ตอนที่แล้วบทที่ 9: [ด่าน 0] ศึกชี้ชะตา (4)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 11: [เนื้อเรื่องเสริม] เมืองป้อมปราการ ครอสโรด

บทที่ 10: [ด่าน 0] สิ้นสุดด่านฝึกสอน


บทที่ 10: [ด่าน 0] สิ้นสุดการฝึกสอน

- โห้ พี่!

ในหน้าต่างแชทที่ว่างเปล่า บรรทัดข้อความหนึ่งได้ปรากฏขึ้น

- สุดจัดดดด! นี่พี่ไปทำอีท่าไหนถึงไปชนะมาได้เนี่ย?

ฉันถึงกับพูดไม่ออก

นี่เป็นข้อความแรกที่ฉันได้รับมาจากคนดู ตั้งแต่ฉันเริ่มหันมาสตรีมเกม

ขณะที่ฉันกำลังประหลาดใจ ก็มีบรรทัดหนึ่งปรากฏขึ้นมา

- ผมเพิ่มพี่เป็นช่องโปรดเลยนะ! แล้วเดี๋ยวพี่ก็จะมาสตรีมให้ดูอีกรอบได้ไหม?

แล้วจากนั้น...

...ฉันตอบกลับไปว่ายังไงกันนะ

อ๊ากกก!

ข้าลืมตาขึ้น

ความเจ็บปวดแสบร้อนได้แล่นผ่านแขนและไหล่ของข้า ขณะที่ข้าพยายามบังคับร่างกายส่วนบนให้ลุกขึ้น อึก!

"เจ็บ"

ข้ากลืนเสียงกรีดร้องที่เกือบจะออกมาลงไป จากนั้นข้ามก็ก้มลงไป และข้าก็ได้เห็นสภาพร่างกายของข้า

ผ้าพันแผลถูกพันรอบร่างกายส่วนบนของข้า มือทั้งสองข้างถูกปิดผนึกเหมือนมัมมี่และข้าไม่สามารถยกนิ้วได้เลย

"ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกัน..."

"ฝ่าบาท ทางที่ดีท่านเองก็พักผ่อนไปอีกสักระยะดีกว่านะคะ"

ขณะที่ข้ากำลังตรวจร่างกายที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ข้าก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา

"เดเมียนได้ทำการรักษาฝ่าบาทด้วยเวทรักษาไปแล้ว แต่ว่าเเผลที่ถูกเผาค่อนข้างสาหัสพอสมควร คงอีกนานกว่าจะหายสนิทแน่เลยเพคะ"

ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ข้ามองไปในทิศทางที่เสียงนั้นดังมา

คนผู้นั้นกำลังนั่งบนเตียงข้างๆ ข้า เป็นนักเวทชุดสีแดงคนหนึ่ง…กำลังเขียนเอกสารลงบนกองเอกสารข้างๆ นาง

ข้าพึมพำชื่อนางด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

"ลิลลี่?”

"ฝ่าบาท ท่านหลับไปนานถึง 3 วันเลยนะคะ"

ลิลลี่วางปากกาขนนกของนางลงและยิ้มออกมา

"ทั้งที่ฟันฝ่ามาถึงขนาดนั้นจนเอาชนะกองทัพแมงมุมมาได้แล้วแท้ๆ จนทำเอาทางนี้คิดไปว่าท่านจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้วซะอีก"

"นี่ข้า...รอดมาได้สินะ"

"ต้องขอบคุณการสั่งการของฝ่าบาทเลยค่ะ"

ลิลลี่ยักไหล่ของนาง โบกกระดาษในมือไปมา

“ฝ่าบาทอยากฟังรายงานไหม? หรืออยากจะพักผ่อนมากกว่านี้ก่อน?”

ข้าอยากจะพักผ่อนต่อเพราะความเจ็บปวดในร่างกาย แต่ตอนนี้การได้ยินรายงานมีความสำคัญมากกว่า ข้าจึงขอให้นางสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันมาให้ข้าฟัง

"จากการระเบิดครั้งสุดท้ายนั้นทำให้ราชินีแมงมุมของพวกมันได้ตายไป กองทัพแมงมุมดำจึงหยุดการเคลื่อนไหวทันที"

ลิลลี่รายงานผลสั้นๆ

"พวกเราชนะค่ะ ฝ่าบาท"

“......”

“ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่มีเดเมียนเป็นนักบวชที่รักษาได้…ในขณะที่เดเมียนกำลังรักษาผู้บาดเจ็บและคนอื่นๆ อยู่ กำลังเสริมก็มาถึงในวันที่สอง”

ลิลลี่ชี้ไปที่หน้าต่าง ข้าเห็นทหารกำลังยุ่งวุ่นวายที่ข้างนอก

"กองกำลังหนุนได้เข้ามาจัดการเรื่องศพของทางเราและพวกแมงมุมที่หยุดการเคลื่อนไหวกันไป ตอนนี้การจัดการก็ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ”

"...งั้นเหรอ?"

ตอนนั้นเองที่ข้าประหลาดใจพอสมควร

ข้ารอด

จากด่านฝึกสอนที่แสนสาหัสนี้ ด่านที่มันแทบจะเคลียร์ไม่ได้เลย

"ฝ่าบาท ฝ่าบาทเองก็ได้รับแผลไฟไหม้บริเวณมือ แขน ไหล่และลำคอมาด้วยนะคะ"

ลิลลี่บอกข้าถึงอาการบาดเจ็บของข้าด้วยเสียงที่วบายใจนัก

"หากฝ่าบาทกลับไปยัง 'ครอสโรด' แล้ว ก็อย่าลืมแวะไปยังโบสถ์ด้วยนะคะ แม้ว่าฝ่าบาทจะรักษาจนหายแล้ว ก็คงจะยังมีแผลเป็นหลงเหลืออยู่แน่"

"พอเอามาเทียบกับชีวิต แผลเป็นมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย"

ข้าคิดอย่างที่ข้าพูดจริงๆ ถ้านั่นคือสิ่งที่ทำให้มีชีวิตรอด รอยแผลเป็นและรอยไหม้ก็เป็นเพียงเหรียญรางวัลที่ข้ายินดีจะรับไว้

ข้าถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะที่ข้ามองไปยังลิลลี่ ลิลลี่ก็มีผ้าพันแผลพันรอบตัวนาง

"ลิลลี่ อาการบาดเจ็บของเจ้าเองก็...?"

"ตอนที่มานาของทางนี้ได้หมดไปแล้ว ก็โดนแมงมุมสารเลวพวกนั้นเอาขาของมันมาทิ่มจากทางด้านหลัง แล้วหลังจากนั้นราชินีของพวกมันก็มาตายไป ก็เลยไม่โดนเล่นงานอะไรเพิ่มเติมค่ะ"

ลิลลี่ยิ้มอย่างขมขื่นและตบขาของนาง

"บางทีก็คงจะเป็นเพราะว่ามันไปโดนเส้นประสาทแถวๆ เอวเข้า ก็เลยทำเอาไม่สามารถขยับส่วนล่างนี้ได้เลยค่ะ"

“......”

"ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลไปหรอก"

ลิลลี่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงใจเย็น จนข้าแทบพูดไม่ออก

"แค่รอดชีวิตมาได้แบบนี้ ก็นับว่าดีแล้วล่ะค่ะ"

“......”

ลิลลี่เปลี่ยนเรื่องคุย เพราะข้าดูจะไม่อยากพูดเรื่องนี้ต่อเลย

"ส่วนจำนวนผู้รอดชีวิตทั้งหมดนั้นหากไม่รวมไปถึงเหล่าพลปืนใหญ่สี่คน ก็มีลูคัส เดเมียน ตัวข้าแล้วก็ฝ่าบาทที่รอดมาได้ค่ะ"

“......”

8 คน

ทั้งที่ตอนเริ่มศึกครั้งก่อนก็มีกันตั้งหลายร้อยคน แต่พอมายามนี้กลับมีเหลือกันแค่ 8 คนเท่านั้นเอง

"เหอะ…"

ข้ากัดฟันและวางฝ่ามือที่พันไว้บนหน้าผาก

นี่มันไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ เหรอ?

มีวิธีที่ดีกว่าที่ข้ามองข้ามไปหรือเปล่า?

บางทีอาจมีวิธีที่ข้าจะช่วยคนได้อีกอย่างน้อยหนึ่งคนจากยามนั้นไหม…?

"ฝ่าบาท ท่านไม่ใช่พระเจ้านะคะ"

ลิลลี่กล่าวออกมาเมื่อเห็นข้ากำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์

"พอมาอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นแล้ว ก็ไม่มีทางเลยที่จะไปช่วยทุกคนเอาไว้ได้ ฝ่าบาทเองก็ได้ทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว จริงไหมคะ?"

"...แต่แรกแล้ว ข้าก็เป็นคนลากทุกคนมาที่นี่เองนะ"

ถึงแม้ตามจริงแล้ว มันจะเป็นไอ้แอสสารเลวบัดซบ ไม่ใช่ตัวข้าก็เถอะ แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ข้าจะใช้มันเป็นข้ออ้าง

ในเมื่อข้าได้มาอยู่ในร่างนี้ มันก็เป็นเรื่องที่คนอย่างข้ามีส่วนต้องรับผิดชอบไปด้วย

"ฝ่าบาท ไม่มีใครรู้ว่ากองทัพแมงมุมดำจะปรากฏที่นี่ ไม่มีใครรู้ว่าสัตว์ประหลาดจะเคลื่อนไหวด้วยจำนวนมหาศาลเช่นนี้มานานหลายทศวรรษ ก็เลยไม่มีใครสักคนที่คิดจะมาห้ามการเดินทัพของฝ่าบาทเลยแม้แต่น้อย"

ลิลลี่คิดถึงความรู้สึกของข้าและปลอบใจข้า

“กลยุทธ์ทางทหารของท่านอาจจะเสี่ยง แต่ก็ไม่ใช่ไร้ความหมาย ในช่วงสุดท้ายของการต่อสู้ ท่านแสดงไหวพริบและแผนการอย่างกล้าหาญ และในท้ายที่สุด ก็นำเราไปสู่ชัยชนะ”

“......”

"เพราะอย่างนั้นแล้ว ฝ่าบาทเองก็อย่าโกรธตัวเองไปเลยค่ะ"

ข้ากัดริมฝีปากล่างอย่างแรง

ในยามนั้นเอง ลูคัสก็บึ่งเข้ามาหลังจากเปิดประตู แล้วมองมาที่ข้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง

"ฝ่าบาท!”

ลูคัสรีบวิ่งไปข้างของเตียงของข้า

เนื่องจากลูคัสตัวใหญ่ มันจึงรู้สึกเหมือนมีโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ยักษ์วิ่งมาหาข้า

“ลูคัส!”

"เห็นฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาเช่นนี้ ข้าเองก็ดีใจสุดๆ ไปเลยขอรับ..."

น้ำตาได้ไหลออกมาจากดวงตาของลูคัส

"คือว่าฝ่าบาท ยังมีตรงไหนในร่างกายที่รู้สึกแปลกๆ บ้างไหมขอรับ? ข้าจะรีบเรียกเดเมียนมาเดี๋ยวนี้เลย"

"ไม่เลย ข้าสบายดี ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้นแหละ"

ข้ายิ้มและชี้ไปที่ผ้าพันแผลพันรอบร่างกายของเขา

"ไม่ใช่ว่าเจ้าเองก็บาดเจ็บหนักหรือไง? นี่หายดีจนไปไหนมาไหนแบบนี้ได้แล้วเหรอ?"

"ท่านเองก็รู้นี่ว่าความแข็งแกร่งเป็นหนึ่งในจุดแข็งของข้า!”

เฮ้อ ก็จริง เขาเป็นอัศวินระดับ SSR นี่นะ

ข้าโล่งใจที่ได้เห็นเขาไม่เป็นอะไร ลูคัสยิ้มออกมาและดึงเอกสารออกมาจากกระเป๋าของเขา

"ข้าได้รวบรวมรายชื่อผู้เสียชีวิตมาแล้วขอรับแล้วก็มีหลายคนที่พวกเราไม่สามารถหาร่างกลับมาได้ด้วย"

"แล้วตอนนี้ศพพวกเขาอยู่ที่ไหน?”

"ที่ราบทางด้านเหนือของฐานหลักครับ"

"ข้าจะไปดูพวกเขา”

ขณะที่ข้าลุกขึ้นยืนอย่างโซเซ ลิลลี่และลูคัสที่ตกใจก็เข้ามาหยุดข้าไว้

"ฝ่าบาท!”

"ไม่ได้นะเพคะ ฝ่าบาท! ท่านต้องใช้เวลาพักรักษาตัวมากกว่านี้...!"

“พวกเขาเสียชีวิตเพราะคำสั่งของข้า”

ข้ามีอาการปวดทั่วตัว แต่ข้าก็ไม่ยอมแพ้

"ข้าจะไปดูพวกเขา พยุงข้าลูคัส”

ลูคัสไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ลูคัสหันกลับมาและคุกเข่าลงกับพื้นโดยหันหลังมาหาข้า

“ได้โปรดเสด็จบนหลังข้าเถิดฝ่าบาท ข้าจะพาท่านไปที่นั่นเอง”

หลังของลูคัสกว้าง แม้จะมีการโยกไปมาเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าสะดวกดี

“ลูคัส เจ้าอยากเป็นพาหนะส่วนตัวของข้าไหม?”

“ถ้านั่นคือความปรารถนาของฝ่าบาท ข้าก็ยินดีจะทำ”

"ข้าล้อเล่น อย่าเอาจริงเอาจังเลยนะ”

ขณะที่ข้าออกจากอาคารโดยนั่งหลังลูคัส ข้าเห็นเด็กชายคนหนึ่งพิงกำแพงอยู่

นั่นคือเดเมียน ผู้รักษาที่มีผมสีน้ำตาลหยิกที่ยามนี้กำลังมองออกไปในระยะไกลด้วยสายตาเปล่า แว่นตาของเขาได้หักลงไปแล้ว เขาจึงถือมันไว้ในมือของเขา

"เดเมียน”

พอข้าเรียกชื่อเขา เขาก็ค่อยๆ หันหน้ามาหาข้า

“ฝ่าบาท ท่านฟื้นแล้ว”

"ตาของเจ้าเป็นยังไง?”

เขามีเลือดออกเมื่อเขาใช้ตาพันลี้มากเกินไป ดังนั้นข้าจึงกังวลว่าเขาอาจมีปัญหากับการมองเห็นของเขา

เดเมียนยิ้มเบาๆ ด้วยใบหน้าขาวซีด

"มันไม่เป็นไรแล้วขอรับ เมื่อวันก่อนเริ่มเห็นเพิ่มอีกนิดหน่อย ตอนนี้ข้าจึงสามารถเห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามปกติ”

เขาออกเดินทางทั่วที่นี่โดยใช้เวทย์ฟื้นฟูคอยรักษาผู้อื่น ทั้งที่เขามองไม่เห็นด้วยซ้ำ

ขณะที่ข้ามองดูใบหน้าซีดเซียวและอ่อนเยาว์ของเดเมียน ข้าก็รู้สึกเสียใจแทนเขาจึงได้กล่าวว่า

"เดเมียน ที่แผนในครั้งนี้สำเร็จมาได้ด้วยดี ก็ต้องขอบคุณทางเจ้าเลยนะ"

“......”

"หากเจ้าต้องการ ข้าพร้อมจะตบรางวัลให้อย่างงามจนนานพอสามารถนอนตีพุงใช้ชีวิตได้จนวันตาย เจ้าเองก็จะไม่ต้องมายังสนามรบเหมือนในครั้งนี้อีกด้วย ในเมื่อทางเจ้ามีฐานะเป็นทหารรับจ้าง ก็เชิญทำตามที่เจ้าต้องการได้ตามสบายเลย"

"ฝ่าบาท"

ทว่าเดเมียนกลับส่ายศีรษะเล็กน้อย

"เมื่อยามนั้นฝ่าบาทได้บอกกับข้าเอาไว้ว่าข้าเป็นพลยิงของฝ่าบาท"

“......”

"ข้าเลย...อยากจะรู้"

เดเมียนมองออกไปนอกกำแพงอีกครั้ง

"ว่าพวกสัตว์ประหลาดนั่นมันมาจากไหนกัน...! แล้วมันผู้ใดเป็นคนสร้างพวกมันขึ้นมาแล้วสร้างพวกมันทำไม? แล้วทำไมแวนถึงต้องตายด้วย?"

“......”

"เพราะงั้นได้โปรดเถอะ ให้ข้าได้คอยติดตามแผ่นหลังของฝ่าบาทไปด้วยเถอะขอรับ...!"

ข้ายิ้มออกมาอย่างขมขื่น

"ก็ได้ งั้นจากนี้ไปเจ้าก็คอยติดตามข้าให้ดีก็แล้วกัน เช่นนั้นเรามาแสดงความเคารพให้กับผู้ตาย พวกเรายังต้องมีนักบวชเช่นเจ้าอยู่พอดี"

เดเมียนตามเรามาขณะที่เรามุ่งหน้าไปยังที่ราบทางเหนือ

* * *

ที่ราบทางตอนเหนือของฐานหลัก

ศพถูกจัดเรียงเรียงกันเป็นแถวนับไม่ถ้วน

ผู้ที่พวกเขาพอจะรวบรวมมาได้ก็เอามาวางเรียงที่นี่ แต่ก็มีหลายคนที่ไม่เหลือกระทั่งศพด้วยซ้ำ

พวกเราจุดไฟให้พวกเขา

ไฟศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาจากวิหารของครอสโรสได้ลุกโชนอยู่ตรงกลางของที่ว่างเปล่า โดยมีเพลิงจากถ่านสีฟ้า

ข้ามองเข้าไปในเปลวไฟอย่างเงียบงัน เปลวเพลิงเริงระบำราวกับถูกครอบงำด้วยความแค้นของผู้ตาย

“......”

ข้ารู้ดี

ว่ามันไม่มีวิธีไหนที่ดีไปกว่านี้ ไม่มีแผนไหนที่จะรัดกุมยิ่งกว่านี้ การเอาแต่คิดว่า 'ถ้าหาก' กับเรื่องในอดีตมันก็โง่เสียยิ่งกว่าโง่

ข้าได้คิดวางแผนและเลือกตัดสินใจเอามาใช้แล้ว ซึ่งนี่ก็คือผลลัพธ์ของแผนที่ว่านั่น

ถ้างั้นข้าก็มีแต่ต้องทำใจอยู่กับมัน

ข้ามีแต่ต้องแบกรับมันเอาไว้บนบ่าแล้วก้าวต่อไปข้างหน้าต่อไป

"พอพิธีศพตามธรรมเนียมเสร็จแล้ว ไปเก็บรวบรวมร่างของพวกเขามาแล้วเคลื่อนย้ายไปซะ"

"อะไรนะขอรับ?”

ลูคัสเบิกตากว้างหลังจากได้ยินสิ่งที่ข้าพูด

“เราจะไม่ทิ้งพวกเขาไว้ที่นี่เหรอขอรับ?”

ใน 'ครอสโรส' มีผู้เสียชีวิตนับพันรายเกิดขึ้นทุกปี

งานศพมีราคาแพงกว่าชีวิตของคนบนโลกนี้ ชีวิตราคาถูกได้มุ่งหน้าสู่ด้านหน้ากับสัตว์ประหลาดที่นี่ และตายไปไปเพื่อแลกกับการป้องกันรักษด่านหน้านี้เอาไว้

หากมีการสร้างของเช่นสุสานภายในเมือง มันคงจะมีจำนวนหลุมศพมากมายนับไม่ถ้วนทอดยาวออกไป

ในโลกนี้ ความตายมีดาษดื่นทั่วไปมากกว่าดอกไม้ป่าเสียอีก

แต่ข้าวางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงโลกนี้

"ทางครอสโรดเองก็มีทุ่งว่างเหลืออยู่ เอาพวกเขาไปฝังไว้ที่นั่นก็แล้วกัน"

ข้าสั่งให้สร้างสุสานในทุ่งทางด้านตะวันตกเป็นอนุสรณ์สถานเอาไว้แล้ว

"แล้วทุกๆ ปีในวันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์...พวกเราจะกำหนดให้มันเป็นวันระลึกถึงผู้ที่เสียสละ"

ไม่ใช่แค่คนพวกนี้ที่เสียสละในสงครามครั้งนี้

แต่เพื่อตัวละครทุกคนที่ข้าได้ฆ่าไปโดยไม่มีความสำนึกผิดระหว่างการเล่นหลายร้อยครั้ง นี่ถือเป็นการไถ่บาปของข้า

ลูคัสกลืนสิ่งที่เขากำลังจะพูดและพยักหน้าเล็กน้อย

"ข้าจะทำตามคำสั่งของท่านฝ่าบาท”

หลังจากนั้นไม่นาน พิธีศพแบบเล็กๆ ก็ถูกจัดขึ้น

บาทหลวงของพระวิหารได้ประพรมน้ำศพศพและอวยพรชีวิตหลังความตาย

ถึงแม้งานศพจะไม่เป็นทางการ แต่งานศพก็ใช้เวลามาก เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

ข้าเฝ้าดูทุกช่วงเวลาของพิธีโดยไม่คิดหนีไป

“ลูคัส!”

เมื่อพิธีศพจบลงก็เป็นเวลากลางคืน พระจันทร์ที่กำลังขึ้นได้ส่องแสงอันหนาวเหน็บลงมาเบื้องล่าง

"ข้าจะไม่พลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอน"

กลิ่นอายแห่งความตายได้แผ่ความเย็นออกมา ที่นี่กระทั่งความร้อนจากเปลวเพลิงก็ไม่สามารถหยุดมันได้

ข้าตัวสั่นและพิงหลังลูคัสพร้อมกับกัดฟันกรอด

"ข้าจะไม่ยอมล้มเหลวอีกครั้งเด็ดขาด"

“......”

ลูคัสปิดปากและฟังสิ่งที่ข้าจะพูด

"กลับกันเถอะ”

การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว แต่สงครามเพิ่งเริ่มต้น

หลังจากมองเห็นทหารที่ข้าทิ้งให้ตายในสายตาของข้า ข้าก็พูดออกมา

"กลับไปยังครอสโรด"

[ด่าน 0 เคลียร์!]

[MVP ในด่าน - เดเมียน (N)]

[ตัวละครเลเวลอัพ]

- แอช (EX) เลเวล.5 (↑4) (ผู้เล่นสามารถเลือกอาชีพได้แล้ว!)

- ลูคัส(SSR) เลเวล.27 (↑2)

- ลิลลี่ (R) เลเวล.17 (↑2)

- เดเมียน (N) เลเวล .15 (↑5)

[ตัวละครที่ตายหรือได้รับบาดเจ็บ]

- เคน (N): เสียชีวิต

- ลิลลี่ (R): บาดเจ็บสาหัส

[ไอเทมที่ได้รับ] - อัญมณีเวทมนตร์แห่งกองทัพแมงมุมทมิฬ: 388

- แกนเวทมนตร์ของราชินีแมงมุมทมิฬ (SSR): 1

[ รางวัลถูกส่งไปแล้ว กรุณาตรวจสอบสินค้าในคลังของผู้เล่น]

- กล่องรางวัลระดับ EX: 1

>> เตรียมพร้อมสำหรับด่านต่อไป

>> [ด่าน 1: เมืองแห่งหลุมฝังศพ]

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด