บทที่ 97 หญิงขายบะหมี่กลับมาแล้ว
บทที่ 97 หญิงขายบะหมี่กลับมาแล้ว
แผงขายบะหมี่มีขนาดไม่ใหญ่นัก และมีลูกค้าสามคนกำลังกินบะหมี่แบบก้มหัวอยู่
กลิ่นอันชวนคิดถึง
หยางจิ่วพากานซิอซือไปที่โต๊ะว่าง นั่งลงแล้วตะโกนว่า "ต้าเฉิน บะหมี่หกชาม"
(ต้าเฉิน เป็นคำที่ใช้เรียกหญิงที่มีอายุไล่เลี่ยกับมารดา )
หญิงวัยกลางคนที่มีงานยุ่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย นางจึงหันกลับมาและยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นหยางจิ่ว
หยางจิ่วก็ตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“พี่จิ่ว บะหมี่หกชามเรากินไม่หมดหรอก” กานซือซือบอกเขาเพื่อให้รู้ตัว
เห็นได้ชัดว่าหยางจิ่วรู้จักคนขายบะหมี่ ดังนั้นเขาจึงต้องการบะหมี่หกชาม เพื่ออุดหนุนธุรกิจของนาง
การอุดหนุนธุรกิจเป็นเรื่องที่ดี แต่พี่จิ่วไม่ควรทิ้งขว้างอาหาร
หยางจิ่วยิ้มแล้วพูดว่า "ข้าจะกินสี่ชาม เจ้ากินสองชาม"
“ชามเดียวข้าไม่ยังไม่รู้ว่าจะกินหมดหรือเปล่า” กานซือซือทำหน้ามุ่ย
ให้นางกินบะหมี่สองชามในมื้อเดียว เจ้าพยายามทำให้ข้าอ้วนหรือเปล่า?
คนขายบะหมี่ปรุงบะหมี่สามชาม แล้วเสิร์ฟให้ทั้งสองคนกินก่อน
ถ้าเสิร์ฟบะหมี่หกชามพร้อมกัน มันคงกินยากมากจนจบ
หยางจิ่วหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วซดน้ำซุบซึ่งรสชาติยังคงเดิม
ตั้งแต่หญิงขายบะหมี่ออกจากฉางอัน หยางจิ่วก็ไม่เคยกินบะหมี่อีกเลย
ข้าหิวบะหมี่มากเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว
กานซือซือก็สูดเส้นบะหมี่ เคี้ยวสองสามครั้ง กลืนมันลงไป และพูดด้วยรอยยิ้มว่า "บะหมี่ชามนี้อร่อยจริงๆ"
เมื่อหยางจิ่วกินบะหมี่สองชามเสร็จ ชามของกานซือซือก็หมดไปด้วย
หญิงขายบะหมี่ก็เข้าใจจังหวะเวลาเป็นอย่างดี และนำบะหมี่ที่ทำสดใหม่ออกมาอีกสามชาม
กานซือซือไม่ต้องการเพิ่มน้ำหนัก แต่บะหมี่นี้อร่อยเกินไป ทำให้นางหลอกตัวเองว่า ถ้านางกินชามนี้ นางจะไม่เพิ่มน้ำหนักมากนัก
"พี่จิ่ว ก่อนหน้านี้ทำไมท่านถึงไม่พาข้ามากินเนี้ย?" กานซือซือบ่นอย่างน่ารัก
หลังจากพูดแล้ว นางก็หยิบชามขึ้นมาและดื่มซุปจนหมดในคำเดียว
นางชอบกินบะหมี่ในวันธรรมดาอยู่แล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับบะหมี่ที่นางกินวันนี้ มันอร่อยจนยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดได้
หยางจิ่วตอบ: "ต้าเฉินออกจากฉางอันเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง ในตอนนี้ นางได้กลับมาแล้ว"
หยางจิ่วลุกขึ้นและวางเงินลงบนโต๊ะ แล้วพากานซือซือจากไป
หญิงขายบะหมี่เข้ามาหยิบเหรียญทองแดง มองร่างทั้งสองที่เดินจากไป แล้วยิ้มที่มุมปาก: "ช่างเหมาะสมกันดีจริงๆ"
เหตุผลที่นางเลือกกลับมาที่ฉางอัน ก็เพราะนางอยากทำบะหมี่ให้หยางจิ่ว
ความเมตตาของหยางจิ่ว มันตรึงใจไปตลอดชีวิตของนาง
จะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตหน้ายังไม่ชัดเจน ในขณะที่นางยังมีชีวิต และยังเคลื่อนไหวได้อยู่ นางต้องกลับมา แม้ว่านางไม่อยากกลับมายังสถานที่อันแสนเศร้าแห่งนี้ก็ตาม
เมื่อเห็นว่าหยางจิ่วรักบะหมี่ของนางมาก นางก็ดีใจ เหตุการณ์ในอดีตที่ทนไม่ไหวและบาดแผลที่รักษายากในหัวใจของนางดูเหมือนจะไม่สำคัญอีกแล้ว
หยางจิ่วกลับไปที่ร้านเย็บศพ แมวสีส้มนอนอยู่บนหลังคาของร้าน มันกำลังอาบแดดอยู่
หยางจิ่วใช้ความพยายามอย่างมาก และในที่สุดก็ชักชวนแมวสีส้มให้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในที่สุด
จริงๆ แล้ว แมวสีส้มก็ลังเลเล็กน้อย แต่มันก็เดินช้าๆ โดยบิดบั้นท้าย ซึ่งดูตระการตาจริงๆ
ในตอนเย็น แขกผู้มีเกียรติซึ่งอยู่นอกเหนือความคาดหมายของหยางจิ่วก็มาหาที่ร้านตัดเย็บศพ
.
เขาคือ ติ้งซีโหวเสวี่ยเสวีย
แรงผลักดันของการก่อกบฎของมู่หรงป้านั้นใหญ่มาก และพื้นที่รอบ ๆ มณฑลเสฉวนก็กลายเป็นอาณาเขตของมู่หรงป้าไปแล้ว
สิ่งที่ลำบากที่สุดคือ ผู้คนในมณฑลเสฉวน สนับสนุนมู้หรงป้าอย่างมาก ทำให้การกำจัดเขาเป็นเรื่องยากมาก
จักรพรรดินีอู๋ออกพระราชโองการแก่เสวี่ยเสวียในชั่วข้ามคืน โดยสั่งให้เขานำกองกำลังไปยังมณฑลเสฉวนเพื่อปราบการกบฏ
เมื่อถามว่าในราชวงค์เว่ย ผู้ใดที่สามารถปราบกบฎได้ คนผู้นั้นก็คือเสวี่ยเสวียเท่านั้น
แต่ก่อนที่จะออกรบ เสวี่ยเสวียยังคงมีความปรารถนาที่ไม่บรรลุผลอยู่หนึ่งประการ และนั่นก็คือการได้ดื่มกับหยางจิ่ว
ติ้งซีโหวมาที่ร้านเย็บศพเป็นการส่วนตัวเพื่อเชิญเขา แม้แต่ท่านปู่สามก็ไม่กล้าปฏิเสธ
เดิมทีหยางจิ่วต้องการปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นแววตาคาดหวังในดวงตาของเสวี่ยเสวีย เขาก็เห็นด้วยในทันที
สถานที่ที่เสวี่ยเสวียให้ความบันเทิงแก่เขาอย่างไม่คาดคิด กลายเป็นซิงหยวน(สวนแอปริคอท)
หลังจากที่ซิงหยวนเปิดอีกครั้ง มันก็ยังเต็มไปด้วยลูกค้าอีกครั้ง
เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในซิงหยวน พวกเขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
หลี่ซิงเหอ!
หลี่ซิงเหอกำลังกินเครื่องดื่มเล็กน้อย ส่ายหัวและดื่มด่ำไปกับการแสดงอุปรากร
แม้ว่าเสวี่ยเสวียจะรู้สึกลังเล แต่เขาก็ยังต้องเข้าไปทักทาย
เมื่อเห็นชัดเจนว่าคนที่มาคือเสวี่ยเสวีย หลี่ซิงเหอจึงรีบยืนขึ้นและทำความเคารพ เมื่อเขาเหลือบมองหยางจิ่วซึ่งติดตามเสวี่ยเสวีย ใบหน้าของเขาก็ดูสงสัยเล็กน้อย
เขารู้จักหยางจิ่ว เพราะจู๋ที่หยางจิ่วให้ไว้ซึ่งมันคือสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง
แต่ข้าสงสัยว่า เสวี่ยเสวียเองก็เป็นเพราะจู๋ศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือเปล่า?
ทั้งสามคนนั่งโต๊ะเดียวกัน ฟังอุปรากร ดื่มสุรา และพูดคุยกันอย่างมีความสุข
ครั้งนี้เสวี่ยเสวียต้องไปปราบปรามกลุ่มกบฏ หลี่ซิงเหอจึงได้ริเริ่มขอความช่วยเหลือ เพราะจักรพรรดินีอู๋ได้ออกคำสั่งให้เขาปราบปรามการกบฏในฐานะรองขุนพลนั่นเอง
หลี่ซิงเหอได้ไปเยี่ยมเสวี่ยเสวียมาแล้ว และต้องการดื่มกับเสวี่ยเสวีย
โดยไม่คาดคิด เสวี่ยเสวียปฏิเสธเขาและพาหยางจิ่วมาที่ซิงหยวนทันที
หลังจากรู้ว่าหยางจิ่วได้เย็บศพของเสวี่ยเหรินซานแล้ว หลี่ซิงเหอก็รู้สึกโล่งใจ
ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเสวี่ยเสวียในชีวิตนี้คือ ปล่อยให้บิดาของเขาตายอย่างสงบ
แต่ศพที่เสียหายนั้นไม่สามารถฝังได้ นี่เป็นกฎเหล็กของราชวงศ์เว่ย และแม้แต่ญาติของจักรพรรดิก็ไม่สามารถละเมิดได้
หยางจิ่วเย็บร่างกายของเสวี่ยเหรินซาน ซึ่งเป็นทำให้เสวี่ยเสวียโปรดปราณอย่างแท้จริง
หลังจากอุปรากรจบแล้ว หยางจิ่วก็ลุกขึ้น ประสานหมัดของเขาแล้วพูดว่า "ท่านอ๋องฉิน ติ้งซีโหว มันเริ่มมืดแล้ว ข้าต้องกลับไปเย็บศพ"
หลี่ซิงเหอและเสวี่ยเสวียพยักหน้าพร้อมกัน
หยางจิ่วหันหลังกลับและจากไป เขามองกลับไปที่พวกเขาทั้งสองจากประตู ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะและกลับมาที่ฉางอันพร้อมกับร่างของมู่หรงป้า
การเย็บศพของมู่หรงป้า มันคงน่าสนใจอย่างมาก
หลังจากมาถึงร้านเย็บศพ เขาได้เรียนรู้ว่าจะไม่ได้รับศพในคืนนี้
หยางจิ่วดื่มน้ำหนึ่งชาม โดยวางแผนที่จะไปที่ตำหนักยมบาลเพื่อปรนเปรอความงามของศพเหล่านั้น
ก่อนที่เขาจะมาถึงสำนักตงฉ่าง นิ้วชี้ขวาของเขาก็เจ็บขึ้นทันที
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเมื่อเขายกมือขึ้น เขาก็เห็นเลือดไหลออกมาจากนิ้วชี้
มู่หรงป้าโจมตีกานซิอซือในที่สุด
หยางจิ่วหันกลับอย่างรวดเร็ว และเมื่อเขามาถึงร้านซาลาเปา เขาก็เห็นร่างหนึ่งเดินโซเซออกมาจากร้านซาลาเปา
ชายคนนั้นใช้มือขวากดหัวใจราวกับว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
หยางจิ่วหยิบดาบดื่มหิมะออกมาจากเก้าอสรพิษคืนถ้ำ เขาขวางหน้าเพื่อหยุดชายคนนั้น และถามด้วยรอยยิ้มว่า "จะจากไปโดยไม่ร่ำลาข้าหน่อยเหรอ?"
ชายคนนั้นสะบัดมือขวา และลวดหนามจำนวนหนึ่งพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับฝนดาวตก พุ่งไปทางหยางจิ่วด้วยแสงวาบผ่าน
หยางจิ่วไม่ได้หลบหรือหลบเลี่ยง เขาใช้กำลังที่เท้าของเขา และพุ่งไปข้างหน้า
ความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของชายคนนั้น และในไม่ช้าเขาก็เผยให้เห็นการเยาะเย้ย
ข้าเคยเห็นคนโง่มามากมาย แต่ข้าไม่เคยเห็นคนโง่ขนาดนี้มาก่อน
เสียงดังกราว!
ลวดหนามเหล็กฟาดบนร่างหยางจิ่วและกระเด็นออกไป
สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาเอื้อมมือดึงดาบยาวออกจากเอว เขาก็ถูกดาบจ่อที่คอ แล้วเขาก็ไม่รู้อะไรเลย
หยางจิ่วใช้หลังดาบ เพื่อทำให้ชายคนนั้นหมดสติด้วยการฟาดเพียงครั้งเดียว
เมื่อกานซือซือและเว่ยอวี่เหยียนตามเขาออกมาจากร้านซาลาเปา หยางจิ่วก็คว้าเท้าของชายคนนั้นแล้วลากเขาไปที่ร้านเย็บศพ
“พี่จิ่ว ท่าน…” กานซือซือรู้สึกสับสน
เว่ยอวี่เหยียนยังคงปิดปากของนาง ด้วยมือทั้งสองข้างด้วยความไม่เชื่อ
“ชายผู้นี้ต้องเป็นอาชญากรตามหมายจับ ข้าจะลากเขาไปที่ลิ่วซ่านเหมิน เผื่อบางทีข้าอาจจะได้รับรางวัล”หยางจิ่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
การจับสองขาเป็นเรื่องยากเล็กน้อย หยางจิ่วจึงจับขาข้างเดียวไว้ ซึ่งทำให้เดินทางได้สะดวกมาก
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว หยางจิ่วก็หันกลับมาและพูดว่า "อาจมีมากกว่าหนึ่งคน ดังนั้นเจ้าควรระวังด้วย"
กานซืิอซืิอพยักหน้า แล้วพาเว่ยอวี่เหยียนกลับไปที่ร้านซาลาเปา แล้วปิดประตู
หยางจิ่วไม่ได้ไปลิ่วซ่านเหมิน เมื่อเขาไปถึงตรอกร้าง เขาก็เชือดคอของชายคนนั้นด้วยดาบทันที
ขาของชายคนนั้นกระตุกสองสามครั้งแล้วหยุดเคลื่อนไหว
หยางจิ่วหยิบเข็มและด้ายออกมา แล้วเย็บแผลอย่างรวดเร็ว
"คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย" ปรากฏขึ้นทันทีเพื่อบันทึกชีวิตของบุคคลนี้
บุคคลนี้เป็นที่รู้จักในนาม “เอื้อมมือคว้าดาว” ไจ่ซิงเฉิน เขาคือหัวขโมยระดับแนวหน้าของอาณาจักรนี้
ไจ่ซิงเฉินมีงานอดิเรก ในขณะที่ขโมยของ เขาก็ชอบขโมยคนด้วย
ภรรยาและลูกสาวของครอบครัวที่ร่ำรวย มักจะถูกทำให้เป็นมลทินหลังจากเขาขโมยตัวมา
หากเจ้าทำสิ่งเลวร้ายมากเกินไป จะต้องมีคนยอมจ่ายราคาสูงเพื่อล้างแค้นให้กับเจ้า
เมื่อไจ่ซิงเฉินถูกต้อนจนมุม มันคือมู่หรงป้าที่รับเขาเข้ามา
สิ่งที่มู่หรงป้าต้องการ เขาจะขโมยมาให้ ตราบใดที่มู่หรงป้าพอใจ เขาก็สามารถแปลงร่างเป็นมู่หรงป้าได้หลังจากกลับไปที่วัดลัทธิเต๋าพร้อมกับศิษย์สาวแสนสวยของมู่หรงป้า
หลังจากที่มู่หรงป้าชูธงก่อกบฎขึ้น เขาก็เริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับกานซือซือ เขาจึงส่งไจ่ซิงเฉินมาที่ ฉางอันเพื่อขโมยตัวกานซือซือ
ไจ่ซิงเฉินเข้าไปในร้านซาลาเปาอย่างง่ายดาย แล้วแอบเข้าไปในห้องส่วนตัวของกานซือซือ เพราะเขามั่นใจเกินไป เขาจึงไม่วางยาสลบด้วยซ้ำ ผลที่ตามมา ทันทีที่เขาสัมผัสมือของกานซือซือ ตุ๊กตากระดาษก็กระโดดออกมาทันทีจากร่างกานซือซือ แล้วพุ่งชนร่างกายเขา
การชนกันครั้งนี้ทำให้เขาเจ็บหนักมาก
แต่ในขณะที่หลบหนี เขาก็พ่ายแพ้ให้กับหยางจิ่ว
หลังจากอ่านชีวิตของไจ่ซิงเฉินแล้ว หยางจิ่วรู้สึกว่าไม่มีข้อมูลที่มีค่าเลย
สิ่งเดียวที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจก็คือ มู่หรงป้าเพียงส่งไจ่ซิงเฉินมาขโมยกานซือซือผู้เดียว
จะเห็นได้ว่ามู่หรงป้ามีความมั่นใจอย่างมาก ในความสามารถของไจ่ซิงเฉิน
【เย็บศพห้าสิบหกศพ ให้รางวัลแก่โฮสต์ด้วยทักษะตัวเบา เหินบินไปบนพื้นหญ้า 】