บทที่ 134 รวมตัวผู้แข็งแกร่งที่ตระกูลหลิน
บทที่ 134 รวมตัวผู้แข็งแกร่งที่ตระกูลหลิน
“ในที่สุดนางก็มาถึง” หลินเทียนยิ้มอย่างบิดเบี้ยว
หลินเทียนถึงแม้ไม่เคยเห็นเฟิงซินหยู แต่ถ้าดูจากที่น่งทำ เขารู้สึกรังเกียจนางอย่างมาก
เขาจะไม่มีทสงยอมให้หญิงสาวผู้นี้มาเป็นลูกสะใภ้ และแนนอน หลินเป้ยเองไม่ต้องการเช่นเดียวกัน
“เรารีบไปที่ลานประลองกันเถอะ ในตอนนี้ ผู้คนส่วนมากก็อยู่ที่นั่นกันหมดแล้ว ส่วนหลินเป้ย ข้าได้ส่งคนไปแจ้งให้เขาทราบแล้ว ข้าเชื่อว่าเขาจะมาในไม่ช้าหลังจากได้รับข่าว” หลินคังกล่าว
“ตกลง” หลินเทียนพยักหน้า
หลินเทียนมาที่ลานประลองของตระกูล และมาถึงบริเวณที่ตระกูลหลินอยู่ เขามาถึงแถวที่นั่งระดับสูงของตระกูลแล้วนั่งลง
พื้นที่นี้มีไว้สำหรับผู้ที่อยู่ระดับผู้อาวุโส แถวถัดไปสำหรับกงเฟินตระกูลหลินและผู้มีอำนาจคนอื่นๆ รวมถึงอัจฉริยะบางคนของตระกูลด้วย
หลังจากที่อัจฉริยะของตระกูลหลินได้รับโอสถรวบรวมปราณระดับสูงสุด พวกเขาก็บ่มเพาะอย่างหนักเพื่อปรับปรุงการฝึกฝนของพวกเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องในครั้งนี้น่าจับตามอง พวกเขาก็คงยังไม่ออกมาจากการเก็บตัวแน่ๆ
เดิมทีหลินเป้ยเป็นขยะไร้ค่า แต่เมื่อเขาเอาชนะโจวหยวนได้ ทำให้อัจฉริยะหลายคนในตระกูลหลินให้ความสนใจกับหลินเป้ย
ตอนนี้ หญิงสาวอัจฉริยะแห่งเมืองหลวงมายกเลิกการหมั้นหมาย ทำให้พวกเขาต้องการดูว่าหลินเป้ยจะจัดการกับมันอย่างไร
มีข่าวลือว่าเฟิงซินหยูคนนี้เป็นปรมาจารย์นักรบที่แข็งแกร่ง และนางอายุเพียง 18 ปี ซึ่งมีอายุพอๆ กับอัจฉริยะของตระกูลหลินที่นี่
แต่อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลหลิน หลินหรงไค่ บุตรชายของผู้อาวุโสสูงสุดนั้นอยู่ขอบเขตปรมาจารย์นักรบขั้น 6 แต่เขาอายุ 19 ปีแล้ว และทำให้ช่องว่างมันชัดเจนในทันที .
เดิมทีหลินหรงไค่อยู่ที่ขอบเขตปรมาจารย์นักรบขั้น 4 แต่ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาใช้โอสถรวบรวมปราณจำนวนมาก ทำให้ฐานบ่มเพาะของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงสองขั้นในทันที
สิ่งนี้ทำให้หลินหรงไค่มีความมั่นใจอย่างมาก ในบรรดาคนรุ่นใหม่ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีในตระกูลหลิน เขาดูถูกทุกคน
สิ่งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของทรัพยากร ตราบใดที่ความสามารถไม่แย่จนเกินไป ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้
แต่หากไม่มีทรัพยากรที่เพียงพอ ไม่ว่าพรสวรรค์จะดีเลิศแค่ไหน ก็ไม่สามารถพุ่งทะยานได้เต็มที่
“หลินเทียน ตอนนี้ข้าอยากรู้ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร? มีกองกำลังมากมายในเมืองชิงหลินที่กำลังเฝ้าดูอยู่ หากตระกูลหลินเสียหน้า แสดงว่าพวกเจ้าคือคนบาปแห่งตระกูลหลิน” ผู้อาวุโสหกหลินหลง กำลังนั่งอยู่ไม่ไกลจากหลินเทียน แค่นเสียงอย่างเย็นชา
“ผู้อาวุโสหกไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าเชื่อว่าลูกชายของข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ดี ข้ายังเชื่อว่าไม่ใช่ว่าบุตรของข้าที่ไม่คู่ควร แต่ที่หญิงสาวจากตระกูลเฟิงตากหาก ที่ไม่คู่ควรกับบุตรของข้า” หลินเทียนพูดเบาๆ
หลินเทียนคิดว่า อาจารย์ของหลินเป้ยนั้นเป็นนักปรุงยาตุผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งการฝึกฝนของเขานั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ และแน่นอนว่าเขาต้องไม่ได้เป็นคนในอาณาจักรชิงหยาน เพราะสำนักใหญ่ทั้ง 4 ย่อมไม่มีผู้แข็งแกร่งขนาดนี้อย่างแน่นอน
ความแข็งแกร่งเช่นนี้ สามารถครอบครองได้โดยกองกำลังสูงสุดเหล่านั้นในโลกภายนอกเท่านั้น
พิษเย็นเก้าหยิน ซึ่งแม้แต่นิกายดินแดนศักดิ์สิทธิ์บางแห่งยังแก้ไขไม่ได้ แต่อาจารย์ของหลินเป้ยสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย เพียงเท่านี้ก็แสดงให้เห็นอะไรได้หลายๆ อย่างแล้ว
ตระกูลเฟิงเป็นเพียงหนึ่งในสิบตระกูลชั้นนำในอาณาจักรชิงหยานเท่านั้น และไม่มีสามารถเทียบได้กับนิกายในโลกภายนอกแม้แต่เสี้ยวเดียว
เป็นเพราะหลินเทียนเคยเห็นโลกภายนอกมาแล้ว ทำให้เขาสามารคิดเช่นนี้ได้ ถึงแม้มันจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็งของโลกก็ตาม
โลกภายนอกส่วนใหญ่ยังอยู่นอกเหนือความเข้าใจของเขา มันน่าตื่นเต้นมาก และแน่นอนว่ามันก็เต็มไปด้วยอันตรายเช่นกัน
“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าเอาความมั่นใจผิดๆ นี้มาจากไหน เพียงแค่บุตรเจ้าเอาชนะโจวหยวนได้ ก็คิดว่าเป็นที่หนึ่งในโลกแล้วหรือยังไง? ข้าบอกได้เลยว่าแม่นางเฟิงผู้นี้ แตกต่างจากโจวหยวนมาก เหมือนท้องฟ้ากับหุบเหวเลย” หลินหรงยิ้มเยาะ
หลินเป้ยมอบโอสถให้กับตระกูลหลิน แต่ผู้อาวุโสหกไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
เขารู้น้อยเกินไปเกี่ยวกับหลินเป้ยจริงๆ
หลังจากได้ยิน หลินเทียนจึงเพิกเฉยต่อหลินหลงอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่ายังไง ข้อเท็จจริงก็จะพิสูจน์ทุกอย่างได้เอง
ทางด้านตระกูลหลิว ผู้นำตระกูลหลิว หลิวจง ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เช่นเดียวกับหลิวหยินและหลิวเหยียน
หญิงสาวทั้งสองคนยืนกรานที่จะมา ทำให้หัวหน้าตระกูลหลิวต้องพาพวกนางมาด้วย
ส่วนบุตรชายคนโตของหัวหน้าตระกูลหลิวอย่าง หลิวหลัว ไม่ได้มา เพราะเขาเก็บตัวบ่มเพาะอยู่
หลิวหลัวเป็นพวกบ้าการบ่มเพาะมาก และกล่าวกันว่า เขาคืออันดับหนึ่งในกลุ่มคนรุ่นเยาว์ในเมือง ชิงหลินทั้งหมด
ปีนี้เขาอายุ 19 ปี ซึ่งแก่กว่าหลิวหยิน 3 เดือน
ในความเป็นจริง เขาอายุเกือบ 20 แล้ว และก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า ฐานการบ่มเพาะของเขาได้ไปถึงขอบเขตปรมาจารย์นักรบขั้น 7 แล้ว
ความแข็งแกร่งเช่นนี้ในเมืองเล็กๆ ถือว่าเป็นอัจฉริยะจริงๆ
อันที่จริงหลิวหลัวยังมีข้อได้เปรียบด้านอายุอีกด้วย เขาจะอายุ 20 ปีในครึ่งปี ซึ่งถ้าเขาอายุเกิน 20 ปี เขาก็จะไม่ใช่รุ่นเยาว์อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์ของหลิวหลัวนั้นค่อนข้างดี และด้วยการทำงานหนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะสามารถมาถึงระดับนี้ได้
สำหรับตระกูลโจว และสมาคมเงามืดยังดูสงบอยู่
ตู๋ไคซึ่งเป็นผู้นำสมาคมเงามืด เข้ามาด้วยตนเอง ซึ่งเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งในขั้นแรกของขอบเขตมหาปรมาจารย์นักรบ
เมื่อตู๋ไคมาถึง ออร่าปราณอันทรงพลังก็เปล่งออกมา และผู้อาวุโสตระกูลหลินที่มารับรองเขาก็ตกใจ
ยิ่งรู้ว่าตู๋ไคเป็นมหาปรมาจารย์นักรบ ผู้อาวุโสตระกูลหลินก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่
ในความเป็นจริง ตู๋ไคเพิ่งบุกเข้าสู่มหาปรมาจารย์นักรบเมื่อสองเดือนก่อนนี้เองเท่านั้น
ด้วยการตายของรองหัวหน้าผางชง ด้วยน้ำมือของหลินเป้ยทำให้เขาโกรธมาก แต่เมื่อนึกถึงเยันต์หุ่นเชิดอันทรงพลังในมือของหลินเป้ย ตู๋ไคก็รู้สึกกลัว แถมยังมีลูกบอลสายฟ้าที่ระเบิดได้นั่นอีก ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวโดยในตอนนี้ เขาแค่มาดูลาดเลาเท่านั้น
นี่เป็นเหตุผลในการเป็นพันธมิตรกับตระกูลโจวด้วย
หลินเป้ยคนนี้แปลกเกินไป ดังนั้นข้าต้องระมัดระวังตัว
ส่วนตระกูลโจว นำโดยผู้อาวุโสสูงสุดโจวต้วน พร้อมด้วยผู้คนมาไม่กี่ตน ซึ่งมีโจวเหม่ยรวมอยู่ด้วย
ที่จริงแล้วตระกูลโจวมาที่นี่ เพราะพวกเขาอยากเห็นตระกูลหลินเป็นตัวตลกเท่านั้น
เป็นเรื่องยากที่ตระกูลโจวจะเงียบเสียง พวกเขาไม่ได้พูดอะไรได้แต่มองดูอย่างเงียบๆ
ในไม่ช้า เฟิงซินหยูและผู้อาวุโสโม่ก็ถูกผู้อาวุโสของตระกูลหลินพาเข้ามา
“คารวะหัวหน้าตระกูลหลิน วันนี้ข้าทำบางอย่างที่พิเศษ แต่ข้าไม่คิดว่าวันนี้จะมีคนมากมายขนาดนี้” เฟิง ซินหยูทักทายหลินวู่จี้
การคำนับของผู้เยาว์ตระกูลเฟิงดูสุภาพมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในใจเฟิงซินหยูดูถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุด นางคือหนึ่งในอัจฉริยะที่มีมากเสน่ห์ในเมืองหลวง จะให้นางยกย่องชายชราที่มีขอบเขตมหาปรมาจารย์นักรบขั้น 10 มันช่างดูหมิ่นนางเสียจริงๆ!
ในความคิดของเฟิงซินหยู ผู้ที่อายุมากขนาดนี้แล้วยังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตมหาปรมาจารย์นักรบ มันช่างใช้ชีวิตมาเสียเปล่าจริงๆ
นางไม่เข้าใจว่าทำไมชายชราแห่งตระกูลเฟิงจึงยืนกรานที่จะให้นางแต่งงานกับตระกูลเช่นนี้ มันช่างน่ารังเกียจจริงๆ
หลินวู่จี้นั่งที่ตำแหน่งสูงสุดและอยู่ตรงกลางในพื้นที่ตระกูลหลิน ส่วนเฟิงซินหยูก็หาข้อมูลมาดีทำให้นางรู้ว่าชายชราที่อายุประมาณ 50 ปี ตรงหน้า คือผู้นำตระกูลหลินวู่จี้
เมื่อทุกคนในตระกูลหลินได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกายด้วยความโกรธ เป็นเพราะเฟิงซินหยูไม่ใช่หรือ ถึงได้มีผู้คนมากมายมาเช่นนี้?
ถ้านางไม่ป่าวประกาศเรื่องยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย แล้วคนพวกนี้จะมาชมความสนุกได้ยังไง?
หลินวู่จี้ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน หญิงสาวผู้นี้อายุเยาว์นัก แต่วิธีการของนางช่างน่ารังเกียจเสียจริง
“พวกเขาทุกคนได้ยินเกี่ยวกับแม่นางเฟิง และมาที่นี่เพื่อดูใบหน้าที่แท้จริงของเจ้า ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ที่ทำให้ตระกูลหลินของข้ามีแขกมามากมาย” หลินวู่จี้พูดอย่างไม่แสดงอารมณ์ออกมา