บทที่ 55 การออกเดินทาง
ในวันที่อีเลฟเว่นสร้างทักษะผสานขั้นเริ่มต้นระหว่างฝ่ามือสายฟ้าและการเคลือบแข็งได้สำเร็จ ซืออวี๋ก็ได้ใช้รากของทารกโสมเพื่อฟื้นฟูพละกำลังของเขาอีกครั้ง
ในตอนบ่าย เขาสอนการเคลือบแข็งอีกครั้ง
ในคราวนี้ มันถือได้ว่าเป็นการสอนครั้งที่สามในการเคลือบแข็งขั้นชำนาญของอีเลฟเว่น
หลังจากนั้น ความเข้มข้นในการสอนของซืออวี๋ก็ลดลงชั่วคราว
พวกเขากำลังจะเข้าไปที่ซากปรักหักพรังในอีกไม่กี่วันแล้ว แม้ว่าจะมีอาหารเสริม แต่พวกเขาก็ต้องควบคุมตัวเองเล็กน้อย ท้ายที่สุด สถานะอ่อนแอยังคงมีผลกระทบทางจิตใจบางส่วน
ไม่สำคัญว่าเขาจะมีร่างกายที่ดีหรือไม่ ซืออวี๋เพียงแค่รู้สึกเหนื่อยล้า!
นักฝึกสัตว์อสูรต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของพวกเขา
โดยการพึ่งพาน้ำแห่งความสุขเพื่อเติมเต็มพลังงานของเขาในคืนนี้ ซืออวี๋ได้สอนทักษะไหมหนอนอีกครั้งก่อนที่จะนอนหลับ
วันที่ 6 เดือนสิงหาคม
ความถี่ในการสอนของซืออวี๋ลดลงอีกครั้ง เขาสอนการเคลือบแข็งอีกหนึ่งครั้งในตอนกลางวัน
นอกจากไหมหนอนในตอนกลางคืนแล้ว ด้วยอาหารเสริม ร่างกายของเขาจึงถูกปรับให้อยู่ในสภาวะที่ดีที่สุด
กล่าวโดยย่อแล้ว หลังจากที่การประเมินบนภูเขาเทียนหมังสิ้นสุดลง ซืออวี๋ใช้เวลาทั้งสัปดาห์ที่บ้านเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา
นอกเหนือจากไปศูนย์ฝึกศิลาไผ่ไม่กี่ครั้งแล้ว เขาก็ไม่ได้ไปที่ไหนเลย
และความสำเร็จที่เขาได้รับก็ไม่ธรรมดาเลย
[ชื่อ] : อสูรกินเหล็ก
[ระดับการเติบโต] : ปลุกตื่นขั้นเจ็ด
[ทักษะ] : การเคลือบแข็ง (ชำนาญ+4) ฝ่ามือสายฟ้า (ชำนาญ) สุดยอดการมองเห็น (ช่ำชอง) การรักษาความเร็วสูง (ช่ำชอง) การปราบปราม (เริ่มต้น) การหลับลึก (เริ่มต้น) การทวีคูณ (เริ่มต้น)
[ชื่อ] : หนอนไหมเขียว
[ระดับการเติบโต] : ปลุกตื่นขั้นเจ็ด
[ทักษะ] : ไหมหนอน (ชำนาญ+6)
จนถึงตอนนี้ อีเลฟเว่นได้เชี่ยวชาญสองทักษะขั้นชำนาญ สองทักษะขั้นช่ำชอง และสามทักษะระดับสูงขั้นเริ่มต้น
ในบรรดาทักษะเหล่านั้น หนึ่งในสองทักษะขั้นชำนาญเป็นทักษะระดับกลาง แม้ว่าทักษะอื่นจะเป็นทักษะระดับต่ำ แต่มันก็เป็นทักษะเผ่าพันธุ์ของอีเลฟเว่น ยิ่งกว่านั้น มันยังได้รับการสอนโดยสารบัญทักษะสามครั้งหลังจากถึงขั้นชำนาญ
อาจกล่าวได้ว่าแม้ว่าระดับการเติบโตของอีเลฟเว่นจะเพียงระดับปลุกตื่นขั้นเจ็ด แต่ในด้านพลังต่อสู้ ซืออวี๋รู้สึกว่ามันเทียบได้กับลูกของสัตว์อสูรระดับราชันย์ในระดับเดียวกัน…
ด้วยความเร็วการเพิ่มพลังนี้ อีเลฟเว่นก็ควบคุมตัวเองไม่ได้
เอ่อ… เทียบได้กับลูกสัตว์อสูรเทวะ ซืออวี๋ไม่รู้จะเทียบมันกับอะไร ท้ายที่สุด เขาไม่รู็ว่าลูกสัตว์อสูรเทวะทรงพลังมากเพียงใด
กล่าวตามตรง เขาไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับลูกของสัตว์อสูรระดับราชันย์และระดับผู้ปกครอง
สำหรับหนอนไหมเขียว มันได้ถูกสอนมาหลายครั้งจนระดับการเติบโตของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ไหมหนอนถึงข้ันชำนาญ ระดับการเติบโตของมันก็เพิ่มขึ้นทุกสองครั้งที่เขาใช้ ‘การสอน’ กับมัน ความเร็วการเติบโตนั้นเร็วยิ่งกว่าอีเลฟเว่นมาก และมันก็ไล่ตามระดับการเติบโตของอีเลฟเว่นได้โดยตรง
แน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่ามันเป็นสัตว์อสูรประเภทแมลงเช่นกัน แม้ว่าระดับการเติบโตของมันจะเพิ่มขึ้น แต่พลังต่อสู้ของมันก็อ่อนแออย่างเห็นได้ชัด
เป็นผลให้ซืออวี๋ไม่ได้ให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงในระดับการเติบโตของมัน ท้ายที่สุด ก่อนการวิวัฒนาการของมัน ระดับการเติบโตของหนอนไหมเเขียวไม่ควรกล่าวถึง
“หลังจากเข้าไปในซากปรักหักพัง ข้าจะดูว่ามีวัสดุวิวัฒนาการที่เหมาะสมอยู่ในนั้นไหม หากมีผลประโยชน์…”
ในเช้าของวันที่ 7 เดือนสิงหาคม ซืออวี๋ได้กล่าวกับหนอนไหมเขียวที่สิ้นหวัง หากเขาได้รับผลประโยชน์ เขารู้สึกว่าเขาจะเลี้ยงหนอนไหมเขียวต่อไป
ท้ายที่สุด หากเขาสามารถเลี้ยงหนอนไหมเขียวระดับราัชนย์ให้วิวัฒนาการได้ เขาก็จะมีสัตว์อสูรตัวทำสัญญาที่สอง เมื่อถึงเวลานั้น มันและอีเลฟเว่นจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัว!
“จิ๋—”
ซืออวี๋ยินดีกับเสียงร้องของหนอนไหมเขียวซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน…
…
วันนี้เป็นวันที่นักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพ โจวหวันซานแห่งฐานฝึกฝนที่ภูเขาเทียนหมังได้กล่าวว่าจะนำผู้เข้าร่วมเข้าไปในซากปรักหักพัง
ซืออวี๋ได้ถามผู้คนในช่วงสองวันนี้ เมื่อรวมกับคำแนะนำของหลู่ชิงอี้ก่อนหน้านี้ เขาจึงมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับซากปรักหักพังนี้
มีเพียงนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดที่มีมิติฝึกัสตว์อสูรระดับหนึ่งเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในซากปรักหักพังนี้ได้อย่างมั่นคง
นอกเหนือจากนักฝึกสัตว์อสูรระดับนี้และสัตว์อสูรทำสัญญาของพวกเขาแล้ว สัตว์อสูรอื่นที่เข้าไปอาจทำให้ซากปรักหักพังไม่เสถียรหรือมองไม่เห็นอะไรหลังจากที่เข้าไป พวกมันยังไม่สามารถสัมผัสกับสิ่งที่อยู่ภายในซากปรักหักพังได้
ในขณะที่เขาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับซากปรักหักพัง ซืออวี๋ก็พิจารณาอยู่สักพักหนึ่ง ในขณะนี้ เขาไม่ได้นำภาระเช่นหนอนไหมเขียวติดตัวมาด้วยเช่นเดียวกับในการฝึกฝนครั้งก่อน ส่วนใหญ่เป็นเพราะมันไม่ได้เชื่อมต่อกับมิติฝึกสัตว์อสูร เขาจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่าหนอนไหมเขียวจะเข้าไปในซากปรักหักพังได้สำเร็จและจะไม่ทิ้งมันไว้เบื้องหลัง
กล่าวโดยย่อลแว้ สถานที่แห่งนี้แปลกมาก นี่เป็นเรื่องที่แปลกมากซึ่งมันดูราวกับจะถูกปรับแต่งพิเศษสำหรับซ์ออวี๋ การที่ซืออวี๋ไม่คาดเดาว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้และเฝ้ารอให้เขาสำรวจซากปรักหักพังนั้นเป็นเรื่องยากมาก
ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้จักกำลังควบคุมซากปรักหักพัก ราวกับว่ามันต้องการทดสอบซืออวี๋!
นี่คือการคาดเดาของซืออวี๋
ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซากปรักหักพังนี้ก็ถูกปลุกโดยเขา
แน่นอน นั่นเป็นไปได้เช่นกันว่ามันจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็น ‘จิตวิญญาณ’ ที่หลู่ชิงอี้กล่าวถึงซึ่งเป็นร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ที่ก่อตัวจากจิตสำนึก
จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครสามารถค้นคว้าเกี่ยวกับจิตสำนึกเช่น ‘จิตวิญญาณ’ ได้อย่างสมบูรณ์
ในตอนเช้า ซืออวี๋นำอีเลฟเว่นกลับเข้าไปในมิติฝึกสัตว์อสูรและมุ่งหน้าไปยังสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรด้วยความคาดหวัง
ไม่ว่าความลับใดจะซ่อนอยู่ในซากปรักหักพังนี้ แต่เขา ซืออวี๋ นักโบราณคดี นักวิชาการเทพนิยาย และนักฝึกสัตว์อสูรก็ได้ตัดสินใจที่จะสำรวจมัน
เขาต้องสำรวจซากปรักหักพังที่เขาอัญเชิยมาให้สำเร็จ แม้ว่าเขาจะต้องพบเจอกับอันตรายก็ตาม
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง” จิตวิญญาณนักโบราณคดีในร่างกายของซืออวี๋เริ่มทำงานอีกครั้ง
อันที่จริง การออกไปแส่หาความตายนั้นเป็นเรื่องดีเช่นกัน หลังจากเอาชีวิตรอดมาได้ เขาจะต้องพัฒนาได้เป็นอย่างดีและมีชีวิตที่มั่นคงยิ่งขึ้น
ในเช้าวันนั้น
คนประมาณ 80 คนรวมตัวกันที่สถานที่ซึ่งถูกกำหนดของสมาคมนักฝึกสัตว์อสูร
ผู้คนทั้ง 80 คนเหล่านี้ล้วนเป็นชนชั้นสูงในบรรดานักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดในเขตผิงเฉิง
ระดับการเติบโตสัตว์อสูรของพวกเขาสูงกว่าระดับปลุกตื่นขั้นเจ็ด ยิ่งกว่านั้น ระดับเผ่าพันธุ์ของพวกมันก็ไม่ต่ำเลย และพวกมันก็มีทักษะเผ่าพันธุ์ชั้นช่ำชอง
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นอัจฉริยะที่ผ่านการประเมินของสมาคมนักฝึกสัตว์อสูร
นอกจากผู้ที่ยอมรับการประเมินและได้รับโควต้าแล้ว ยังมีผู้เข้าร่วมที่ได้รับการแนะนำโดยตรงจากศูนย์ฝึกและโรงเรียนท้องถิ่น
ตัวอย่างเช่น ศิษย์เช่นเจียงรุ่ยจากศูนย์ฝึกศิลาไผ่นั้นได้รับคำแนะนำจากศูนย์ฝึกศิลาไผ่ พวกเขาสามารถติดตามการเดินทางครั้งนี้โดยตรงไปยังซากปรักหักพังเพื่อสำรวจ
กล่าวตามตรง การสำรวจนี้เป็นการสำรวจครั้งที่สามของสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรในเขตผิงเฉิง
การสำรวจครั้งแรกคือตอนซากปรักหักพังปรากฎขึ้นมาครั้งแรก นักฝึกสัตว์อสูรระดับต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงได้มาศึกษาซากปรักหักพัง
ในระหว่างการสำรวจครั้งนั้น พวกเขาได้ค้นพบความลับที่ว่ามีเฉพาะนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดเท่านั้นที่สามารถสำรวจซากปรักหักพังนี้ได้
การสำรวจครั้งที่สองก็คือในตอนที่สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรแห่งเขตผิงเฉิงระดมทหารชั้นยอดของกองกำลังนักฝึกสัตว์อสูรท้องถิ่นและส่งพวกเขาไปสำรวจซากปรักหักพัง
ในระหว่างการสำรวจนี้ สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเข้าใจคร่าวๆ แล้วว่านี่คือซากปรักหักพังประเภทไหน
และครั้งนี้เป้นการสำรวจขนาดใหญ่ครั้งที่สาม
สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรแห่งเขตผิงเฉิงได้จัดหานักฝึกสัตว์อสูรฝึดหัดที่โดดเด่นที่สุดจากทุกสาขาอาชีพในเขตผิงเฉิง!
การสำรวจนี้เป็นบททดสอบสำหรับนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดในเขตผิงเฉิง และก็เป็นของขวัญเช่นกัน!
ท้ายที่สุด ตามประสบการณ์ของการสำรวจครั้งก่อน ยังมีทรัพยากรหายากจำนวนหนึ่งอยู่ในซากปรักหักพัง แม้ว่าการได้รับพวกมันจะเป็นเรื่องยากก็ตาม
เมื่อได้รับโอกาสนี้ นักสำรวจทุกคนต่างก็มีความหวังที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขา
“ข้าสงสัยว่ามีใครในนักฝึกสัตว์อสูรกลุ่มนี้สามารถถอดรหัสซากปรักหักพังได้หรือไม่”
ในอาคารสูงของสมาคมนักฝึกสัตว์อสูร ประธานสมาคมในชุดสูทสีเทาเฝ้าดูกลุ่มนักสำรวจล่าสุดที่รวมตัวกันด้านล่างอย่างเงียบสงบ
ซากปรักหักพังนี้ได้ลงมาในเขตผิงเฉิง ตามวิธีกฏซากปรักหักพังของตงหวง สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรท้องถิ่นมีสิทธิ์อันดับแรกในการสำรวจ
อย่างไรก็ตาม หากสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรท้องถิ่นไม่สามารถถอดรหัสซากปรักหักพังได้ภายในระยะเวลาหนึ่งและควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์ สิทธิ์ในการสำรวจซากปรักหักพังจะค่อยๆ กระจายออกไป
จะมีการกระจายไปยังเขตและเมืองที่อยู่ใกล้เคียง!
ในตอนนี้ สิทธิ์อันดับแรกในการสำรวจซากปรักหักพังนี้ยังคงเป็นของเขตผิงเฉิง
แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน หากพวกเขาไม่สามารถถอดรหัสซากปรักหักพังได้ นักฝึกสัตว์อสูรในเขตอื่น ก็สามารถเข้ามาสำรวจและแบ่งชิ้นพายไปได้
หากยังคงเป็นไปไม่ได้ที่จะถอดรหัสหลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง นักฝึกสัตว์อสูรของเมืองอื่นนอกเมืองทุ่งน้ำแข็งก็สามารถเข้ามาแทรกแซงในซากปรักหักพังนี้ได้ ในเวลานั้น ทรัพยากรที่ได้รับมานั้นจะไม่ได้เป็นของเขตผิงเฉิงหรือแม้กระทั่งเมืองทุ่งน้ำแข็ง
ดังนั้น ประธานสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรแห่งเขตผิงเฉิงจึงหวังว่าผู้เข้าร่วมที่ถอดรหัสซากปรักหักพังจะปรากฎตัวขึ้นในเขตผิงเฉิง นี่เป็นเพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรของเขตผิงเฉิงจะได้รับผลประโยชน์มากขึ้น
หากเขาพลาดโอกาสที่จะพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ เขาอาจจะไม่ได้พบกับสิ่งที่ดีเช่นนี้ได้อีก
…
“มีคนคุ้นเคยทั้งหมดสามคนเหรอ?”
มีคนทั้งหมด 80 คนเท่านั้น หลังจากสังเกตอย่างละเอียด เขาก็พบคนคุ้นเคยอย่างรวดเร็ว
นอกสมาคมนักฝึกสัตว์อสูร ซืออวี๋ก้เห็นนักเรียนชั้นนำ เฉินไค สหายผู้นี้โชคดีมากที่ได้เข้าสู่ยี่สิบอันดับแรกของการประเมิน
นอกจากเฉินไคแล้ว เขายังเห็นเจียงรุ่ยจากศูนย์ฝึกศิลาไผ่และศิษย์อีกสี่คน
เพราะเขาเคยต่อสู้กับเจียงรุ่ยเท่านั้น เขาจึงคุ้นเคยกับคนผู้นี้มากกว่าใคร
นอกเหนือจากพวกเขาแล้ว ซืออวี๋ยังเห็นแพทย์หนุ่มจากร้านขายยาของโถงร้อยสมุนไพรข้างบ้านของเขา สหายผู้นี้ยังเป็นนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดเช่นกัน เขาเป็นคนที่บอกซืออวี๋เกี่ยวกับซากปรักหักพังนี้ ซืออวี๋ไม่คาดหวังว่าเขาจะมาด้วยเช่นกัน
กล่าวตามตรง ยังมีใบหน้าที่คุ้นเคยเหลืออยู่อีก เขาคือผู้ตัดสินในการแข่งขันระหว่างเขากับเฉินไคในวันนั้น ไวท์สโตน (เหมือนทางอิ้งจะเปลี่ยนชื่อผู้ตัดสินนะครับ ผมจะเอาตามนี้ก่อนนะครับ)
เขายังอายุไม่มากนัก ดูราวกับจะอายุยี่สิบปี ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับเขาที่เป็นผู้ตัดสินของโถงต่อสู้ นอกเหนือจากการเป็นผู้ตัดสินและจบการศึกษาจากสาขาการจัดการสนามประลองแล้ว… ความแข็งแกร่งของเขาก็ต้องค่อนข้างดีเลยทีเดียว
“ทุกคนอยู่ที่นี่แล้วใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าถึงเวลาแล้ว ชายในชุดสูทสีเทาก็หรี่ตาลงและเดินออกมาจากอาคารสูง
เมื่อเห็นคนผู้นี้ นักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัด 80 คนก็หยุดพูดคุยกัน
ประธานสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรในเขตผิงเฉิง… นักฝึกสัตว์อสูรปรมจารย์!
“ไปกันเถอะ” เขาหรี่ตาลงและกล่าวกับเลขาของเขา
ในไม่ช้า เสียงของเครื่องยนต์รถขนาดใหญ่ที่หยุดนอกสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรก็ดังกระหึ่มในขณะที่มันเปิดเครื่องยนต์
“ทุกคนขึ้นรถอย่างเป็นระเบียบ ต่อไป ข้าจะพาเจ้าไปที่ทางเข้าซากปรักหักพัง”
ในฝูงชน ซืออวี๋เดินตามเข้าไปในรถ เฉินไค เจียงรุ่ย และคนอื่นก็เห็นซืออวี๋เช่นกัน แต่เนื่องจากพวกเขามีพวกพ้องคนอื่น พวกเขาจึงเพียงแค่ทักทายซืออวี๋เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แพทย์หนุ่มจากร้ายขายยาอยู่เพียงลำพัง เขาจึงริเริ่มที่จะนั่งข้างซืออวี๋
เขากล่าวว่า “สวัสดี ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ด้วยล่ะ?”
“ร่างกายของเจ้า… ไม่เป็นไรใช่ไหม???”
แม้ว่าซืออวี๋จะไม่ได้ไปซื้ออาหารเสริมจากเขามาเกือบครึ่งเดือนแล้วก็ตาม แต่แพทย์หนุ่มก็ยังมีความประทับใจในตัวซืออวี๋อย่างล้ำลึก
“ไม่มีอะไรผิดปกติกับร่างกายของข้า มันปกติมาก” ซืออวี๋กล่าวออกมา
แพทย์หนุ่มยิ้มออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อสิ่งที่ซืออวี๋กล่าวออกมา
เขาจะซื้อยาบ่อยเช่นนั้นได้ยังไงกันหากเขามีร่างกายแข็งแรง?
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดหวังว่าซืออวี๋จะได้รับคุณสมบัติในการเข้าสู่ซากปรักหักพัง
ดูเหมือนว่าเขายังคงเป็นนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดผู้สร้างแรงบันดาลใจ
“นี่แปลกมาก ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่เมื่อไม่นานมานี้ ‘แคปซูลสดชื่น’ จากร้านขายยาหลายแห่งขายได้เยอะมาก ร้านขายยาของข้าก็เช่นกัน ก่อนหน้านี้ข้ากังวลว่าเจ้าจะซื้อมันจนหมด”
แพทย์หนุ่มถอนหายใจยาว เขาขาดแคลนแคปซูลสดชื่นอย่างแท้จริง แต่ซืออวี๋ไม่ได้มาซื้อเลย
“เอ่อ…” ซืออวี๋ไร้คำกล่าว จริงเหรอ?
ก่อนหน้านี้ เฉินไคได้ซื้อแคปซูลสดชื่นเพราะเขา ครั้งนี้คงไม่ใช่เพราะเขาเช่นกันใช่ไหม? อืมม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาเลย
ซืออวี๋กำลังจะกล่าวบางสิ่ง แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกขัดจังหวะ
ประธานของสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรเขตผิงเฉิงก็มากับนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดเช่นกัน
ที่ด้านหน้า เขามองดูเหล่ามือใหม่ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่นเดียวกับไกด์นำเที่ยว “เราจะใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็จะถึงจุดหมายของเรา”
“ในระหว่างนี้ ให้ข้าอธิบายบางสิ่งที่ควรจะรู้เมื่อสำรวจซากปรักหักพัง เจ้าเป็นชนชั้นสูงในบรรดานักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดในเขตผิงเฉิง ข้าหวังว่าเจ้าจะได้รับประโยชน์มหาศาลจากซากปรักหักพังนี้”
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน