ตอนที่ 539 คุณมีป้ายรับรองไหม?
ตอนที่ 539 คุณมีป้ายรับรองไหม?
“เปลี่ยนบัวแดง 10 กลีบเป็นหญ้าซูดานงั้นเหรอ? นี่นายกำลังคิดจะรักษาหรือฆ่าผู้ป่วยกันแน่!” จู่ ๆ มันก็มีเสียงอันเย็นชาดังขึ้นมาจากด้านหลังของพวกเขา
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่เขาจะหันไปพบกับชายชราร่างอ้วนอายุประมาณ 60 ปี ผู้ซึ่งเป็นคนกล่าวคัดค้านเขาขึ้นมาเมื่อสักครู่นี้นี่เอง
“แน่นอนว่ามันเป็นเพื่อการรักษา” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“หึ!” ชายร่างอ้วนส่งเสียงในลำคออย่างเย่อหยิ่ง ก่อนที่เขาจะเดินมานั่งลงบนโซฟาฝ่ายตรงข้ามของชายชราทั้งสอง โจวเซนและหยูไค่ฉวนจึงต่างก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลันและเริ่มแนะนำชายชราร่างอ้วนคนนั้นให้เซี่ยเฟยได้รู้จัก
“เขาคือปรมาจารย์หยูโหย่วตู้ เป็นปรมาจารย์ประจำหอสายลมหนาวแห่งนี้”
เซี่ยเฟยพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเขาก็รู้สึกไม่ชอบชายชราอ้วนคนนี้เอาเสียเลย แต่ภายนอกเขาก็ยังคงรักษาความสงบเอาไว้
“แม้ว่าบัวแดง 10 กลีบจะไม่ได้มีคุณสมบัติทางยารุนแรงเหมือนกับหญ้าซูดาน แต่มันก็มีคุณสมบัติช่วยปรับปรุงสมดุลย์ภายในร่างกายได้ หากเราเปลี่ยนวัตถุดิบจากบัวแดง 10 กลีบเป็นหญ้าซูดาน แม้ว่ามันจะทำให้คุณสมบัติทางยารุนแรงขึ้นก็จริงแต่มันก็จะส่งผลอันตรายต่อผู้ที่ได้รับยาเข้าไปด้วย” หยูโหย่วตู้อธิบายโดยวางท่าเหมือนเป็นผู้มีความรู้
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้สนใจหยูโหย่วตู้เลย แต่ตั้งใจอธิบายให้โจวเซนและหยูไค่ฉวนฟังว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจเลือกหญ้าซูดานแทนที่จะเป็นบัวแดง 10 กลีบ ยิ่งไปกว่านั้นทฤษฎีของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่คิดขึ้นมาลอย ๆ แต่เป็นทฤษฎีที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วหลายครั้งในระหว่างที่เขาอยู่กับอันธ ซึ่งมันก็ทำให้อันธที่กำลังรับฟังเรื่องนี้อยู่พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับแนวคิดของชายหนุ่ม
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยก็ถือว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ในเรื่องการปรุงยาเช่นเดียวกัน และถ้าหากว่าชายหนุ่มคนนี้เอาจริงเอาจังในเรื่องการปรุงยาจริง ๆ มันก็มีแนวโน้มสูงมากที่ชายหนุ่มจะแซงหน้าอาจารย์ของเขาอย่างอันธไป
โจวเซนและหยูไค่ฉวนรู้สึกว่าคำพูดของเซี่ยเฟยนั้นสมเหตุสมผลมาก พวกเขาจึงนำมือขึ้นจับคางอย่างครุ่นคิด ขณะที่หยูโหย่วตู้กำลังแสดงปฏิกิริยาออกมาอย่างไม่พอใจ
“นายเป็นใคร? นายมีป้ายนักปรุงยาหรือเปล่า?” หยูโหย่วตู้ถามด้วยความดูถูก
“ผมเป็นนักสู้ไม่ใช่นักปรุงยา” เซี่ยเฟยตอบกลับ
“ในเมื่อนายไม่ใช่นักปรุงยาแล้วจะมาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่ทำไม? พวกเราทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักปรุงยาที่มีประสบการณ์ แล้วนายมีคุณสมบัติอะไรถึงมาออกความเห็นในกลุ่มนักปรุงยาแบบนี้!” หยูโหย่วตู้กล่าวอย่างเย่อหยิ่ง
“คุณสมบัติ? คนที่ถูกเรียกว่านักปรุงยาก็เป็นเพียงแค่คนที่ถูกรับรอง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ผ่านการรับรองจะมีความรู้ความเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับการปรุงยา” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี! การที่นายไม่สามารถสอบเอาป้ายนักปรุงยามาได้นั่นก็เพราะว่านายไม่มีคุณสมบัติมากพอต่างหาก คิดมาได้ยังไงจะใช้หญ้าซูดานแทนบัวแดง 10 กลีบ มันช่างเป็นความคิดที่ไร้สาระจริง ๆ” หยูโหย่วตู้กล่าวอย่างเย้ยหยัน
การถูกเยาะเย้ยในสถานการณ์ปัจจุบันทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอัดอั้นราวกับว่าเขาเพิ่งกินแมลงวันเข้าไป แน่นอนว่าอันธที่อยู่ใกล้ ๆ ก็กำลังรู้สึกโกรธด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเซี่ยเฟยเรียนเรื่องการปรุงยามาจากตัวเขาเอง ดังนั้นการที่หยูโหย่วตู้ได้ต่อว่าเซี่ยเฟยแบบนี้มันก็ไม่ต่างไปจากการต่อว่ามาจะถึงอาจารย์แบบเขาด้วย
“ฆ่ามันซะ!! มันกล้าดียังไงมาเรียกตัวเองว่านักปรุงยา! ตัวมันเองนั่นแหละที่ทำให้อาชีพนักปรุงยาตกต่ำมาจนถึงทุกวันนี้” อันธกล่าวด้วยเสียงอาฆาต
เซี่ยเฟยกำหมัดเอาไว้แน่นเพื่อพยายามระงับความโกรธภายในใจของตัวเองเอาไว้ จากนั้นเขาก็พยายามรวบรวมสติของตัวเองกลับคืนมา
“ช่างมันเถอะ ถ้าฉันต้องฆ่าคนแบบเขาทุกคนฉันก็คงจะต้องฆ่าคน 1 ใน 3 ของจักรวาล ฉันไม่ได้มีเวลามาจัดการกับเรื่องไร้สาระพวกนี้หรอก” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างขี้เกียจจะสนใจคนอย่างหยูโหย่วตู้ และถึงแม้ว่าเขาจะโกรธแต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะลงมือสังหารบุคคลอื่นอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
อันธกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจก่อนที่เขาจะกลับไปในสร้อยหินมัวร์โดยที่ไม่สามารถระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้ได้จริง ๆ
ทันใดนั้นเองพนักงานสาวก็ได้นำสมุนไพรตามรายการของเซี่ยเฟยออกมาให้ ชายหนุ่มจึงทำการตรวจสอบ และเนื่องมาจากว่าสถานที่แห่งนี้คือดินแดนของผู้ใช้กฎที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสมุนไพรมากนัก สมุนไพรที่เขาได้รับมาจึงถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีคุณภาพยอดเยี่ยม นั่นก็เพราะว่าเขาไม่จำเป็นจะต้องไปแข่งขันแย่งชิงวัตถุดิบกับใคร
“เนื่องมาจากว่าคุณถือว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ ฉันจะขอคิดค่าสมุนไพรพวกนี้แค่ 165 คริสตัลขาวก็แล้วกันค่ะ” พนักงานสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เพราะถึงแม้ว่าสมุนไพรพวกนี้จะมีคุณภาพสูงมาก แต่ราคาของพวกมันก็ถือว่าค่อนข้างแพงมากด้วยเหมือนกัน
เซี่ยเฟยนำคริสตัลขาวออกมาจากแหวนมิติเพื่อจ่ายชำระค่าสมุนไพร ซึ่งมันก็ทำให้พนักงานสาวเบิกตากว้างด้วยความยินดี
อย่าลืมว่าเงินจำนวนนี้มีมูลค่ามากถึง 165 คริสตัลขาวซึ่งไม่ใช่เงินมูลค่าน้อย ๆ แต่เซี่ยเฟยกลับสามารถหยิบคริสตัลพวกนั้นออกมาได้อย่างเฉยเมย จนทำให้เธอสงสัยว่าบางทีชายหนุ่มอาจจะเป็นลูกหลานของครอบครัวที่ร่ำรวย
“ฉันแนะนำให้คุณไปเปิดบัญชีที่ธนาคารยูเนี่ยนดีกว่านะคะ คุณสามารถที่จะฝากคริสตัลเอาไว้ในธนาคารได้ แล้วมันก็สะดวกสบายสำหรับการใช้จ่ายมากกว่าการพกคริสตัลเอาไว้ในแหวนมิติ” พนักงานสาวกระซิบบอกเซี่ยเฟยเบา ๆ ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะว่าเธอได้รับผลไม้แห้งจากเซี่ยเฟย เธอจึงคิดที่จะตอบแทนชายหนุ่มกลับไปด้วยเหมือนกัน
แม้ว่าภายนอกชายหนุ่มจะแสดงสีหน้าออกมาอย่างเมินเฉย แต่ภายในใจของเขากลับกำลังรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา เพราะสมุนไพรตามใบสั่งของอันธชุดนี้มีราคาถึง 165 คริสตัลขาว มันจึงทำให้เขาเหลือคริสตัลขาวอยู่เพียงแค่ 832 ชิ้นเท่านั้น
“สมุนไพรพวกนี้คุณภาพค่อนข้างดีเลยทีเดียว มันน่าจะพอให้นายกินได้ประมาณ 1 สัปดาห์” ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังรู้สึกเสียดายคริสตัลขาวที่ได้จ่ายออกไป อันธก็ลอยออกมาจากหินมัวร์และกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
เซี่ยเฟยรู้สึกคุ้น ๆ ว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาในสมัยที่เขายังอยู่ในพันธมิตร ซึ่งย้อนกลับไปในตอนนั้นไม่ว่าเขาจะหาเงินได้มากเท่าไหร่ แต่อันธก็มักที่จะใช้เงินไปกับการซื้อสมุนไพรในราคาที่สูงมากอยู่เสมอ
ในครั้งนี้ถึงแม้ว่าเขาจะต้องจ่ายเงินออกไปถึง 165 คริสตัลขาว แต่อันธกลับบอกว่าสมุนไพรพวกนี้เพียงพอที่จะช่วยเหลือเขาได้ในเวลาเพียงแค่สัปดาห์เดียว มันจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหดหู่ใจอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีทางที่เขาจะฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงานอย่างแบบฟรี ๆ ได้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะมีปรมาจารย์ด้านการกลั่นพลังงานเดินอยู่ทั่วทั้งท้องถนน ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำได้เพียงแต่ทำใจและปลอบตัวเองว่าทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายออกไปอยู่เสมอ
เมื่อจัดการเก็บสมุนไพรทุกอย่างเข้าไปในแหวนมิติแล้ว เซี่ยเฟยก็เตรียมพร้อมที่จะกลับไปฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานอีกครั้ง
“จะไปแล้วเหรอพ่อหนุ่มอัจฉริยะ! ทีหลังก็มาที่นี่อีกครั้งพร้อมกับป้ายรับรองสิแล้วเดี๋ยวฉันจะสอนเรื่องการปรุงยาให้ ตอนนี้นายยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะคุยกับฉัน” จู่ ๆ หยูโหย่วตู้ก็กล่าวขึ้นมาอย่างประชดประชัน
ตอนแรกเซี่ยเฟยคิดจะปล่อยชายชราคนนี้ไปแล้วจริง ๆ แต่หลังจากที่เขาถูกยั่วยุซ้ำ ๆ กันหลายครั้งมันก็เริ่มจะเกินขีดจำกัดความอดทนของเขาแล้ว
พริบตาต่อมาเซี่ยเฟยก็เคลื่อนที่ไปอยู่ด้านหลังของชายชราอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะรีบคว้าแผ่นป้ายรับรองมาจากโต๊ะที่หยูโหย่วตู้ได้วางอวดเอาไว้
“หยูโหย่วตู้ นักปรุงยาระดับกลางขั้นที่ 3” เซี่ยเฟยอ่านข้อความบนป้ายอย่างเย็นชา
“รีบวางมันลงเดี๋ยวนี้! แกไม่มีสิทธิ์ที่จะแตะต้องป้ายของฉัน!!” หยูโหย่วตู้กล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
ป๊อก!
เซี่ยเฟยออกแรงเพียงแค่เล็กน้อยแผ่นป้ายรับรองที่หยูโหย่วตู้ภาคภูมิใจก็ถูกหักออกเป็น 2 ท่อนในทันที
สายตาทั้งสามคู่ต่างก็จับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะการที่แผ่นป้ายประจำตำแหน่งของตัวเองถูกหักทิ้งไปแบบนี้ ถือว่าเป็นความอัปยศสำหรับเจ้าของแผ่นป้ายอย่างไม่น่าเชื่อ
“เอาล่ะตอนนี้คุณก็ไม่ได้มีใบรับรองอะไรแล้วนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
แกร๊ก!
เซี่ยเฟยโยนป้ายรับรองหัก ๆ ลงไปบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ หยูโหย่วตู้จึงพยายามประคองเศษป้ายขึ้นมาไว้ในมือและพยายามประกอบพวกมันเข้าอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่แผ่นป้ายมันถูกหักลงไปแล้วจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถนำมาประกอบเข้าด้วยกันง่าย ๆ
“แกตั้งใจใช่ไหม?!” หยูโหย่วตู้ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธ
“ใช่ ฉันตั้งใจ! แล้วจะทำไม?”
เซี่ยเฟยเติบโตขึ้นมาจากข้างถนนตั้งแต่เขายังเด็ก การโต้เถียงอย่างไร้เหตุผลแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้มาตั้งแต่เกิด ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เขากลายเป็นคนไร้เหตุผล มันก็ยากที่จะมีใครกลายเป็นคนไร้เหตุผลมากกว่าเขาได้
“วันนี้ฉันจะต้องสะสางบัญชีแค้นกับแกให้ได้!”
เซี่ยเฟยหักข้อนิ้วดังเสียงกร๊อบแกร๊บก่อนที่จะกล่าวตอบกลับไปด้วยท่าทางอันเฉยเมยว่า
“จะทำอะไรก็ทำ นั่นเป็นสิ่งที่ฉันต้องการอยู่แล้ว”
ใบหน้าของหยูโหย่วตู้ซีดเซียวไปชั่วขณะ เพราะเขาเป็นเพียงนักปรุงยาที่ไม่มีวิชาการต่อสู้ ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะร่วมมือกันแต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะเซี่ยเฟยได้อยู่ดี
“ในเมื่อแกกล้าทำลายป้ายนักปรุงยาของฉัน งั้นก็มาแข่งขันการปรุงยากับฉันเดี๋ยวนี้!” หยูโหย่วตู้พยายามหาทางออกที่จะทำให้ตัวเองได้รับชัยชนะ
“ให้ฉันแข่งปรุงยามันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ ว่าแต่คุณมีแผ่นป้ายรับรองงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
ทุกคนต่างก็เป็นพยานรู้เห็นว่าเซี่ยเฟยคือคนทำลายแผ่นป้ายรับรองของหยูโหย่วตู้เอง แต่ชายหนุ่มก็ยังมาถามหาแผ่นป้ายรับรองของชายชราคนนี้ ซึ่งการกระทำของเขามันก็ไม่ต่างไปจากการพยายามเอาน้ำเกลือไปราดลงบนแผลสด
“สะใจโว้ย! วันนี้ฉันกับนายจะต้องสั่งสอนไอ้สารเลวนี่ให้รู้สำนึกว่านักปรุงยาที่แท้จริงมันเป็นยังไง!!” อันธกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
—
หยูโหย่วตู้ขอเข้าพบผู้อาวุโสหยูฉางเก่อเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับตัวเอง จากนั้นทั้งสองก็เริ่มจัดโต๊ะแข่งขันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันปรุงยา
ฝูงชนต่างก็รีบเข้ามาดูการแข่งขันในครั้งนี้ด้วยความตื่นเต้น เพราะท้ายที่สุดอาชีพนักปรุงยาในดินแดนของผู้ใช้กฎก็ไม่ได้รับความนิยมมากนัก การแข่งขันในลักษณะนี้จึงไม่เคยมีมาก่อน ฝูงชนจึงรุมเข้ามาดูเพราะหลาย ๆ คนยังไม่รู้ว่านักปรุงยาสามารถจะทำอะไรได้บ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนักปรุงยามากนัก แต่พวกเขาให้ความสนใจในตัวตนของเซี่ยเฟยมากกว่า เพราะเรื่องที่ชายหนุ่มได้สังหารหนอนด้วงมิติได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งตระกูลแล้ว มันจึงทำให้ฝูงชนมาเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มอย่างสนใจ
เซี่ยเฟยนั่งรออยู่อย่างชิว ๆ ราวกับว่าเหตุการณ์ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ จนกระทั่งหยูฮัวเดินผ่านฝูงชนมาหาเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“คราวนี้นายถึงกับไปหาเรื่องนักปรุงยาเลยงั้นเหรอ?” หยูฮัวเริ่มทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เขาเป็นคนยั่วยุผมก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไป
“แบบนี้หยูโหย่วตู้ก็ถือว่าเป็นศัตรูของนายด้วยใช่ไหม? แล้วทำไมนายถึงไม่ฆ่าเขาล่ะ?” หยูฮัวกล่าวถามด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“ไม่ต้องห่วงครับ หลังการแข่งขันครั้งนี้เขาได้ตายแน่ ๆ และเขาจะตายอย่างอเนจอนาถที่สุดด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างสบาย ๆ
***************
ใครคิดออกบ้างว่าหยูโหย่วตู้จะตายยังไง? คิดเหมือนกันไหมนะ อิอิ (หมองูตายเพราะงูรึเปล่าน๊า)