บทที่ 11 ต่างเชิญชวน
บทที่ 11 ต่างเชิญชวน
ถูกต้องแล้ว
หลังจากทะลวงเข้าสู่ขอบเขตการก่อตั้งรากฐานแล้ว เจียงเฉิงซวนก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นผู้ฝึกตนอิสระอีกต่อไป
นั่นคงจะเหนื่อยเกินไป
เขาต้องต่อสู้เพื่อทรัพยากรด้วยตัวคนเดียว
วิธีการนี้มันไม่คอ่ยมีประสิทธิภาพมากนัก
แม้ว่าหลังจากเข้าร่วมนิกายหรือตระกูลแล้ว ถ้าเขาต้องการทรัพยากร เขาต้องทำคุณประโยชน์ให้กับพวกเขา แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยเขาประหยัดพลังงานและเวลาได้มาก
ในอนาคตถ้าเขาต้องการวัตถุดิบที่ล้ำค่า แม้ว่ามันจะมีราคาแพงแต่เขาก็สามารถได้รับมัน โดยไม่ต้องดั้นด้นตามหาด้วยตัวเองคนเดียว
ส่วนกฎเกณฑ์ที่เขาต้องปฏิบัติตามนั้น หรืออิสรภาพที่สูญเสียไปนั้น
ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ
ทุกอย่างมีความสัมพันธ์กัน
ในขณะที่เจ้าถูกบังคับโดยกฎของนิกาย เจ้ายังได้รับการคุ้มครองจากนิกายด้วยเช่นกัน
แทนที่จะกังวลเรื่องนั้น เขาอาจจะคิดว่านิกายหรือตระกูลใดที่จะให้ประโยชน์สูงสุดแก่เขา
ในขณะนี้เจียงเฉิงซวนต้องการเพียงเข้าร่วมตระกูลผู้ฝึนตนเท่านั้น
มีสาเหตุบางประการที่ทำให้เขาไม่ต้องการเข้าร่วมกับนิกาย
อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือสภาพแวดล้อมในนิกายนั้นซับซ้อนเกินไป
พูดตรงๆ มีหลายฝักหลายฝ่ายภายในนิกาย
ตามที่เจียงเฉิงซวนรู้ นิกายเจียงยางที่เป็นเจ้าของปัจจุบันของตลาดเหอหยาง ถูกแบ่งออกเป็นสามฝ่าย
หากเขาเลือกที่จะเข้าร่วมนิกายเจียงยาง เขาจะต้องเข้าร่วมในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย มันจะทำให้เขาเสียผลประโยชน์ และต้องแบ่งผลประโยชน์ที่ได้รับเป็นหลายส่วนเกินไป
และนี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการแข่งขันกันระหว่างพรรคและฝ่ายนั้นจะใช้เวลาและพลังงานอย่างมากและส่งผลต่อการฝึกฝนของเขา
มันเป็นสิ่งที่เจียงเฉิงซวนไม่ต้องการที่จะเผชิญไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
แม้นิกายเจียงยางยังเป็นเช่นนี้ สถานการณ์ในนิกายอื่นก็คงไม่ดีไปกว่ากันแน่นอน
นี่เป็นเพราะกลไกการทำงานของนิกายต่างๆ ก็ไม่มีข้อแตกต่างกันมากนัก
ในทางกลับกัน เนื่องจากความสัมพันธ์ทางตระกูลนั้น ทำให้การต่อสู้และความขัดแย้งในตระกูลผู้ฝึกตนจึงค่อนข้างน้อยกว่าถ้าเทียบกับพวกนิกายต่างๆ
แม้ว่าจะมีการแข่งขันกันอยู่บ้าง แต่ก็เป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างเป็นมิตร
โดยส่วนใหญ่พวกเขาจะมุ่งความสนใจไปในทิศทางเดียวเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรที่แน่นอนไปเสียทั้งหมด
เพราะมันก็ยังมีนิกายที่ไม่แตกแยก และตระกูลผู้ฝึกตนที่แตกแยกจากภายในมากมายเช่นกัน
นั่นคือเหตุผลที่เจียงเฉิงซวนจำเป็นต้องตัดสินให้ดีและพิจารณาอย่างรอบคอบ
ณ ตอนนี้
เจียงเฉิงซวนไม่ได้ออกจากถ้ำของเขาเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจัดระเบียบและยกเลิกคาถาป้องกันก่อนที่จะเดินออกไป
เมื่อเขาออกมา เขาก็เห็นเสวี่ยเทียนหยางและคนอื่นๆที่รออยู่ที่นี่มานานแล้วทันที
เมื่อเสวี่ยเทียนหยางและคนอื่น ๆ เห็นเจียงเฉิงซวนออกมา ดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้น
เสวี่ยเทียนหยางเป็นคนแรกที่ยิ้มและพูดทักทายเขาว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ท่านควรเป็นสหายเต๋าเจียง, เจียงเฉิงซวนใช่ไหม?
ขอแสดงความยินดีที่ท่านประสบความสำเร็จในการทะลวงขอบเขตการก่อตั้งมูลรากฐาน ท่านมีโอกาสเข้าถึงขอบเขตปราการสีม่วงในอนาคต”
เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินดังนั้นพวกเขาก็พูดทันที
“สหายเต๋าเสวี่ยพูดถูก สำหรับสหายเต๋าเจียงที่จะประสบความสำเร็จในการเข้าถึงขอบเขตการก่อตั้งรากฐานได้ด้วยตัวเอง จะเห็นได้ว่าท่านมีความเพียร พรสวรรค์ และโชค ท่านจะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน
นิกายฟ้านิรันดร์นั้นต้องการคนความสามารถเช่นท่าน สหายเต๋าเจียง ท่านสามารถพิจารณาเข้าร่วมนิกายของข้าได้
ข้ารับประกันได้ว่าตราบใดที่ท่านเต็มใจที่จะเข้าร่วมนิกายฟ้านิรันดร์ เราจะมอบตำแหน่งผู้อาวุโสให้ท่านทันที
นอกจากนั้นยังจะมีถ้ำที่พัก เทคนิคการบ่มเพาะ และสิ่งประดิษฐ์มากมายให้ท่านได้เลือกอย่างอิสระ สหายเต๋าเจียง นิกายเราจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของกู่เฉียนซาน, เสวี่ยเทียนหยาง, ว่านตงไหล, ชิวยี่ซุยและคนอื่น ๆ ก็สาปแช่งในใจ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้พวกเขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะโต้เถียงกับกู่เฉียนซาน
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการคิดหาวิธีรับสมัครเจียงเฉิงซวนให้ได้
ถ้าเจียงเฉิงซวนเข้าร่วมกันองค์กรของพวกเขา ไม่เพียงแต่นิกายหรือตระกูลนั้นจะมีผู้ฝึกตนขอบเขตการก่อตั้งรากฐานอีกหนึ่งคนเท่านั้น แต่ในฐานะคนที่สามารถนำเจียงเฉิงซวนเข้าร่วมนิกายหรือตระกูลได้ พวกเขาก็จะได้รับรางวัลสำหรับการกระทำครั้งนี้ของพวกเขาด้วย
นี่เป็นเหตุผลหลักว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการรับสมัครเจียงเฉิงซวนเข้ากับนิกายหรือตระกูลของพวกเขาให้ได้
“สหายเต๋าเจียง ข้าไม่คิดว่าจะต้องบอกท่านเกี่ยวกับสถานะของนิกายเจียงหยางในโลกแห่งการฝึกตนของอาณาจักรหยุนแห่งนี้
เทคนิคการบ่มเพาะ สมบัติ และทรัพยากรการบ่มเพาะต่างๆในนิกายไม่ใช่สิ่งที่นิกายทั่วไปหรือตระกูลที่มีผู้นำอยู่ในขอบเขตปราการม่วงอื่นๆจะสามารถเปรียบเทียบได้
แม้ว่าข้าจะไม่สามารถสัญญากับท่านเกี่ยวกับตำแหน่งผู้อาวุโสได้ แต่ข้าก็ไม่มีปัญหาในการทำให้ท่านเป็นหัวหน้าหน่วยเหมือนกับข้า
และหากท่านโชคดี มันก็เป็นไปได้สำหรับท่านที่จะได้เป็นศิษย์ของบรรพบุรุษของนิกายเจียงยางซึ่งอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำในอนาคต
ข้าเชื่อว่าท่านจะเลือกถูก”
เสวี่ยเทียนหยางมีความมั่นใจมาก
ในความเป็นจริง เขาประสบความสำเร็จในการรับสมัครผู้ฝึกตนขอบเขตการก่อตั้งรากฐานให้กับนิกายของเขามากกว่าสองครั้งแล้ว
ในอดีตนั้นเมื่อผู้ฝึกตนที่พึ่งทะลวงสู่ขอบเขตการก่อตั้งรากฐานใหม่ได้ยินว่าพวกเขาสามารถเข้าร่วมนิกายเจียงหยาง ซึ่งเป็นหนึ่งในสามมหาอำนาจของอาณาจักรหยุน พวกเขาก็พยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจียงเฉิงซวนแสวงหาคือความมั่นคง ความสงบสุข และการที่เขาไม่ต้องแกว่งเท้าหาเสี้ยน
การมองผลลัพธ์ที่แตกต่างกันหมายถึงทางเลือกที่แตกต่างกัน
ในขณะนี้ว่านตงไหล, เย่เฟยเฉิน, ชิวยี่ซุย และเซินหรูหยานก็ทำการเชิญชวนเจียงเฉิงซวนและสัญญาหลายสิ่งหลายอย่างกับเขา
ข้อเสนอเหล่านี้คล้ายกับสิ่งที่กู่เฉียนซานพูดในตอนต้น
แต่เจียงเฉิงซวนไม่ได้ให้คำตอบในทันที เขาทำได้เพียงบอกไปว่าเขาต้องคิดอย่างรอบคอบและจะให้คำตอบกับทุกคนเมื่อเขาพิจารณาอย่างดีแล้ว
จริงๆ แล้ว เขาได้ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะเลือกใคร แต่เขาไม่ต้องการทำให้อีกห้าคนต้องเสียหน้า
ถ้าเขาปฏิเสธพวกเขาทันที มันก็ยากที่จะบอกว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร
พวกเขาอาจรู้สึกว่าเขาดูถูกพวกเขาและไม่ได้สนใจพวกเขา
หรือบางคนอาจผูกใจเจ็บ
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น ควรรอจนกว่าพวกเขาจะจากไปก่อนที่เขาจะเริ่มไปเยี่ยมคนที่เขาต้องการเข้าร่วมในภายหลัง
เขาเชื่อว่าตราบใดที่พวกเขาไม่ใจแคบเกินไป พวกเขาก็จะไม่มีความรู้สึกไม่ดีต่อเขาถ้าทำเช่นนี้
ในความเป็นจริง ความจริงที่ว่านิกายของพวกเขาได้ส่งพวกเขามาที่นี่เพื่อรับสมัครผู้มีความสามารถ หมายความว่าพวกเขาควรจะพูดคุยด้วยได้ง่ายมาก และน่าจะเข้าใจตรรกะหลายๆอย่างได้
มิฉะนั้น พวกเขามีแนวโน้มที่จะรับสมัครศัตรูแข็งแกร่งมากกว่าพวกพ้องที่แข็งแกร่ง