บทที่ 50: คดี
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 50: คดี
ร่างหนึ่งได้เดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับขวดในมือ...
การปรากฏตัวอีกครั้งของคิลเกรฟทำให้ชีวิตของเจสซิก้าแย่ลงไปอีก เธอใช้แอลกอฮอล์ทำให้ตัวเองมึนงงและพยายามลืมความทรงจำที่ไม่ดีทั้งหมดไป
"คุณโจนส์?"
เจสสิก้าชะงักอยู่หน้าประตูห้องทำงานของเธอ เจสสิก้าดึงกุญแจออกจากกระเป๋าของเธอเพื่อเปิดประตู แต่ก็ไม่สามารถทำให้กุญแจตรงกับล็อคของมันได้
"เวรเอ้ย!"
เจสสิก้าสบถออกมาเสียงดัง ขณะที่เธอกำลังคิดหาวิธีอื่น เสียงชวนสับสนก็ได้ดังขึ้นมาจากด้านหลังของเธอ
เมื่อหันกลับมา เธอก็เห็นผู้หญิงตัวซีดเซียวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอ
"ฉันชื่อมิเชล ฉันอยากให้คุณช่วย!"
เมื่อเห็นเจสสิก้าหันกลับมา หญิงสาวก็รีบพูดขึ้นทันที
“ตอนนี้สภาพฉันดูเหมือนจะช่วยคนอื่นได้เหรอ?”
เมื่อได้ยินคำขอของหญิงสาว เจสสิก้าก็ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วหันกลับมา "ไว้พรุ่งนี้หรือวันมะรืนนี้แล้วกัน ไม่สิ ไม่ต้องมาขอฉันช่วยหรอก ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันจะตื่นมาอีกทีตอนไหน"
"แต่ฉันไม่มีทางเลือกแล้วนะคะ" การปฏิเสธของเจสซิก้าทำให้หญิงสาวดูกังวลมากยิ่งขึ้น เธอกล่าวออกมาอย่างหนักแน่นและพยายามอย่างสุดความสามารถ "สามีของฉัน จอห์น เขาหายตัวไปและไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว นั่นมันมันไม่ใช่นิสัยของเขาเลย”
"แล้วทำไมเธอไม่ไปแจ้งตำรวจล่ะ?"
แม้ว่าเธอตัดสินใจที่จะไม่รับคดีนี้ แต่คำพูดของผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้เจสซิก้าหยุดลงและถามขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว "พวกเขาทำให้ฟรี"
“ไม่ ฉันรู้จักสามีของฉันดีค่ะ เขาน่ะมักจะมีกิจวัตรประจำวันแบบเดิมอยู่เสมอ เขาไปทำงานเวลา 8.30 น. และกลับมาช่วง 6 โมงเย็นทุกวัน เขาไม่เคยผิดเวลาเลยสักครั้งเดียว”
เจสสิก้าจึงเอ่ยถามออกไปว่า "บางครั้งเขาดูทำตัวลึกลับและกังวลเรื่องอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่า?"
"ใช่ค่ะ เป็นแบบนั้นเลย" เมื่อได้ยินการสันนิษฐานของเจสซิก้า หญิงสาวก็พยักหน้าด้วยความยินดี เพราะมีความหวังที่จะพบสามีของตน
ทว่าคำพูดต่อไปของเจสซิก้าก็ทำให้เธอต้องผิดหวัง
“นั่นเป็นเพราะเขานอกใจเธอไงล่ะ คุณผู้หญิง ฉันขอโทษที่ต้องบอกเธอด้วย แต่นี่แหละความจริง”
"คุณโจนส์ คุณไม่รู้จักสามีของฉันเลย"
"แต่ฉันรู้เรื่องแบบนี้ดี รู้ไหมว่าฉันเป็นนักสืบมืออาชีพขนาดไหน"
หญิงสาวส่ายศีรษะ เธอดูผิดหวังกับคำตอบของเจสซิก้ามาก แต่ยังก็ฝืนยิ้มออกมา "ฉันขอโทษที่รบกวนคุณโจนส์ด้วย บางทีคุณอาจไม่ใช่คนที่ฉันกำลังตามหา”
“เสียใจด้วยล่ะกัน”
ขณะที่เธอมองไปที่แผ่นหลังที่ผิดหวังของหญิงสาว เจสสิก้าก็เกาผมของเธออย่างแรง เมื่อมองไปที่ประตูตรงหน้า ซึ่งเธอยังคงไม่สามารถเปิดได้ เธอก็ดึงที่จับทั้งหมดออกมาด้วยการดึงเพียงครั้งเดียว
"เวรแล้ว! โอ้ย เวรเอ้ย!"
เจสสิก้าเดินเข้าไปในสำนักงานและโยนที่จับในมือของเธอลงบนเคาน์เตอร์ด้วยความโกรธ เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเธอโกรธเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอ หรือเพราะการพูดคุยเมื่อครู่นี้
กริ้งงง-- กริ้งงง--
ทันใดนั้น โทรศัพท์ในสำนักงานก็ดังขึ้น เมื่อชำเลืองมองโทรศัพท์บนโต๊ะ เจสซิก้าก็ตัดสินใจที่จะไม่สนใจมัน
'ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณโทรมาผิดแล้ว'
หลังจากโทรมาสองสามครั้ง การโทรก็ถูกโอนสายไปเป็นข้อความเสียงอัตโนมัติ
"เจสซิก้า โจนส์ จงทำตามนิสัยของคุณและละทิ้งความสงสัยออกไปเสีย อย่าตามหาจอห์น ไม่เช่นนั้น..."
...
“เจสซิก้า คุณไม่มีงานปกติทำเหรอ?”
ในร้านขายของเก่า ไรอันมองไปยังเจสซิก้าที่เข้ามายังร้านพร้อมกับอาการมึนเมา เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถามออกมา
"ตอนนี้ฉันกำลังทำงานอยู่ไง" หลังจากจิบเครื่องดื่มแล้ว เจสซิก้าก็หันไปมองรอบๆ ร้านขายของเก่า ดวงตาของเธอเลื่อนไปที่เคาน์เตอร์ใหม่ตรงหน้า มันทำให้เธอเลิกคิ้วบางๆ "นายได้อันใหม่แล้วสินะ"
"แล้วอยากรู้ไหมล่ะว่าทำไม?"
เมื่อได้ยินคำพูดของเจสซิก้า ไรอันก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างไม่มีความสุขนัก
อีกฝ่ายดึงดูดคิลเกรฟมาที่ร้านของ มันสร้างความเสียหายให้กับร้านขายของเก่าของเขาเป็นอย่างมาก ถึงที่นี่จะไม่มีสิ่งของใดที่มีค่า แต่ไรอันก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการจัดเรียงสิ่งของเหล่านั้นให้กลับมาเป็นดั่งเดิม
"ฉันขอโทษด้วย ฉันไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย" คำพูดนั้นออกมาจากปากของเธอ แต่สีหน้าของเจสซิก้ากลับไม่ได้ดูขอโทษเลยแม้แต่น้อย ถึงเธอจะมีอายุพอสมควรแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงอารมณ์ฉุนเฉียวได้ง่ายขนาดนี้
“ว่าแต่ทำไมคราวนี้คุณถึงมาที่นี่กันล่ะ?”
เมื่อมีเครื่องให้คะแนนอย่างเจสซิก้ามาถึงหน้าประตู มีหรือไรอันจะปฏิเสธ? ทว่าเมื่อนึกถึงเพอร์เพิลแมนที่อาจปรากฏตัวได้ทุกเมื่อ เขาก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย เพราะความสามารถของเพอร์เพิลแมนเป็นภัยคุกคามอย่างใหญ่หลวงต่อไรอัน ความสามารถในการควบคุมคนอื่นเป็นสิ่งที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก
บางทีพลังของ [อักขระต้องสาป] อาจต้านทานความสามารถของเพอร์เพิลแมนได้
เมื่อนึกถึงความรู้สึกของเขาที่ใช้อักขระต้องสาปก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด มันถึงมีความเย็นยะเยือกและบรรยากาศที่ชั่วร้ายคล้ายกับของเพอร์เพิลแมนมาก สงสัยว่ามันคงเป็นเพราะทั้งสองเหมือนกับพลังที่ควบคุมสติของคนเช่นเดียวกัน ไรอันคาดเดาในใจ
"ฉันกำลังจะหาเงินอยู่ แต่ค้นไปทั่วทั้งห้องก็ไม่เจออะไรมีค่าเลย" ในขณะนั้นเอง เสียงแหบพร่าของเจสซิก้าก็ขัดจังหวะความคิดของไรอันที่กำลังนึกถึงเรื่องของเพอร์เพิลแมน "เมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งรับคดีมา ไม่สิ ฉันไม่ได้กะว่าจะรับ แต่หลังจากนั้นก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาที่สำนักงานของฉัน มีคนใช้เครื่องเปลี่ยนเสียงเตือนฉันไม่ให้รับคดีนี้ เพื่อความปลอดภัยของฉันเอง”
“งั้นคุณก็รับไปสิ”
บางครั้งไรอันก็ไม่เข้าใจความคิดของพวกวายร้ายเลยสักนิด จะไปเตือนคนที่อาจมีโอกาสทำลายแผนของตนทำไมกัน อยู่เงียบๆ ก็พอแล้วไหม? 'นี่พวกวายร้ายไม่รู้จักการวางแผนลับหรือไงกัน'
'หรือเป็นเพราะพวกเขาทระนงในตนเอง คิดว่าตัวเองเก่ง เจ๋ง ไม่มีใครทำอะไรได้เหรอ?'
'หรือบางทีพวกเขาอาจจะเบื่อเกินไป เลยอยากหาใครสักคนมาเป็นผู้ชมในแผนการของพวกเขา?'
ในขณะที่คิด ไรอันก็หันไปมองที่แผงข้อมูลของระบบ ซึ่งเขาได้รับการแจ้งเตือนเล็กน้อยถึงอะไรบางอย่าง
“เฮ้ นายฟังฉันอยู่หรือเปล่าเนี่ย?!”
ที่เคาน์เตอร์ เจสสิก้าดูไม่พอใจนัก
"อืม พูดต่อเลย"
ไรอันยักไหล่ให้อีกฝ่าย
เจสสิก้าจิบเครื่องดื่มของเธอพร้อมกับพูดต่อ “อืม แล้วฉันก็รับมันมา ฉันไม่ชอบน้ำเสียงของคนที่โทรมาและตามเบาะแสที่ได้รับจากคนที่เป็นภรรยา ฉันก็ค้นหาในอินเทอร์เน็ต แต่กลับไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์เลย ดูผิวเผิน มันคงเหมือนคดีคนหายที่ไม่ได้มีอะไรแปลก จนกระทั่ง ฉันไปหาแหล่งข่าวในอดีต ฉันจึงพบกับชื่อๆ หนึ่ง”
"เดอะ แฮน นายเคยได้ยินชื่อของมันบ้างไหม?”