บทที่ 569: คนร้ายคือแมลง
“ตายแล้ว?! มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่?” หูเจียวเจียวตกใจ หยินเสวี่ยคืออาของหยินชางไม่ใช่หรือ?
แล้วจู่ ๆ นางจะตายไปได้อย่างไร มันกะทันหันเกินไปหรือเปล่า?
หยินชางกับหลงหลิงเอ๋อหน้าถอดสีทันที เด็กทั้ง 2 มองหูหลินเพื่อรอคอยคำพูดต่อไปของเขา
“ท่านตาหลิน ท่านดูผิดไปหรือเปล่า พวกเราเพิ่งได้เจอพวกนางเมื่อกี้นี้เอง” เด็กหนุ่มถามเสียงประหม่า
“ไม่ผิดแน่ พวกเขา 3 คนตายไปแล้ว ร่างกายยังคงอุ่นอยู่เลย!” ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าเยว่หูคัดค้านการคาดเดานั้น
ระหว่างทางมาที่นี่ เขาพบร่างของหยินเสวี่ยและคู่อีก 2 คนของนาง ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งมาบอกทุกคน
“เป็นไปไม่ได้… ดอกหมีฮ่วนไม่มีพิษ มันอาจจะทำให้คนพวกนั้นเสียสติไปบ้าง แต่มันไม่มีทางทำให้พวกเขาตายแน่นอน...” หลงหลิงเอ๋อก้มหน้าพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
มันเป็นไปไม่ได้ที่นางจะจำสรรพคุณของดอกไม้ชนิดนี้ผิด
“แล้วสาเหตุการตายล่ะ พวกเขาตายได้ยังไง?” หูเจียวเจียวถามพ่อรอง
หรือว่าคนในเผ่าไป๋ผีมีศัตรูคนอื่นอีก?
เนื่องจากการตายของพวกหยินเสวี่ยเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด นั่นทำให้หูหลินรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก
“พ่อไม่รู้ พ่อบอกไม่ได้ว่าพวกเขาตายด้วยสาเหตุอะไรและพ่อก็หาบาดแผลไม่เจอด้วย”
ถ้าสาเหตุการตายมันเป็นไปตามธรรมชาติ เขาคงไม่วิตกกังวลขนาดนี้
ปัจจุบันมีคนเสียชีวิตอย่างลึกลับถึง 3 คน แม้ว่าคนพวกนั้นจะสมควรตาย แต่การมีคนตายติดต่อกันจำนวนมากมันจะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนในเผ่า
พวกเขาไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นรายต่อไป
หลังจากหลงหลิงเอ๋อได้ยินคำพูดของท่านตา นางก็รู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น
ไม่มีบาดแผล? นั่นหมายความว่าพวกหยินเสวี่ยรู้สึกหวาดกลัวจนหัวใจวายตายไปไม่ใช่หรือ?
“พ่อรอง ให้เราไปดูศพพวกนางหน่อยได้ไหม?” หูเจียวเจียวคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีบาดแผล
นอกจากนี้ เนื่องจากหยินเสวี่ยผู้เป็นอาเสียชีวิต หยินชางก็ควรได้รับคำอธิบายเช่นกัน
ปัจจุบันปัญหาที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ดังนั้นหูหลินจึงพาพวกหูเจียวเจียวและหลงโม่ไปที่นั่น
ส่วนหลงหลิงเอ๋อกับหยินชางมองหน้ากันแล้วรีบตามไปทันที
สำหรับเด็กตระกูลหลงอีก 4 คน พวกเขาหวังให้ศัตรูของแม่จิ้งจอกตายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ดังนั้นพวกเขาจึงตามไปดูเรื่องสนุก ๆ เท่านั้น และไม่เคยมีคำว่ากลัวอยู่ในพจนานุกรมของพวกเขาเลยสักนิด
ในไม่ช้าหลายคนก็มาถึงบริเวณที่พวกหยินเสวี่ยเสียชีวิต โดยที่ร่างของนางและคู่ครองทั้ง 2 นอนอยู่บนหญ้า ซึ่งไม่มีร่องรอยของเลือดบนพื้น แต่มีของเหลวสีเหลืองอยู่ ประกอบกับมีกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยมาจาง ๆ
บนผิวหนังของทั้ง 3 คนไม่มีรอยแผลอะไรที่สาหัสพอจะทำให้พวกเขาเสียชีวิต
“พ่อรอง มีคนมาตรวจสอบพวกเขาหรือยัง?” หูเจียวเจียวหันไปถามหูหลินอย่างใจเย็น
“พ่อตรวจสอบแล้ว แต่ไม่พบบาดแผลตามตัวพวกเขาเลย” ชายร่างใหญ่พยักหน้ายืนยัน
“นี่เป็นไปไม่ได้ พวกเขาจะตายโดยไม่มีบาดแผลได้ยังไง...” หลงหลิงเอ๋อพึมพำเบา ๆ
ขณะนั้นแม่จิ้งจอกสัมผัสถึงความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว เธอหันไปมองลูกสาวที่กำลังหลบสายตา แล้วเธอก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
ครู่ถัดมา จิ้งจอกสาวถามอีกครั้งว่า “ท่านแน่ใจหรือว่าท่านได้ตรวจสอบศพอย่างละเอียดแล้ว?”
ขณะที่คนเป็นหัวหน้าเผ่ากำลังจะตอบ ภูตคนหนึ่งก็ยืนตัวสั่นเทา ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นพูดด้วยเสียงเบาเหมือนยุงบิน
“ท่านหัวหน้า… เอ่อ… ข้าขอโทษ ข้ากลัวว่านางจะเสียชีวิตเพราะโรคภัยไข้เจ็บ ข้าก็เลยทำเพียงแค่ดูห่าง ๆ ไม่กล้าเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด...”
“นี่เจ้า!!” หูหลินโกรธมากจนควันออกหูขณะจ้องคนพูดด้วยสายตาไม่พอใจ
“เจ้าทำแบบนี้มันไม่ถูก เจ้าจะกลัวอะไรนักหนา ตอนนี้เรามีหมอผีอยู่ในเผ่าแล้ว! หากไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน แบบนี้ถ้าเกิดเรื่องใหญ่มันจะเกี่ยวพันถึงคนทั้งหมดในเผ่า”
ภูตคนที่พบศพเป็นคนแรกหดคอหลังจากถูกหัวหน้าด่า เขาไม่กล้าเอาเรื่องใหญ่ขนาดนี้มาล้อเล่นอีกแล้ว
“ช่างเถอะ ๆ พ่อรอง งั้นข้าขอตรวจสอบดูสักหน่อย” หูเจียวเจียวห้ามพ่อของตนพลางขยิบตาให้ภูตคนนั้น
ทางด้านภูตชายเข้าใจทันทีและถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง เจ้าเป็นผู้หญิงนะ พ่อปล่อยให้เจ้าแตะต้องของโสโครกไม่ได้หรอก” หูหลินปฏิเสธเสียงแข็ง
“ข้าจะลองดู”
จิ้งจอกสาวไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรดี จากภายนอกเธอสังเกตเห็นเหมือนกันว่าหยินเสวี่ยไม่มีบาดแผลอะไรบนร่างกาย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนจะคิดว่านางและคู่อีก 2 คนเสียชีวิตด้วยโรคร้าย
“พ่อรอง ไม่ต้องห่วง พวกเขาไม่ได้ป่วยตาย ถ้าพวกเขาเสียชีวิตเพราะโรคภัยไข้เจ็บจริง ๆ ก่อนออกมาจากกระท่อม พวกเขาจะต้องมีอาการป่วยอยู่ก่อนแล้ว” หญิงสาวอธิบาย
แม้ว่าโรคบางชนิดจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนป่วยจะเสียชีวิตทันทีในเวลาอันสั้น
หูเจียวเจียวมั่นใจว่าหยินเสวี่ยไม่ได้เป็นอะไรก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกมา เพราะหลงหลิงเอ๋อได้ให้คำตอบนี้กับเธอแล้ว
“จริงหรือ?” หูหลินมองลูกสาวอย่างสงสัย แต่เขาก็คิดเพียงว่านางคงกำลังพยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้เขาตีตนไปก่อนไข้
เนื่องจากน้ำเสียงที่หญิงสาวใช้นั้นมันเหมือนกับว่านางกำลังเกลี้ยกล่อมเด็ก
“ใช่ พวกเขาไม่ได้ตายจากโรคระบาด” หูเจียวเจียวพยักหน้ายืนยัน
ทว่าผู้เป็นหัวหน้าเผ่าเยว่หูยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัวคัดค้าน “ไม่ ๆ ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะไม่ได้ป่วยตายก็เถอะ แต่เจ้าจะสัมผัสศพโดยตรงไม่ได้”
บริเวณนี้มีผู้ชายอยู่ตั้งมากมาย พวกเขาจะมีหน้าปล่อยให้ผู้หญิงเป็นคนตรวจสอบศพเองได้อย่างไร
“ข้าจะจัดการเอง” หลงโม่อาสาพร้อมกับเดินไปคั่นกลางระหว่างทั้ง 2
ถ้าพวกเขายังไม่หยุดทะเลาะกัน วันนี้คงไม่ต้องกลับบ้านไปนอนกันแล้ว
“ตกลง” คราวนี้หูหลินยิ้มกว้างออกมาทันที
ส่วนหูเจียวเจียวก็ต้องมุมปากกระตุก เธอรู้สึกว่าพ่อรองจงใจพูดเพื่อให้สามีของเธอเอ่ยปากจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง
เดิมทีมังกรหนุ่มก็ไม่ได้อยากปล่อยให้ภรรยาสาวแตะต้องคนตาย ดังนั้นเขาจึงเดินผ่านนางไปตรวจสอบศพที่อยู่ตรงหน้า
ทางด้านหูหลินและคนอื่น ๆ ก็ได้แต่ยืนมองชายหนุ่มแบบใจจดใจจ่อ
ก่อนหน้านี้บริเวณโดยรอบไม่ได้มีคนเดินผ่านไปผ่านมามากนัก แต่หูเจียวเจียวและครอบครัวที่กำลังมุงดูบางอย่างได้ไปสะดุดตาหลายคนเข้า ดังนั้นจึงมีภูตมารวมตัวกันอยู่ที่นี่มากมาย
เมื่อทุกคนได้รู้ว่ามีคนเสียชีวิตแบบลึกลับภายในเผ่า ชาวเผ่าเลยมารอฟังข่าวอยู่ตรงที่เกิดเหตุมากขึ้นกว่าเดิม แล้วในไม่ช้าฝูงชนกลุ่มใหญ่ก็ยืนล้อมบริเวณดังกล่าวมากกว่า 3 ชั้น
แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้สถานที่นั้น
นั่นเป็นเพราะตอนที่ภูตกลุ่มแรกเดินเข้ามาใกล้ พวกเขาก็ได้ยินบางคนพูดคำว่า ‘โรคระบาด’ และ ‘การติดเชื้อ’
จิตใต้สำนึกของทุกคนจึงคิดไปแล้วว่าคนพวกนี้ตายเพราะโรคร้ายแรง
ด้วยความขี้ขลาดพวกเขาจึงไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้ แต่ความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะทุกสิ่ง เหล่าภูตจึงได้แต่ยืนอยู่ห่าง ๆ เพื่อคอยสังเกตสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“ภูตพวกนี้ตายเพราะเป็นโรคร้ายหรือเปล่า?”
“ข้าเคยเห็นนาง! ข้าเคยเดินผ่านบ้านที่นางอาศัยอยู่ ตอนนั้นคนเฝ้าประตูบอกว่านางถูกขังเอาไว้ก็เพื่อความปลอดภัยของเผ่า นางจะต้องตายเพราะว่าเป็นโรคแน่ ๆ!”
“ทำไมพวกเขาถึงยังเก็บศพไว้แบบนั้นล่ะ ทั้งที่นางป่วยตายแท้ ๆ รีบเอาศพไปเผาเร็วเข้าเถอะ...”
ในระหว่างที่หลงโม่พลิกศพคู่ของหยินเสวี่ย เขาสัมผัสผิวหนังของพวกเขาโดยตรง ซึ่งการกระทำของเขามันทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในฝูงชน
พวกเขาเห็นเพียงว่ามือของมังกรหนุ่มวางอยู่บนหัวของทั้ง 3 คนเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินมาทางกลุ่มคนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์
พวกภูตรีบพากันถอยห่างออกไปจากชายร่างสูงทันทีเพราะกลัวว่าหากเข้าใกล้อีกฝ่ายมากจนเกินไป พวกตนจะติดโรค
“หลงโม่ เป็นยังไงบ้าง?” หูเจียวเจียวถามผู้เป็นสามี
มังกรหนุ่มเป็นคนที่ทำงานได้รอบคอบมากที่สุด เขาจะไม่มีทางมองผิดไปแน่
หลงโม่ส่ายหัวตอบทันทีที่ได้ยินคำถาม
“ไม่มีบาดแผลหรือ...” หูหลินถามอย่างประหม่า
“หัวของพวกเขาผิดปกติ มันเหมือนกับว่ามีแมลงเจาะเข้าไปในหัวของพวกเขา” ชายหนุ่มพูดเสียงทุ้มต่ำ
แม้ว่าภูตคนอื่นจะตรวจเจอจุดสีดำบนหนังศีรษะของศพ แต่พวกเขาก็อาจไม่รู้เบาะแสการตาย
ในเวลาเดียวกันนั้น หูของหลงหลิงเอ๋อกระดิกเบา ๆ ทั้งที่นางยังคงก้มหน้าอยู่
“นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาตายหรือ? ถูกแมลงฆ่าเนี่ยนะ” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของนางส่องประกายดั่งมีดวงดาราอยู่ภายใน
พ่อมังกรพยักหน้าตอบลูกสาว อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มีความเป็นไปได้อื่น
เมื่อชาวเผ่าได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพราะโรคระบาด!”
“ว่าแต่มันเป็นแมลงชนิดไหนทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ พวกมันเป็นแมลงมีพิษหรือ?”
“แมลงตัวนั้นมีหน้าตาเป็นยังไง ไม่ใช่ว่ามันมากัดข้าไปแล้วนะ...”