะสมบุกเข้าไปในเผ่า
พอได้ยินคำป่าวประกาศของคนข้างใน เหล่าภูตที่สิ้นหวังและรู้สึกคับข้องใจอยู่แล้วก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขาก็จะอดตายกันอยู่แล้ว กับอีแค่โรคภัยไข้เจ็บมันก็ไม่นับว่าเป็นอะไรหรอก!
พวกเขาสู้จนตัวตายก็ยังดีกว่าจะต้องหิวตายทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
หลังจากหูหลินได้ยินคำพูดของคนที่มาแจ้งข่าว คิ้วของเขาก็แทบจะขมวดเป็นปม
“ไอ้คนพวกนี้มันสันดานเสียจริง ๆ! ข้าปล่อยให้พวกมันมีชีวิตอยู่ แต่พวกมันยังกล้ามาสร้างปัญหาที่หน้าประตูเผ่าอีก!”
ชายร่างใหญ่กำหมัดแน่น เขาโมโหมากจนเคราของเขาสั่นไปหมด
“เอาล่ะ พวกเจ้าไปเรียกทุกคนให้ตามข้าไปจัดการกับพวกมัน!”
“พวกมันกล้าที่จะโจมตีเผ่า งั้นข้าก็จะทำให้มันได้เห็นว่านรกบนดินเป็นยังไง!” หูหลินตะโกนเสียงหยาบกระด้าง
“รับทราบ!”
ต่อมา คนของหูหลินไปเรียกทุกคนมารวมพลทันที
ปัจจุบันภูตส่วนใหญ่ไม่ว่าง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเรียกกำลังคนมาได้มากนัก
เมื่อหลงโม่เห็นแบบนี้ เขาก็ลุกขึ้นมองไปที่หูเจียวเจียวด้วยสายตาอ่อนโยน
“เจียวเจียว เจ้ากับลูก ๆ กลับบ้านไปก่อน ข้าจะไปช่วยหัวหน้าหลินจัดการเรื่องนี้เอง”
ชายหนุ่มรู้ว่าภรรยาของเขาจะต้องไม่สบายใจหากพวกเขายังไม่สามารถจัดการกับคนที่อยู่ข้างนอกได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะไปแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
ก็แค่ว่าคืนนี้เขาคงจะได้กลับบ้านช้าสักหน่อย
น้ำเสียงที่สงบและอ่อนโยนของหลงโม่ทำให้ภูตคนอื่นขนลุกเกรียว
อีกทั้งทุกคนต่างก็พากันสั่นสะท้านหลังจากได้ยินคำพูดของมังกรหนุ่ม
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะไว้อาลัยให้แก่ภูตนอกเผ่าที่กำลังก่อปัญหา
ครั้งนี้อีกฝ่ายโชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่มาก่อเรื่องในตอนที่มีภูตมังกรอยู่ในเผ่าเยว่หู
“อืม เจ้าก็ระวังตัวด้วย อย่าให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บล่ะ” หูเจียวเจียวพยักหน้า
“ไปกันเถอะ! ฆ่าไอ้พวกนั้นซะ!”
หูหลินตะโกนเสียงดังก้อง แล้วเป็นผู้นำทุกคนวิ่งไปทางประตูเผ่า