บทที่ 5: [ด่าน 0] หลุมที่ข้าจะต้องขึ้นมาให้ได้ (2)
บทที่ 5: [ด่าน 0] หลุมที่ข้าจะต้องขึ้นมาให้ได้ (2)
'ก่อนอื่นนักเวท ลิลลี่’
ข้าเปิดหน้าต่างลักษณะพิเศษของตัวละครลิลลี่
[ลิลลี่ (R) ]- ลักษณะพิเศษ(1/3)
>กายาเพลิง
มันยังมีอยู่!
มันมีเหมือนในเกมไม่มีผิด ไอ้เจ้ากายาเพลิง
[กายาเพลิง]- ความสามารถซึ่งเกิดขึ้นมาจากความกลัวต่อของมีคมแบบสุดขีด สามารถทำการหลบเลี่ยงการจู่โจมทางกายภาพผ่านการเปลี่ยนร่างกายเป็นเปลวไฟได้ การหลบหลีกการโจมตีแต่ละครั้งจะใช้ค่าพลังเวทย์เป็นการใช้งาน
มันเป็นความสามารถของตัวชนที่ดี ที่จริงแล้วมันน่าทึ่งมาก แต่ปัญหาคือลิลลี่เป็นอาชีพที่เป็นตัวสร้างความเสียหายหลักในปาร์ตี้ต่างหาก
เธอเป็นนักเวทธาตุไฟที่จำเป็นต้องใช้มานาจำนวนมาก
ซึ่งหมายความว่าเมื่อถึงเวลาที่ลิลลี่ต้องใช้ความสามารถนี้ ปาร์ตี้ก็น่าจะถูกทำลายล้างจนหมดสิ้นแล้ว
ซึ่งในสถานการณ์แบบนั้น แทนที่จะใช้งานความสามารถตัวชนนี้ เอามานาไปใช้ฆ่าพวกสัตว์ประหลาดจะดีเสียกว่า
นี่คือสิ่งที่ควรทำตามปกติ
ทว่าสถานการณ์นี้ไม่แน่นอน ข้าจึงกำลังคิดถึงการใช้ประโยชน์จากความสามารถนี้
'ต่อไปคือเคนที่เป็นอัศวินโล่’
ข้าเปิดดูลักษณะพิเศษของเคน
[เคน(N)]- ลักษณะพิเศษ(1/3)
> วิถีการเอาตัวรอดของจอมโจร
อย่างที่คาดไว้ วิถีการเอาตัวรอดของจอมโจร
[วิถีการเอาตัวรอดของจอมโจร] - เป็นนิสัยที่เกิดจากสมัยที่เป็นโจร ผู้ใช้สามารถลดการเปิดเผยตัวตนเมื่อเผชิญกับอันตรายและหลีกเลี่ยงความสนใจได้ ทว่าจะแลกเปลี่ยนกับพลังชีวิตต่อการใช้งาน
มันถือว่าเป็นลักษณะตัวละครที่ดีเหมือนกัน ถ้าเคนไม่ใช่อัศวินโล่
เคนเป็นอาชีพอัศวินโล่ที่ต้องดึงความสนใจของศัตรูในระดับแนวหน้า เขาใช้การโจมตีแบบหมู่เพื่อตัวดึงดูดความสนใจและรับการโจมตีด้วยร่างกายของตัวเอง
แต่ไหงถึงมีลักษณะพิเศษที่เน้นซ่อนตัวแบบนี้?
แถมมันยังต้องใช้พลังชีวิตมากต่อการใช้หนึ่งครั้งด้วย
คงจะดีมากหากเป็นอาชีพสายโจมตีระยะประชิดอย่างพวกโจรหรือหัวขโมย แต่ลักษณะพิเศษแบบนี้ใช้ไม่เหมาะกับอัศวินโล่อย่างเคนเลย
ทว่าข้าอาจจำเป็นจะต้องใช้มันในตอนนี้
ในสถานการณ์เช่นนี้ เมื่อการใช้กลยุทธ์ที่ตรงไปตรงมาเป็นไปไม่ได้ ก็คงต้องใช้ตัวแปรที่ใช้งานได้ทั้งหมด
'ส่วนคนสุดท้ายคือเดเมียน’
ข้ากลืนน้ำลายลงไปขณะเปิดหน้าต่างค่าสถานะของเดเมียน ได้โปรดมีด้วยเถอะ! ได้โปรด!
ความสามาถของตัวละครอื่นๆ เป็นเพียงความสามารถธรรมดาทั่วไป พวกเขาเป็นเพียงเบี้ยที่ข้าสามารถใช้เพื่อซื้อเวลาได้
แต่ความสามารถของเดเมี่ยนเป็นสิ่งที่ช่วยให้เอาชนะด่านนี้ได้ สำหรับแผนนี้ข้าต้องการใช้มันมากกว่าสิ่งใด!
และ...
[เดเมียน(N)]- ลักษณะพิเศษ (1/3)
> ตาพันลี้
มันมีอยู่!
ความสามารถที่โคตรโกงนี้ยังคงมีอยู่เหมือนในเกม
[ดวงตาพันลี้]-ความสามารถที่เกิดขึ้นเพราะความผิดพลาดของพระเจ้า ผู้ใช้จะสามารถมองเห็นทุกสิ่งที่ต้องการเห็นและสามารถโจมตีทุกสิ่งที่สามารถมองเห็นได้
โคตรขี้โกง
พวกเจ้าอาจไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ามันทรงพลังแค่ไหนจากคำอธิบายในเกม เพราะมันเพิ่มระยะการมองเห็นของตัวละคร 50 ช่องและค่าความแม่นยำ +999
เมื่อความแม่นยำในเกมเกิน 100 มันก็จะปรับไปเป็น 999 เพราะสามารถโจมตีโดนได้ 100%
ซึ่งหมายความว่าการโจมตีจะถูกจุดที่ต้องการแน่ ลูกศรที่ผ่านมือเดเมียนสามารถยิงจากปลายด้านหนึ่งของแผนที่ไปโดนเป้าหมายได้ แม้ว่าจะเล็งของที่ขนาดเล็กอย่างดวงตาก็ตาม
ทว่ามีปัญหาหนึ่งคือเดเมียนที่ครอบครองลักษณะพิเศษนี้เป็นบาทหลวงที่มีหน้าที่คอยรักษา
ย้อนกลับไปในเกม ชนิดของอุปกรณ์ที่สามารถติดตั้งได้จะถูกจำกัดโดยระบบ ซึ่งขึ้นอยู่กับอาชีพของตัวละคร
เดเมียนเป็นนักบวช จึงสามารถสวมใส่ได้เพียงไม้เท้าและทักษะที่เขามีก็เป็นเพียงทักษะการรักษาทั่วไปของตัวละครระดับ N
ทักษะประเภทการรักษาไม่เคยพลาดอยู่แล้วหากมองไปที่เป้าหมาย ดังนั้นค่าความแม่นยำ +999 ถือว่าไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
ไม่มีทางที่จะนำลักษณะพิเศษตัวละครนี้ไปใช้ในเกมได้ เหมือนเป็นเพียงเรื่องตลกที่ถูกเพิ่มโดยนักพัฒนา
'แต่นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง’
ข้าสามารถใช้มันได้
ข้าสามารถนำมันไปใช้ได้จริง
'เกมนี้มันสามารถจบเกมได้’
ด้วยไพ่ที่ข้ามี ข้าก็จะสามารถสร้างกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในมือได้
'กล้าโยนข้าลงบนด่านที่ยากมหาโหดอย่างนี้เหรอ?'
เหอะ
ข้ายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ข้ายิ้มทุกครั้งที่สามารถแผนที่สามารถเคลียร์ด่านที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ให้มันเป็นไปได้ มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผู้ชมทุกคนของข้าถึงกับขอร้องให้ข้าปิดกล้อง
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะใช้วิธีโกง…!”
รอก่อนเถอะ ไอ้บ้าที่ไหนก็ตามที่โยนข้าเข้ามาในสถานที่เวรนี้
ข้าจะเคลียร์เกมบ้าๆ นี้ให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม จากนั้นข้าจะจับคอเสื้อของแกให้มั่นและลากคอไปประจานให้มันทั่วเลยคอยดู…!
กลับมา ณ ปัจจุบัน
ข้ามองไปที่ลิลลี่ เคนและเดเมียน
"ลิลลี่ เจ้าเคยโดนดาบบาดเข้าตอนยังเด็กมาก่อนใช่ไหม?”
ดวงตาของลิลลี่เบิกกว้างขึ้น
"องค์ชายรู้ได้เช่นไรคะ?”
"มันเป็นแผลที่เจ้าได้ตอนที่ฝูงก็อบลินบุกเข้าโจมตีหมู่บ้าน หลังจากนั้นเจ้าก็เริ่มเป็นโรคกลัวอาวุธมีคม ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถใช้กระทั่งมีดทำอาหารที่บ้านได้”
“......”
“แต่เจ้าก็ได้รับบางอย่างมาจากเหตุการณ์นั้นด้วยเช่นกัน”
ข้าเอากริชออกจากฝักของข้าและแทงหลังมือของลิลลี่
"อึก?!”
ด้วยความตกใจ ลิลลี่ตัวแข็งทื่อและมีสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
โครม!
กริชทะลุมือของลิลลี่ไปปักไว้บนโต๊ะ หลังมือของลิลลี่ที่ถูกกริชทะลุผ่านนั้นก็มีเปลวไฟลุกขึ้น
"หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าก็ได้รับความสามารถกายาเพลิงมา”
“......”
"ตราบใดเจ้ามีมานาเหลือมากพอ ก็จะสามารถที่จะหลบการโจมตีทางกายภาพได้ทุกรูปแบบ ข้าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
ลิลลี่ตัวสั่นพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ ข้าดึงกริชออกมาอีกครั้งแล้วใส่กลับเข้าไปในฝัก
“ขอโทษที่ต้องใช้วิธีโหดเหี้ยมแบบนี้พิสูจน์เรื่องที่ว่าไปด้วย”
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะองค์ชาย ข้าไม่เป็นไร แต่ว่าองค์ชายรู้ได้เช่นไรกัน?”
"เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอก”
หลังจากนั้น ข้าก็หันหน้าไปหาเคน
"เคน!"
"ขอรับองค์ชาย!
เคนคิดว่าข้าจะแทงเขาเหมือนกัน เขาจึงเตรียมที่จะหลบการโจมตี ข้ายิ้มออกมา
"ตอนยังเด็ก เจ้าคงชอบลักเล็กขโมยน้อยไปทั่วเลยสินะ?”
“......?!”
"เจ้ามาจากสลัมที่มีปากท้องมากมายที่ต้องคอยเลี้ยงดู ขอเดาเลยว่ากว่าจะกลายมาเป็นอัศวินแบบนี้ได้คงไม่ง่ายแน่ๆ”
เคนไม่สามารถตอบได้ ตัวเขายืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับคำตอบที่ข้าต้องการ
"เจ้าทำมาหากินโดยการขโมยและทันทีที่เจ้ากลายเป็นผู้ใหญ่ เจ้าก็มาสมัครเป็นทหาร หลังจากนั้นเจ้าก็ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศอย่างไม่ลดละและไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งอัศวิน เจ้าคงเผชิญกับอุปสรรคมากมายพอดู"
"เอ่อ... องค์ชายไปรู้มาจากไหนกัน?"
"ก็เหมือนอย่างที่พึ่งบอกไปนั้นแหละ จะไปรู้มาได้เช่นไรมันก็ไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่ทางเจ้าจะสามารถเอามันมาใช้ประโยชนืได้ยังไงต่างหาก”
ข้าสบตากับดวงตาที่สั่นเทาของเคน
"เจ้าสามารถอำพรางตัวได้ในทุกเวลาที่อยากทำเลย ข้าพูดถูกไหม?”
“......”
"ไหนลองตอบมาสิ หรือว่าอยากให้ทางนี้ช่วยให้เจ้าแสดงตัวอย่างให้ชมอีกสักทีไหมล่ะ?”
"ม่ะ ไม่ต้องขอรับองค์ชาย องค์ชายพูดถูกแล้ว ข้าทำได้จริงๆ”
"เอาล่ะ เช่นนั้น เจ้าก็คงสามารถทำตามคำสั่งของข้าได้อย่างแน่นอน”
เมื่อหันหลังให้กับเคน ข้ามองไปที่เดเมียนคนสุดท้ายที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ตรงมุมห้อง
"เดเมียน”
“......”
"ทางนั้นมีสายตาที่เฉียบคมมากที่สุด บางทีอาจจะ 'มากเกินไป' นิดหน่อยด้วยซ้ำ”
เดเมียนมองมาที่ข้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า โดยที่ข้านั่งอยู่ตรงหน้าเขา
"เพราะอย่างนั้นแล้ว เจ้าก็เลยสามารถเห็นอะไรๆ ได้แบบชัดเจนมากที่สุด อย่างเช่นความตายของเหล่าสหาย”
“......”
“แม้ตอนนี้ มันก็ชัดเจนมากจนรู้สึกเหมือนเจ้าสามารถสัมผัสมันได้ตรงหน้าเจ้าเลย นั่นคงเป็นเหตุผลที่เจ้าร่ำไห้ออกมาเช่นนี้สินะ?”
เดเมียนยังคงเงียบเป็นเวลานานโดยไม่ตอบ ข้าจึงได้แต่รอ
“...เขาเป็นสหายที่มาจากบ้านเกิดของข้าเอง พวกเรามาจากบ้านเด็กกำพร้าที่เดียวกัน”
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เดเมียนจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นสถานที่ที่แย่มาก… ตอนที่ข้าอายุ 15 ปี ข้ากับแวนจึงหนีออกมาจากที่นั่น”
เห็นได้ชัดว่าเพื่อนที่ตายแล้วของเขาชื่อแวน ข้าคอยฟังสิ่งที่เขาเล่าอย่างเงียบงัน
"แวนมีพรสวรรค์มากในฐานะนักดาบ ข้าโชคดีที่มีความสามารถในการเป็นผู้รักษา เรารอดชีวิตมาได้ทุกวันในฐานะทหารรับจ้าง มีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเองไปวันๆ”
“......”
“ข้าเป็นทหารรับจ้างชั้นสามที่กลัวสัตว์ประหลาดและกลัวทุกครั้งที่เห็นเลือด แต่แวนที่กลายเป็นทหารรับจ้างชั้นหนึ่งไปแล้วก็พาข้าออกมาจากที่นั่น เราสัญญากันว่าจะหาเงินเพิ่มเพื่อไปเลี้ยงดูพี่น้องของเราในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
เดเมียนเอามือปิดใบหน้าของเขา
"แต่เขา...เขาตายไปแล้ว”
“......”
"ข้าถูกแมงมุมดำโจมตีขณะที่ข้าหมดกำลัง แวนผลักข้าออกไปและเสียสละตัวเองเพื่อช่วยข้าเอาไว้ เขาถูกฉีกกระชากต่อหน้าต่อตาของข้า เพื่อที่เขาจะได้ช่วยคนอย่างข้า”
เดเมียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สมาชิกปาร์ตี้คนอื่นๆ มองไปที่เขาด้วยใบหน้าสับสน
"เขาไม่ควรจะตายในที่แบบนี้ เขามีความฝันและเขามีความสามารถที่จะทำตามความฝันนั้นสำเร็จ แต่เพราะสถานที่แห่งนี้…”"
“......”
"ทำไมท่านถึงพาเรามาที่นี่องค์ชาย? ทำไม? ท่านมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อะไรอยู่กันแน่? หรือชีวิตแสนไร้ราคาของพวกเรามันไม่มีความหมายอะไรในสายตาขององค์ชายเลยอย่างนั้นเหรอ?”
เดเมี่ยนร้องไห้ออกมาอีกครั้ง น้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมาจากดวงตาของเขา
"ช่วยคืนแวนให้ข้าด้วย ได้โปรดคืนสหายของข้ามาด้วย"
ข้ายังคงเงียบ ฟังทุกอย่างที่เดเมียนพูดและจากนั้นก็พยักหน้าสั้นๆ
"ถ้าอยากจะโทษกัน ก็เอาเลยเดเมียน หากอยากจะเกลียดจะชังกันนัก ก็เชิญเลย”
ข้าวางมือของข้าบนไหล่ที่สั่นของเดเมียน
"แต่เพื่อนของเจ้า แวนน่ะ ได้ยอมเสียสละชีวิตของตัวเองเพื่อมาช่วยเจ้าเอาไว้”
“......”
"แล้วเจ้าจะนั่งรอความตายต่อไปแบบนี้เหรอ?”
เดเมียนเริ่มตัวสั่นน้อยลง ข้าเปล่งน้ำเสียงของข้าให้ดังมากขึ้น
“เจ้าจะยอมแพ้กับชีวิตเพียงเพราะเจ้าอยู่ที่หน้าประตูแห่งความตายกับผู้บัญชาการขยะอย่างข้าเหรอ?”
"ข้า..."
"เจ้าต้องสู้”
ข้าออกแรงจับไหล่ของเดเมียนมากขึ้น
"เจ้าต้องแก้แค้น!”
“......”
"ฆ่าไอ้แมงมุมพวกนั้น กลับออกไปจากที่นี่ด้วยการมีชีวิตอยู่! แล้วก็สั่งสอนข้าซะ”
เรียบร้อย
ข้าเม้มริมฝีปากแล้วถามออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"เดเมียน เจ้าเองก็อยากฆ่าแมงมุมพวกนั่นใช่ไหม?”
ดวงตาใหญ่ของเดเมียนในแว่นตาเปื้อนเลือดยังคงดูมีความกังวล แต่เขาก็ไม่ได้ตัวสั่นอีกแล้ว
"ขอรับ”
"แล้วเจ้าเองก็อยากจะฆ่าข้าใช่ไหมล่ะ?”
สมาชิกปาร์ตี้คนอื่นๆ ต่างตกใจกับคำถามของข้า
เดเมียนคิดและตอบอย่างตรงไปตรงมา
"ขอรับ”
"ก็ดี”
ข้าปล่อยมือออกจากไหล่ของเดเมียนและชี้นิ้วหัวแม่มือมาที่ตนเอง
"ข้าขอสัญญาเลยว่าหากพวกเรารอดออกไปจากที่นี่กันได้ เจ้าจะเป็นคนชี้นำว่าชีวิตของข้าผู้นี้ควรจะจบลงเช่นไร จะอย่างไหนก็ได้ทั้งนั้นเลย”
"องค์ชาย?!”
ลูคัสตกใจกับคำพูดของข้าและพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่ข้าเหยียดมือและห้ามเขา
"หากแผนนี้เกิดล่มขึ้นมา ยังไงพวกเราก็ต้องมาตายอยู่ที่นี่แน่ หากมันเป็นแบบนั้น ข้าก็จะให้เจ้าเป็นคนดับลมหายใจของข้าเอง ขอสัญญาด้วยการเอาชื่อของราชวงศ์เป็นเดิมพัน”
“......”
"ขอแค่วันเดียวก็พอ ช่วยทำตามคำสั่งของข้าคนนี้ด้วยเถอะนะ”
ดวงตาของเดเมียนที่มองขึ้นมาที่ข้าค่อยๆ สงบลง ข้าได้แต่หัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา
บางครั้งคนเราก็ต้องเอาความโกรธแค้นมาเป็นแรงผลักดัน
แม้ว่ามันจะเป็นความโกรธแค้นที่มีต่อตัวข้าเองก็เถอะ
เดเมียนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
ข้ามองไปรอบข้างพร้อมด้วยรอยยิ้ม สมาชิกทั้งสี่คนมองมาที่ข้า
ในที่สุดไพ่ในมือของข้าก็มีครบแล้ว
"เอาล่ะนะทุกคน”
ข้าเองก็ไม่รู้ว่าไพ่ในมือมันเป็นรอยัลสเตรทฟลัชหรือฟลัช หรือแค่ไพ่บอลกันแน่
แต่ข้าเองก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากต้องทุ่มมันหมดหน้าตักอยู่ดี
"ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะสั่งการปฏิบัติการเอง!”