บทที่ 568: หยินเสวี่ยจากไปแล้ว
“เดี๋ยวสิ!!” ก่อนที่หลงจงจะทันได้พูดอะไรต่อ เตี๋ยฉ่ายก็วิ่งหนีไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน เงาดำที่อยู่เหนือศีรษะของพวกเด็ก ๆ ก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
“ท่านพ่อ ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่?” หลงเหยาถามพ่อมังกรอย่างตื่นเต้น
เดิมทีเจ้าตัวเล็กเป็นคนที่ลืมเร็วมาก ตอนนี้เขาลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไปหมดแล้ว
“แม่ของพวกเจ้าเป็นห่วง เลยให้พ่อมาตามหา” หลงโม่ลงมาในร่างสัตว์แทนที่จะเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์
หลงเหยาและพี่ชายทั้ง 3 เลยจำต้องเงยหน้าขึ้นพูดกับคนเป็นพ่อ
ขณะเดียวกัน ดวงตาสีทองขนาดใหญ่กำลังจับจ้องไปที่แอ่งน้ำบนพื้น
“เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”
ก่อนหน้านี้เหมือนเขาจะเห็นว่าพวกเด็ก ๆ กำลังคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง
หลงเหยาที่กำลังจะฟ้องท่านพ่อก็ถูกหลงเซียวพูดขัดจังหวะขึ้นมา
“ไม่มีอะไร แค่ภูตมาขอยืมถังเราไปตักน้ำ”
หลงจงพยักหน้าสำทับ “ใช่ เรากำลังจะไปช่วยทุกคนดับไฟ”
“เสี่ยวเหยาวิ่งชนกับภูตที่เดินผ่านมาจนล้ม” หลงอวี้พูดด้วยท่าทางสงบนิ่ง
พวกเด็ก ๆ ไม่ได้บอกพ่อมังกรว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นตรง ๆ แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้โกหกเช่นกัน
โดยปกติแล้วพวกผู้ชายมักจะรักษาหน้าตาของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ยอมบอกปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ให้คนอื่นรู้
นิสัยนี้จะเริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเหล่าเด็กน้อยโตขึ้น
ไม่ว่าพวกหลงอวี้จะพบเจออะไรพวกเขาก็จะไม่แสดงออกมา เด็กชายทั้ง 3 คิดว่าตนจะต้องแก้ไขมันด้วยตัวเองก่อน ไม่ใช่เอาแต่ฟ้องให้พ่อแม่มาคอยช่วยเหลือ
หลงโม่เองก็เข้าใจในเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถามเซ้าซี้ต่อ
ภูตชายไม่ได้เลี้ยงลูกทะนุถนอมเหมือนไข่ในหิน แต่พวกเขาจะเลี้ยงลูกโดยการให้ลูกพึ่งพาตัวเองได้ให้เร็วที่สุด เพราะในโลกนี้มันช่างโหดร้ายนัก
คนที่จะสามารถอยู่รอดต่อไปได้ก็คือคนที่ทรงพลังและมีประโยชน์เท่านั้น
หลงเหยาที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหันไปมองหน้าพวกพี่ ๆ ด้วยสายตางุนงง แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจ แล้วสลัดความคิดทั้งหมดทิ้งไป
“ท่านพ่อ เราไปหาท่านแม่กันเถอะ!”
เป็นธรรมชาติที่เวลาเด็กน้อยบาดเจ็บ เขาจะอยากตามหาแม่ตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายปลอบโยน
...
“เอาล่ะ พวกท่านกลับไปแล้วก็รีบพักผ่อนให้เร็วหน่อย แล้วหลังจากนี้ก็อย่ารีบร้อนพุ่งเข้าใส่กองไฟอีกล่ะ”
หลงหลิงเอ๋อเตือนด้วยน้ำเสียงไพเราะหลังจากรักษาภูตที่ถูกไฟคลอกคนสุดท้าย
โชคดีที่ตอนนี้นางอาศัยอยู่ในเผ่าเยว่หู เพราะหากเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นตอนที่นางอยู่ในเผ่าเฟิงโชว คนที่ถูกไฟคลอกคงจะเสียชีวิตก่อนที่จะถูกส่งมาถึงมือนาง
ยามนี้ภูตหลายคนที่ได้รับการช่วยเหลือยืนเรียงกันเป็นแถวพลางพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
“แม่หมอ ไม่ต้องกังวล ตั้งแต่นี้ไปเราจะไม่ประมาทอีก”
“ใช่ ครั้งนี้เป็นเพราะว่าเราได้ยินว่ามีเด็กติดอยู่ข้างใน พวกเราเลยรีบเข้าไปช่วย แต่ใครจะรู้ว่า...”
นอกจากเราจะไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กเอาไว้ได้แล้ว พวกเรายังเกือบเอาชีวิตไม่รอดด้วย
ในขณะที่ภูตชายคนหนึ่งพูด จากหน้าตาที่เคยสดใสเมื่อครู่ก็เศร้าหมองลง
ทั้งที่พวกเขากำลังจะไปช่วยเด็กพวกนั้นแท้ ๆ...
แล้วบรรยากาศโดยรอบก็หนักอึ้งขึ้น
ส่วนหลงหลิงเอ๋อเองก็ไม่รู้ว่าจะปลอบพวกเขาอย่างไรดี
ท่านอาจารย์สอนนางแค่วิธีการช่วยชีวิตคนอื่น แต่พวกเขาไม่เคยสอนวิธีการปลอบโยนผู้ป่วยเลยสักครั้ง!
พอเห็นว่าหลงหลิงเอ๋อมีปัญหา หูเจียวเจียวก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ในอนาคตถ้าพวกเจ้าเจอไฟไหม้แล้วอยากเข้าไปช่วยคน พวกเจ้าจะต้องเอาหนังสัตว์ไปชุบน้ำแล้วเอามาคลุมตัวเองไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย”
ทันทีที่จิ้งจอกสาวพูดจบ กลุ่มคนที่ได้ฟังก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
พอทุกคนลองคิดดูให้ดี ๆ แล้ว หากร่างกายของพวกเขาปกคลุมไปด้วยน้ำ ดูเหมือนว่าการที่พวกเขาจะถูกไฟคลอกนั้นมีโอกาสน้อยมาก
“แม่นาง ขอบคุณท่านมาก พวกเราจะจดจำมันเอาไว้” ภูตหลายคนรีบพูดขอบคุณหูเจียวเจียว
เมื่อเหล่าคนที่ได้รับการรักษาเห็นความเหน็ดเหนื่อยบนใบหน้าของหมอผีตัวน้อย พวกเขาก็ไม่รบกวนนางอีก หลังจากกล่าวขอบคุณกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็พากันกลับบ้านไปพักผ่อนตามคำแนะนำของเด็กหญิง
พอหลงหลิงเอ๋อรักษาภูตหลายคนติดต่อกันซึ่งทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส นางก็รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
“หลิงเอ๋อ เจ้าดื่มน้ำแล้วนั่งพักสักครู่เถอะ” เนื่องจากที่นี่ไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไร ดังนั้นแม่จิ้งจอกเลยใส่ใบไม้ที่พับเป็นกรวยลงในถังเพื่อเป็นที่กำบัง ก่อนจะหยิบน้ำออกมาจากในมิติแล้วเทใส่กรวยใบไม้จนเต็ม
คนตัวเล็กที่เหงื่อออกท่วมตัวก็รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาทันที นางจึงรับใบไม้ที่ถูกใช้เป็นที่รองน้ำมาดื่มอึกใหญ่ โดยที่นางดื่มมันหมดภายใน 2-3 อึก
“ท่านแม่ น้ำนี่หวานมาก!” หลงหลิงเอ๋อเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจหลังจากได้ดื่มน้ำ
“มันหวานหรือ น่าจะเป็นเพราะหลิงเอ๋อหิวน้ำมากเกินไป หลิงเอ๋อเลยคิดว่ามันหวาน” หูเจียวเจียวยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางพูดเรื่องไร้สาระโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ในความเป็นจริง เธอกังวลว่าลูกสาวตัวน้อยจะหมดแรงจนเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน เธอจึงเติมน้ำตาลกลูโคสลงไปเล็กน้อย
“จริงหรือ?” หลงหลิงเอ๋อเอียงศีรษะถามแบบไม่คิดอะไรมาก
“เจ้านั่งพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะไปเอาน้ำมาให้อีก” ผู้เป็นแม่มองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของเด็กน้อยแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด
จากนั้นหลงหลิงเอ๋อก็พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
ปัจจุบันพ่อแม่ของเด็กที่ถูกไฟคลอกได้นำศพลูกของตนไปทิ้งไว้ในป่านอกเผ่าแล้ว
ในตอนแรกหูเจียวเจียวแนะนำว่าควรเผาศพพวกเขา
แต่พวกพ่อแม่เห็นว่าเด็กถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียมไปแล้ว พวกเขาจึงรู้สึกทนไม่ได้ที่จะต้องเผาร่างลูกของตนเองอีก
ด้วยเหตุนี้จึงเปลี่ยนเป็นโยนศพเข้าป่าไปเหมือนเดิม
โชคดีที่ผิวหนังของพวกเด็ก ๆ ถูกเผาจนเนื้อแห้งติดกระดูกไปหมดแล้ว พวกเขาจึงไม่กลายเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดโรคระบาดอีก
ในเวลาเดียวกัน ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ช่วยทำความสะอาดบริเวณโดยรอบพร้อมกับคนอื่น ๆ จนเสร็จ ในไม่ช้าภูตที่อยู่ใกล้เคียงก็แยกย้ายกันไป
ขณะนี้หลงหลิงเอ๋อนั่งอยู่ใต้ร่มไม้พลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย แต่พอเห็นหยินชางที่ซ่อนตัวอยู่หลังฝูงชน นางก็รีบโบกมือให้เขาอย่างมีความสุข
“หยินชาง! ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ เจ้า...ได้คำตอบที่อยากรู้แล้วหรือยัง?”
“พวกเขาไม่พูด พวกเขากลัวจนเป็นบ้าไปแล้ว” เด็กหนุ่มส่ายหัวตอบ
“...” เด็กหญิงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ นี่เป็นสิ่งที่นางลืมคิดเอาไว้เสียสนิท
“ข้าขอโทษหยินชาง ถ้าข้าไม่ได้อยู่กับเจ้า เจ้าคงจะไม่ถูกขัดจังหวะ” หลงหลิงเอ๋อกล่าวด้วยสีหน้าที่ตำหนิตัวเอง
“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า” หยินชางมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขารีบพูดขัดจังหวะคนตัวเล็กเพื่อไม่ให้นางโทษตนเอง
“ไม่เป็นไร ในอนาคตเรายังมีโอกาสหาทางสอบถามความจริงจากปากของนางได้อีก ไม่ต้องรีบร้อน”
เดิมทีถ้าไม่ใช่เพราะหลงหลิงเอ๋อ เขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีวิธีแบบนี้อยู่บนโลกด้วย
นางพยายามหาทางช่วยเขาเต็มที่ แล้วเขายังจะมีหน้าไปตำหนินางอีกได้อย่างไร
“แต่ดอกหมีฮ่วนมีเพียงแค่ดอกเดียว...” หลงหลิงเอ๋อกล่าวพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
แถมระยะเวลาที่ดอกหมีฮ่วนเติบโตมันก็ไม่ได้สั้นเลย รวมถึงตอนนี้พวกนางไม่ได้อยู่ในเผ่าเฟิงโชว ดังนั้นพวกนางจึงไม่สามารถหาดอกหมีฮ่วนได้ภายในเวลาอันสั้น
มิหนำซ้ำ ถ้าพวกนางใช้ดอกหมีฮ่วนกับเป้าหมายมากเกินไป พวกเขาก็จะกลายเป็นคนเสียสติไปจริง ๆ
แล้วพวกคนไร้สติก็คงจะไม่รู้สึกหวาดกลัวอะไรอีก ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเขาอาจจะไม่ยอมเอ่ยปากพูดความจริงออกมา
ยามนี้หยินชางเห็นว่าหลงหลิงเอ๋อก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด เขาจึงเผลอตัวเอื้อมมือออกไปหมายจะสัมผัสผมของเด็กหญิง แต่เขาก็หดมือกลับมาทันที
จากนั้นเขาก็รีบพูดปลอบโยนอีกคนเสียงเบา
“ไม่เป็นไร ตราบใดที่นางยังอยู่ในเผ่าเยว่หู ข้ายังคงมีโอกาสตามหาความจริงเรื่องนี้ได้อยู่”
ตอนนี้ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว พวกเขาทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริง ๆ
ไม่นานหูเจียวเจียวก็ตักน้ำกลับมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่หลงโม่มาพร้อมเด็กชายทั้ง 4 เช่นกัน
ขณะนั้นเนื้อตัวของพวกหลงอวี้ที่พยายามไล่ตามพ่อมังกรเต็มแรงก็มีแต่เหงื่อ
โชคดีที่ก่อนหน้านี้แม่จิ้งจอกไปขอยืมถังมาใส่น้ำ และยังยืมชามเอาไว้ตักน้ำดื่มอีกหลายใบ พอมาถึงเธอก็จัดแจงตักน้ำให้ลูก ๆ ดื่ม ก่อนที่ทั้งครอบครัวจะกลับบ้านพร้อมกัน
จังหวะนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีภูตหลายคนวิ่งเข้ามาหาพวกเขา ซึ่งคนเหล่านี้วิ่งมาจากทิศทางเดียวกับที่มังกรหนุ่มกลับมา
ในบรรดาพวกเขา คนที่วิ่งนำหน้ามาคือหูหลิน
“พ่อรอง เกิดอะไรขึ้น ทำไมท่านถึงดูรีบร้อนถึงเพียงนี้?” หูเจียวเจียวเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เจียวเจียว แย่แล้ว” พ่อจิ้งจอกวัยกลางคนหยุดอยู่ข้างหน้าทุกคน และมองไปข้างหลังลูกสาว
เมื่อเขาเห็นหยินชางกับหลงหลิงเอ๋อ เขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักใจว่า
“หยินเสวี่ยและคู่ครองทั้ง 2 ของนางตายแล้ว!”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: อ้าว ไปง่ายอีกแล้ว แบบนี้ก็อดรู้ความจริงน่ะสิ ; - ;