บทที่ 3: [ด่าน 0] แม้ท้องฟ้าจะถล่มลงมา
บทที่ 3: [ด่าน 0] แม้จะอยู่ใต้ผืนฟ้าที่พังทลาย
ฐานปฏิบัติการแนวหน้าของเมืองป้อมปราการครอสโรด
ในห้องผู้บัญชาการ
“......”
ข้าจ้องไปที่กระจกอย่างจริงจัง
มีชายคนหนึ่ง ผมสีดำและดวงตาสีดำเข้มยืนอยู่ หล่อเหลาจนดูเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาด
เจ้าชายองค์ที่สามแห่งจักรวรรดิ แอช 'วอน ไฮเตอร์' เอเวอร์แบล็ค
นั่นคงเป็นชื่อของชายหนุ่มรูปหล่อที่ข้าเข้ามาสิงร่าง
“เฮ้อ พระเจ้าเอ้ย…”
ข้าได้แต่ต้องยอมรับมัน
ยอมรับความจริงที่ว่าข้าได้เข้าสู่โลกของเกมแล้วในฐานะตัวประกอบที่เสียชีวิตในบทช่วยฝึกสอน
และบทช่วยฝึกสอนจะเริ่มต้นทันทีที่ดวงอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้
"ทำไม?! ทำไมถึงต้องเป็นคนผู้นี้ด้วย!”
ข้าเช็ดหน้าด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกับส่งเสียงครวญครางออกมา
หน้าต่างระบบลอยแสดงอยู่ตรงหน้าข้า และมีคำอธิบายมากมายเกี่ยวกับแอช
[สรุปตัวละคร -แอช 'วอน ไฮเตอร์' เอเวอร์แบล็ค]
บทสรุปมีความยาวพอๆ กับเรื่องสั้น แต่นี่คือบทสรุปทั้งหมดในชีวิตเขา
ลูกชายคนเล็กของราชวงศ์จักรวรรดิเอเวอร์แบล็ก เจ้าชายคนที่สาม แอช
แอชเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เยาว์วัย นิสัยของเขาโหดร้ายและบ้าคลั่งมาก
ตั้งแต่วัยเด็กเขามักจะทำทุกสิ่งที่เขาต้องการและกำจัดสิ่งที่เขาไม่ชอบออกไป
เหตุการณ์และอุบัติเหตุทุกประเภทที่เกิดขึ้นในวัง ล้วนเป็นฝีมือของแอช
เมื่อเขาเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เขาจัดงานปาร์ตี้ทุกวันกับขุนนางและสตรี ใช้ชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่ายและปล้นทรัพย์สมบัติของจักรวรรดิ
เขาดูถูกอัศวินและบริวารของเขา และก่อให้เกิดความขัดแย้งมากมาย
เมื่อการปกครองแบบเผด็จการรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และความไม่พอใจมากมายเกิดขึ้นภายในเมืองหลวง จักรพรรดิจึงก็ใช้มาตรการพิเศษ
“แอช ข้าแต่งตั้งให้เจ้าเป็นลอร์ดและผู้บัญชาการเมืองป้อมปราการครอสโรด”
“จงหยุดสัตว์ประหลาดที่นั่นและมีส่วนร่วมในการปกป้องความสงบสุขของจักรวรรดิเสีย”
การแต่งตั้งครั้งนั้นเหมือนเป็นการเนรเทศและการลดตำแหน่ง
เมืองป้อมปราการครอสโรดตั้งอยู่ทางตอนใต้ขอบสุดของโลก
สัตว์ประหลาดที่โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบยักษ์ทางตอนใต้ได้พุ่งโจมตีใส่เมืองอย่างไม่สิ้นสุด
มันคือด่านหน้าขวางกั้นสัตว์ประหลาดที่โหดร้ายที่สุดในโลก โดยเฉลี่ยมีผู้เสียชีวิตหลายพันคนต่อปี
การหยุดสัตว์ประหลาดที่นี่หมายความว่าเขาจะไม่มีวันได้หยุดต่อสู้กับสัตว์ประหลาดไปตลอดชีวิต
แอช ไอ้บัดซบเอ้ย
ในวันแรกที่ดำรงตำแหน่ง เขานำกองทหารจักรพรรดิส่วนใหญ่ที่ติดตามมาจากเมืองหลวง พร้อมด้วยทหารรับจ้างที่ประจำการอยู่ในเมืองที่มีป้อมปราการ และเคลื่อนทัพไปทางใต้
“สิ่งที่ข้าต้องทำคือทำลายแหล่งกำเนิดที่มอนสเตอร์หลั่งไหลออกมาให้หมดสิ้น!”
ความคิดของแอชค่อนข้างถูกต้อง
เพราะนั่นคือวัตถุประสงค์หลักใน....
.
ปัญหาคือเรื่องเวลา เพราะวันที่แอชออกเดินทางพร้อมกองทหารของเขานั้นเป็นวันที่เหล่าสัตว์ประหลาดซึ่งได้สงบมาตลอดทศวรรษเริ่มเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง
ทันทีที่แอชและคนของเขามาถึงด่านหน้า พวกเขาก็ถูกล้อมรอบด้วยกองทัพแมงมุมสีดำที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น และพวกเขาต้องต่อสู้อย่างนองเลือดเป็นเวลาสามวันสามคืน
และในวันที่สี่ ด่านหน้าแทบพังทลาย
กองกำลังที่ประจำการตายจนหมดสิ้น
ลูคัส ซึ่งเป็นตัวละครหลักที่เป็นผู้คุ้มกันของแอชก็ได้หลบหนีไปพร้อมกับเขา แต่ในที่สุดแอชก็เสียชีวิตขณะหลบหนี
ในท้ายที่สุด ลูคัสจะรอดชีวิตเพียงลำพังและกลับมายังครอสโรด
เขาปกป้องครอสโรดในฐานะตัวละครหลัก และในขณะเดียวกันก็โจมตีดันเจี้ยนที่เป็นแหล่งกำเนิดของสัตว์ประหลาด...
…นั่นคือเรื่องราวเบื้องต้นของเกม
แต่นั่นไม่ใช่ส่วนสำคัญ!
'ตัวข้ามันบัดซบ'
ข้าเช็ดเหงื่อเย็นเหยียบที่ไหลออกจากใบหน้า
'แอช เจ้าสารเลว! เจ้าควรจะอยู่ในเมืองป้อมปราการ ทำไมเจ้าถึงออกมา! ทำไม?!'
ข้ามั่นใจว่าถึงจะอยู่ในวิกฤตแบบใด ข้าก็สามารถผ่านไปถึงจุดจบได้
เพราะข้าเป็นคนเดียวที่สามารถเคลียร์เกมในระดับความยากที่โหดร้ายที่สุดได้
แต่นั่นไม่ใช่กับบทช่วยฝึกสอน ซึ่งเป็นที่ที่ข้าอยู่ในปัจจุบัน
“ไม่มีทางทำได้แน่ บทฝึกสอนมันไม่มีทางชนะได้เลย'
ระดับของการฝึกสอนที่มีนั้นถูกออกแบบให้ไม่สามารถเคลียร์ได้
มีสัตว์ประหลาดจำนวนมากที่มีระดับและค่าสถานะที่สูง แตกต่างจากทหารที่นี่
ในเกมนี้ที่เวลาในเกมจะดำเนินเป็นเวลาสามปี สัตว์ประหลาดจากกองทัพแมงมุมดำจะปรากฏขึ้นเมื่อถึงช่วงครึ่งปีที่สองเท่านั้น
ทว่าในบทฝึกสอนนี้ พวกมันมีจำนวนนับร้อย ไม่มีทางที่ข้าจะชนะได้เลย
ในท้ายที่สุด ลูคัสก็ได้กลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากการต่อสู้ในขณะที่เขาพยายามหลบหนี
'…คลาสสิคเนิร์ด ตั้งสติไว้สิตัวข้า'
ข้าพยายามที่จะค่อยๆ คิดอย่างดีที่สุดและใจเย็น ข้าเอามือตบแก้มสองครั้ง
'ในเมื่อเกมมันเคลียร์ได้ หากนี่คือบททดสอบที่มอบให้ข้าโดยใครบางคน มันก็ต้องมีวิธีผ่านสิ'
ถูกต้องแล้ว
สถานที่แห่งนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นโลกจริง แต่ว่าในโลกเกม ข้าเคยเคลียร์มันไปแล้ว
ข้าเข้าใจตัวเกมอย่างท่องแท้
มากกว่าผู้ใด
หากข้าใช้ความรู้และประสบการณ์ทั้งหมด ถึงข้าจะตกหลุม ข้าก็สามารถพุ่งออกมาได้ แม้ท้องฟ้าจะถล่มลงมา ข้าก็รอดไปได้
'ก่อนอื่น ข้าต้องรู้ไพ่ในมือและไพ่ของศัตรู'
ข้าต้องรู้สิ่งที่ข้ามีและสิ่งที่ศัตรูมี
ประการแรก สิ่งที่ศัตรูมี
ข้อมูลศัตรูสามารถดูได้ในหน้าต่างระบบ โอ้ช่างใจดีจริงๆ เชียว
“ไหนขอดูสิ…”
[ข้อมูลของศัตรู - ด่าน 0]
- ระดับ?? ราชินีแมงมุมดำ: 1 ตัว
- ระดับ .60 แมงมุมดำคร่าสังหาร: 196 ตัว
- ระดับ .55 พลแมงมุมดำ: 912 ตัว
เนื่องจากธรรมชาติของกองทัพแมงมุมดำที่อาศัยอยู่เป็นฝูง ราชินีจึงปรากฏตัวออกมา แต่มันไม่มีความสามารถในการต่อสู้ ดังนั้นราชินีไม่ใช่ปัญหา
ปัญหาที่แท้จริงคือจำนวนและระดับของแมงมุมพวกนีเ อะไรกันวะ? ระดับ 55? 60? ตัวเลขพวกนี้มันอะไรกัน? จำนวนเกินพัน? นี่มันแกล้งกันชัดๆ
“โอ้… โอ้ หัวข้า…”
ข้าเอาแขนโอบรอบศีรษะด้วยความสิ้นหวัง
ข้าคงถึงฆาตแล้ว ไม่ว่าข้าจะคิดยังไง ข้าก็ถึงฆาตแล้ว ข้าจะไปเอาชนะเจ้าพวกนี้ได้ยังไง?
'ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ ข้าต้องตรวจสอบสิ่งที่ข้ามี'
ข้าเปิดหน้าต่างข้อมูลพันธมิตรที่มีขึ้นมา หน้าต่างที่มีข้อมูลจำนวนมากปรากฏขึ้น “เอาล่ะ มาดูกัน… ความทนทานของกำแพงป้อม… กำลังจะพังหมดลงแล้ว”
ลูกศร ลูกกระสุนปืนใหญ่ อาหาร และเวชภัณฑ์กำลังจะหมด กำลังใจยังต่ำอีกด้วย อืม มีอะไรที่เรายังไม่หมดอีกเนี่ย?
'สิ่งเดียวที่ใช้ได้คือปืนใหญ่มานาสินะ ฮืมม'
[สิ่งประดิษฐ์ - ปืนใหญ่มานาโบราณ (SR)]
ปืนใหญ่ยักษ์ที่ติดตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของด่านหน้าครอสโรด
มันเป็นอาวุธที่มีพลังการยิงที่แข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้ มันควบแน่นและยิงพลังงานเวทย์มนตร์โดยใช้เทคโนโลยีโบราณ
'เจ้าสิ่งนี้ถูกใช้เพื่อที่จะสามารถทำให้ตัวละครหลักหนีออกไปได้สินะ'
หลังจากที่กองทหารทั้งหมดถูกกวาดล้างออกไป ด่านหน้าก็จบสิ้นกันแล้ว
ลูคัสจึงพาแอชขึ้นหลังแล้วหลบหนีไป หลังจากยิงลูกปืนใหญ่ยื้อเวลาพวกกองทัพแมงมุมดำ
ในระหว่างการหลบหนี ลูคัสพยายามอย่างที่สุดเพื่อปกป้องแอช แต่แอชกลับถูกแมงมุมดำจับไว้และถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ
ฉากสุดท้ายของบทช่วยสอนคือลูคัสทิ้งแอชไว้ทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงกรีดร้องและวิ่งหนีไปทั้งน้ำตา
'ข้าไม่อยากตายแบบนั้น'
เมื่อข้าจินตนาการถึงฉากที่ข้าต้องถูกแมงมุมยักษ์กินทั้งเป็น ข้าก็แทบจะอ้วกออกมา
'มีวิธีหลบหนีอื่นอีกไหมนะ?'
ข้าได้แต่คิดหาทาง หรือว่าจะพาทั้งกองทัพหนีไปช่วงมืด แต่พอคิดไปคิดมา ข้าก็ส่ายศีรษะไปมา
แมงมุมพวกนั้นจะออกหากินหลังพระอาทิตย์ตกดิน การออกไปรังแต่จะสร้างความเสี่ยง
บนพื้นราบ ความเร็วของกองทัพแมงมุมดำเทียบได้กับความเร็วของม้าศึก การออกจากป้อมปราการก็เหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย
'มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีชีวิตรอดด้วยการหนี ข้าต้องหาทางอื่นที่มีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่า'
มีหลายวิธีเข้ามาในใจข้าทีละอย่าง จิตใจที่สับสนของข้าค่อยๆ สงบลง
ข้าต้องตรวจสอบหาวิธีการและคิดอย่างใจเย็น
เมื่อเล่นเกมในโหมดไอรอนแมน การบันทึกและโหลดเกมจะไม่สามารถทำได้ ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่ผู้เล่นทำอะไรผิดพลาด เกมนั้นก็จะเจ๊งในทันที
ด้วยเหตุนี้ การค้นหาแผนที่เหมาะสมที่สุดในทุกวินาทีจึงเป็นเรื่องสำคัญ
เขาคิดแล้วคิดอีก
เพราะเขาเล่นเกมนี้มาครึ่งปีแล้ว เขาจึงรู้เรื่องหนึ่ง เกมนี้มีวิธีเอาตัวรอดอยู่เสมอ
อาจบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่มโอกาสรอดชีวิตสูงกว่านี้
อาจมีบางอย่างที่ข้าสามารถใช้ได้...
ข้าต้องหามัน
“......!”
เมื่อนึกถึงเรื่องบางเรื่องได้ ข้าก็รีบเปิดหน้าต่างระบบอย่างรวดเร็ว จากนั้นหน้าจอที่ข้ากำลังค้นหาก็ปรากฏขึ้น
หน้าต่างปาร์ตี้
[ปาร์ตี้หลัก (5/5)]
- Lv.1 แอช (EX)
- Lv.25 ลูคัส (SSR)
- Lv.15 ลิลลี่ (R)
- Lv.15 เคน (N)
- Lv.10 เดเมียน (N)
ข้ากลืนน้ำลายที่แห้งเผือด
'นี่ไงล่ะ'
เกมนี้เป็นเกมที่ฮีโร่หลายร้อยคนถูกนำมารวมปาร์ตี้กันและส่งไปยังสนามรบ
ฮีโร่จะได้รับการจัดการเป็นกลุ่ม โดยปาร์ตี้ประกอบด้วยห้าคน ของบทฝึกสอนก็มีห้าคน
'ถึงฉันจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในบทฝึกสอนไปพอสมควร แต่ข้าก็ไม่มีทางลืมสมาชิกปาร์ตี้ฝึกสอนหรอก'
พวกเขาเป็นสหายที่น่าสงสาร ที่เพียงแต่บอกผู้เล่นถึงวิธีการเล่นแล้วก็ตายไปทีละคน
'จากห้าคนนี้ สี่คนจะต้องตาย ยกเว้นลูคัส'
เพราะพวกเขาถูกกำหนดให้ต้องตาย ผู้พัฒนาจึงเพิ่ม 'เรื่องตลก' เข้าไปเล็กน้อย
มันคือสิ่งที่ไม่สามารถใช้ในเกมได้ สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น
'ถ้านี่คือโลกภายในเกมนั้นจริงๆ ไอ้ 'เรื่องตลก' ที่ผู้สร้างได้เอามาวางไว้นั้นก็ยังต้องคงอยู่'
และถ้าข้าสามารถใช้สิ่งนั้นให้เป็นประโยชน์ได้ล่ะก็…อาจจะมีความเป็นไปได้ที่...
แม้โอกาสจะน้อยนิด แต่มันต้องเป็นแผนที่ใช้ได้แน่
“ลูคัส!”
ข้าเปิดประตูออกไปแล้วเอาหน้าเข้าไป ลูคัสซึ่งกำลังงีบหลับอยู่ข้างนอกและยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ก็มองมาที่ข้าด้วยความประหลาดใจ
"ขอรับองค์ชาย! เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”
“รวบรวมปาร์ตี้ของข้ามาให้หมด!”
ลูคัสกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ
“ตามปาร์ตี้…ท่านหมายถึงองครักษ์ของท่านหรือเปล่าองค์ชาย? ท่านไม่เคยเรียกพบพวกเขามาก่อน ทำไมจู่ๆ ถึง…”
“อา หยุดพูดแล้วพาพวกเขามา!”
ข้าชี้นิ้วชี้ไปที่ลูคัสแล้วยิ้มอย่างมั่นใจ
“เพราะข้าคิดถึงแผนที่จะรอดจากสถานการณ์ตอนนี้ได้แล้ว!”
ผ่านไปชั่วครู่
ที่โถงทางเดินหน้าห้องของข้า สมาชิกปาร์ตี้ฝึกสอนทั้งห้าคนมารวมตัวกัน
ข้า ลูคัส.
และสามคนหน้าใหม่
'พวกเขาคงเป็นลิลลี่ เคน และเดเมียน…'
ข้ามองดูใบหน้าที่คุ้นเคยของพวกเขา
ที่จริงมันก็เป็นปกติที่ข้าควรจะคุ้นเคยกับใบหน้าของพวกเขา เพราะข้าเคยเห็นพวกเขาตายมานับครั้งไม่ถ้วน
ลิลลี่เป็นผู้หญิง ผมสีแดงสวมและเสื้อคลุมของแม่มด
เคนเป็นชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะโกนผมจนเกลี้ยง
และเดเมียนก็คือ...
“ทำไมเขาถึงไปอยู่ที่มุมห้องล่ะ?”
เขาเป็นเด็กชาย ผมหยิกสีน้ำตาล ใส่แว่นตา และแต่งกายด้วยชุดนักบวช
หน้าตาของเขาดี แต่เขาหลบอยู่มุมห้องร้องไห้คนเดียว ทำไมเขาถึงเป็นเช่นนั้นเล่า?
“วันนี้เดเมียนเพิ่งสูญเสียเพื่อนของเขาไป ท่านได้โปรดเข้าใจด้วย”
ลิลลี่ยิ้มอย่างขมขื่นขณะขอให้ข้ายกโทษให้เดเมี่ยน
เดเมียนเป็นหนึ่งในผู้รักษาไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในที่นี่ และดูเหมือนว่าเขาจะดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บทุกคนมาจนถึงตอนนี้
เมื่อสักครู่นี้ สหายใกล้ชิดของเขาเสียชีวิตด้วยอาการบาดเจ็บ
“ฮึกกกก… ฮึกกก…”
เดเมียนไม่อาจหยุดร้องไห้ได้ เพราะเขายังนึกถึงภาพสหายของเขาที่นอนตายจมกองเลือดอยู่เลย
ลิลลี่ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เดเมียน ลูบหลังของเขาเบาๆ
'ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว เขาก็เป็นเช่นนั้นในบทฝึกสอนของเกมเหมือนกันสินะ'
เพราะเขาติดสถานะดีบัพอย่างเช่น 'ความกลัว' หรือ 'ความสับสน' ตั้งแต่เริ่มต้น เขาจึงเป็นคนแรกที่เสียชีวิต
ข้าจำได้ว่าข้าไม่สามารถใช้เขาได้เลย แม้ว่าเขาจะมีบทบาทที่สำคัญที่สุดอย่างการเป็นฮีลเลอร์ก็ตาม
“ข้าเข้าใจความเศร้าโศกของเจ้า แต่จงลุกขึ้นมาก่อน เดเมียน! มันถือว่าเป็นเป็นโศกนาฏกรรมจริงๆ ที่เจ้าสูญเสียสหายไป แต่เจ้าต้องอยู่รอด!”
ข้าพูดพร้อมกับตบไหล่เดเมี่ยน แต่เขาก็ยังคงร้องไห้ต่อไป
อัศวินเคนมองมาที่ข้าอย่างไม่พอใจแล้วก็พูดขึ้นมา
“'ต้องรอด' หรือ? องค์ชาย พระองค์คิดจริงๆ หรือว่าท่านเหมาะแก่การพูดคำเช่นนั้นออกมาด้วย?”
“หืม?”
ข้ามองไปที่เคน เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มด้วยความรู้สึกไม่พอใจ—
"ต้องรอดบ้าอะไรวะ? ยังไงล่ะ? เราทุกคนกำลังจะตายเพราะเจ้า ไอ้สารเลวเอ้ย!”
เดี๋ยวก่อน มาว่าข้าอย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลย ข้าก็ตกเป็นเหยื่อเหมือนกันนะ ข้าเพิ่งเข้ามาในร่างของแอช หลังจากที่เจ้าสารเลวคนนี้ทำเรื่องเลวร้ายทิ้งไว้ข้า
นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการจะพูด แต่ข้าก็ไม่สามารถพูดได้ ใครจะเชื่อคำพูดเช่นนี้กัน?
และที่สำคัญที่สุด ข้าเข้าใจความรู้สึกของเคนดี
ผู้บัญชาการที่ถูกส่งลงมาจากเมืองหลวง ได้รีบนำกองทัพทั้งหมดเข้าไปในค่ายของศัตรู สาเหตุที่เขาโกรธ ข้าเข้าใจดี
…ใช่ เข้าใจดี แต่ว่า…
“เคน”
ข้าจะมาถอยเอาตอนนี้ไม่ได้
“ด้วยฐานะบุตรชายขององค์จักรพรรดิและเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้แล้ว เจ้ากล้าปฎิเสธคำสั่งของข้าไหม?”
เคนตกใจเมื่อข้ากล่าวขึ้นมา ทันใดนั้นเขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าเจ้าชายตรงหน้าเขาเป็นไอ้โรคจิต
ข้ายกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย
'หากข้าทำอะไรผิดไป ทุกอย่างก็ได้จบเห่กันแน่ เพราะแผนการที่ข้ากำลังจะบอกกับพวกเขาตอนนี้มันฟังดูไร้สาระและฟังดูบ้าบอมาก'
ข้ามีแต่ต้องทำให้พวกเขายอมทำตามไปแต่โดยดี โดยไม่มีการลังเล
“ลูคัส!”
ดังนั้นแล้ว…
“ตัดหัวอัศวินหยาบคายผู้ดูถูกราชวงศ์และผู้บัญชาการทหารสูงสุดเดี๋ยวนี้!”
เนื่องจากข้าได้เข้ามาในร่างของไอ้บ้า ข้าจึงตัดสินใจแกล้งทำเป็นบ้าซะเลย