บทที่ 567: ภูตที่ทำตัวลึกลับ
ขณะนั้นหูเจียวเจียวรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาทางตน แต่พอหันไปมองก็ไม่พบความผิดปกติอะไร
“ข้าคิดมากไปเองหรือ?” เธอขมวดคิ้วพึมพำกับตัวเอง
ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังคิดอยู่นั้นก็มีเสียงคนพูดขอบคุณหลงหลิงเอ๋อด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณแม่หมอ! ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า...”
“ท่านลุง ท่านไปพักผ่อนเถอะ” หมอผีตัวน้อยโบกมืออย่างไม่ใส่ใจเหมือนเคย แล้วเดินไปรักษาภูตคนต่อไป
...
“พี่ใหญ่ ดูเหมือนว่าจะมีไฟอยู่ตรงนั้น!” หลงเหยาที่ยืนอยู่ข้างถนนชี้ไปที่ไฟสีแดงบนท้องฟ้าไกล ๆ
“ไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงมาก! พี่ใหญ่ อย่าบอกนะว่าเกิดไฟไหม้ขึ้นในเผ่า...” หลงจงเองก็มองเห็นไฟเช่นกัน
“จู่ ๆ จะเกิดไฟไหม้ได้ยังไง?” หลงอวี้พูดพลางขมวดคิ้ว
จากนั้นน้องเล็กของตระกูลหลงก็พลันนึกถึงบางสิ่ง ใบหน้าของเขายับย่นในขณะที่พูดด้วยความกังวล
“บ้านของเราดูเหมือนจะอยู่ทางนั้นเหมือนกัน ไฟไหม้รุนแรงขนาดนั้น มันคงไม่ได้เผาบ้านของเราไปแล้วใช่ไหม?”
หลงเซียวตอบอย่างใจเย็นว่า “ไม่ต้องกังวล บ้านของเราสร้างจากหิน ไฟแค่นี้ทำอะไรบ้านเราไม่ได้หรอก”
หลงเหยาได้ยินดังนั้นจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“แต่อาหารและเสื้อผ้าในบ้านจะถูกเผา” จู่ ๆ พี่ชายคนที่ 3 ก็โพล่งขึ้นมา
“!!!”
คำพูดของหลงจงทำให้ดวงตาของเจ้าตัวเล็กเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว
นี่มันน่ากลัวกว่าไฟไหม้บ้านอีก!
หากเสื้อผ้าของเขาหายไปแล้ว ในอนาคตเขาไม่ต้องเดินเนื้อตัวเปลือยเปล่าโชว์ก้นให้คนอื่นดูเวลาออกไปข้างนอกหรอกหรือ?
“ถ้าอย่างนั้นเราจะมัวรอช้าอยู่ไย พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม ไปตักน้ำมาดับไฟกันเถอะ!”
หลงเหยาพูดจบแล้วก็วิ่งเอามือกุมบั้นท้ายไปที่ทะเลสาบแบบร้อนรน
ส่วนหลงอวี้ที่เห็นท่าทางของน้องคนสุดท้องก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าสาม ทำไมเจ้าไปแกล้งเสี่ยวเหยาแบบนั้น”
ปัจจุบันที่บ้านของพวกเขามีอาหารไม่มากนัก อาหารที่พวกเขากินอยู่ทุกวันจะถูกพ่อมังกรจับมาสด ๆ จากข้างนอกตั้งแต่ตอนเช้า
สำหรับเสื้อผ้า ชุดที่พวกเขาซักเมื่อคืนนี้ตากไว้ข้างนอกทั้งหมด ถ้าเกิดไฟไหม้บ้านจริง ๆ ถึงอย่างไรไฟก็คงไม่ลามไปถึงบริเวณที่ตากผ้าแน่นอน
“ฮ่า ๆๆ! เจ้าโง่เอ๊ย” หลงจงหัวเราะท้องขัดท้องแข็งกับท่าทางลนลานของน้องชาย
แล้วเด็กชายทั้ง 3 คนก็ติดตามหลงเหยาไปตักน้ำจากแม่น้ำ
ขณะนั้นหลงอวี้ได้ยืมถังน้ำจากบ้านของภูตที่อยู่ใกล้เคียงมาคนละ 1 ถังเพื่อเอาไปตักน้ำและเดินไปยังทิศทางที่ไฟปรากฏขึ้น
สำหรับหลงเหยา เขาตัวเล็กมากจนไม่สามารถถือถังน้ำในร่างมนุษย์ได้ ดังนั้นเขาจึงกลายร่างเป็นมังกรดำก่อนจะถือถังน้ำด้วยกรงเล็บ 2 ข้างแล้วบินไปเรื่อย ๆ
ในระหว่างที่เจ้าตัวเล็กบินไปข้างหน้า จู่ ๆ บนถนนกว้างก็มีร่างผอมบางร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
ปัจจุบันภูตส่วนใหญ่ในเผ่ามีรูปร่างผอมแห้ง ดังนั้นพวกหลงอวี้จึงไม่ได้สนใจคนคนนั้นแล้วยังคงมุ่งหน้าต่อไปยังทิศทางที่เกิดไฟไหม้
ทันใดนั้นหลงเหยาก็ถูกอีกฝ่ายชนเข้าใส่ ทำให้เขาล้มลงไปกับพื้นจนถังน้ำในมือหกกระจายไปทั่ว
“น้ำของเสี่ยวเหยา!!” คนตัวเล็กตะโกนพร้อมกับรีบขยับตัวไปประคองถังน้ำขึ้นมา
วินาทีนั้นหลงอวี้และพี่น้องคนอื่น ๆ ทำหน้าเย็นชาทันทีแล้วพุ่งไปยืนขวางอยู่ข้างหน้าน้องชาย
“เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?”
“เจ้ามาชนน้องชายข้าทำไม ถนนก็ออกจะกว้าง ทำไมเจ้าถึงเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย!”
เหล่าเด็กตระกูลหลงจ้องคนที่เดินชนหลงเหยาด้วยความโกรธ
พวกเขาเห็นกับตาตัวเองว่าผู้ชายคนนี้จงใจเดินชนเจ้ามังกรน้อย
ภูตคนที่เดินชนหลงเหยามีผมสีแดงเข้มราวกับสีของเลือดที่ใกล้แห้ง และดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยม่านสีขาวขุ่น ทำให้พวกเด็ก ๆ ไม่สามารถมองเห็นสีของรูม่านตาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
อีกทั้งแม้ว่าอากาศจะร้อนมาก แต่ตัวเขากลับสวมชุดหนังสัตว์สีดำขนาดใหญ่ปกปิดร่างกายทั้งหมดเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น
ในตอนแรก เหล่าเด็กตระกูลหลงคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนตาบอด แต่พอเขาได้ยินเสียงต่อว่า ดวงตาของเขาก็กลอกกลิ้งไปมาดูน่าประหลาด ก่อนที่เขาจะมองไปทางหลงจงซึ่งเป็นคนที่พูดเสียงดังที่สุด
ภูตที่ทำตัวลึกลับไม่ได้พูดอะไร แต่มุมปากของเขากลับฉีกยิ้มหลอน ๆ
แม้ว่าเด็กพวกนี้จะโตกว่าเล็กน้อย แต่พวกมันก็ยังดูมีน้ำมีนวลและดีกว่าเด็กคนก่อน ๆ...
แต่ตอนนี้ข้าอิ่มแล้ว กินอะไรไม่ลงแล้ว
“นี่เรากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ ไม่ได้ยินหรือไง?”
“เจ้าชนน้องของข้า รีบขอโทษเขาเร็วเข้า!”
เมื่อเด็กตระกูลหลงเห็นว่าเขาไม่พูด ทั้ง 3 คนก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
ขอโทษ?
ดวงตาของภูตร่างผอมแห้งเย็นชา ในขณะที่เขาเผยรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวออกมา
ไอ้เด็กพวกนี้ช่างกล้าหาญนัก แม้ว่าเขาจะกินพวกมันไม่ลงแล้ว แต่เขาก็ยังสามารถจับพวกมันกลับไปเก็บเอาไว้กินในคราวต่อไปได้...
พอเขาคิดได้ดังนั้น มือที่ซ่อนอยู่ด้านหลังก็ขยับ
“ที่นี่มีน้ำ! ทุกคนรีบไปเอาน้ำมาดับไฟเร็วเข้า!”
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนขึ้นมาเสียงดัง พร้อมกับมีร่าง 2-3 ร่างวิ่งมาแต่ไกล ซึ่งพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ออกมาตามหาน้ำเพื่อเอาไปดับไฟที่ยังคงลุกไหม้
เมื่อภูตชายที่สวมชุดหนังสัตว์สีดำเห็นคนกำลังใกล้เข้ามา เขาก็ดึงมือที่เพิ่งเหยียดออกไปกลับทันที
จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองเจ้าของเสียงโวยวายด้วยแววตาเย้ยหยัน ก่อนจะรีบหันหลังวิ่งหนีไป
“นี่เจ้า! เจ้ายังไม่ได้ขอโทษเสี่ยวเหยาเลยนะ!”
บัดนี้หลงจงโกรธมาก ส่วนภูตที่อยู่ข้างหน้าก็วิ่งผ่านมาแล้วเห็นว่ามีน้ำอยู่ในมือของเด็ก ๆ จึงหยุดวิ่งและถามพวกเขาว่า
“เจ้าหนู ถังน้ำนี้เป็นของเจ้าหรือเปล่า? ให้เรายืมหน่อยได้ไหม?”
เนื่องจากหลงจงถูกคนอื่นเข้ามาขวาง เขาจึงทำได้แค่จ้องมองแผ่นหลังของภูตผมแดงอย่างโกรธแค้น
ขณะเดียวกัน หลงอวี้ถอนสายตาจากคนที่ทำตัวแปลกประหลาดและตอบว่า
“เราเองก็ยืมถังน้ำพวกนี้มาจากบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ พวกท่านเอาไปใช้ก่อนเถอะ แล้วค่อยเอาไปส่งคืนให้เจ้าของในภายหลัง”
ตามปกติแล้วสิ่งของจะมีกลิ่นของภูตติดอยู่ ดังนั้นการตามหาเจ้าของจึงไม่ใช่เรื่องยาก
และอีกอย่าง ผู้เป็นพี่ใหญ่คิดว่าการมอบถังไม้แก่ภูตที่แข็งแกร่งเหล่านี้มีประโยชน์มากกว่าการที่พวกเขาเก็บไว้ใช้เอง
หลงอวี้ประเมินกำลังของตัวเองได้ เขาไม่พยายามที่จะดึงดันทำอะไรในสิ่งที่เกินกำลังของตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาจึงมอบถังน้ำให้กับพวกผู้ใหญ่อย่างง่ายดาย
“เสี่ยวเหยา เจ้าเป็นอะไรไหม?” หลงเซียวเข้าไปช่วยพยุงน้องชายคนเล็กขึ้นจากพื้น
“พี่รอง เสี่ยวเหยาไม่เป็นไร แต่น่าเสียดายที่น้ำถังนั้นมันหกไปหมดแล้ว” หลงเหยาส่ายหัวพลางปัดฝุ่นบนแขนของเขา ก่อนจะซ่อนอาการบาดเจ็บที่ข้อศอกไว้ด้านหลังเงียบ ๆ
ในเวลาเดียวกัน สายตาของหลงเซียวกวาดไปทั่วมือของคนตัวเล็กโดยไม่ได้พูดอะไร
แล้วเขาก็ทำเพียงมองไปทางอื่นซึ่งมันเป็นทิศทางที่ภูตแปลกประหลาดเพิ่งวิ่งจากไป
ทว่าตอนนี้มันมีภูตหญิงร่างผอมยืนอยู่ตรงนั้นแทน
นางเองก็ดูเหมือนจะเห็นภูตผมแดงวิ่งไปทางนั้นเช่นกัน นางจึงรีบวิ่งมาทางเด็กชายทั้ง 4 คน
“เจ้าเป็นใคร ทำไมเมื่อกี้เจ้าถึงช่วยผู้ชายคนนั้นให้เขาหนีไป เจ้ารู้จักเขางั้นหรือ!” หลงจงมองผู้หญิงรูปร่างผอมบางที่วิ่งเข้ามาใกล้ด้วยความโมโห
ภูตหญิงคนนี้เป็นคนตะโกนบอกภูตคนอื่นว่ามีน้ำอยู่ที่นี่
“ในอนาคตถ้าพวกเจ้าพบเห็นชายคนนั้นก็ให้อยู่ห่าง ๆ เขา อย่าไปพูดกับเขา” เมื่อเตี๋ยฉ่ายเห็นว่าพวกภูตที่อยู่รอบ ๆ เดินไปไกลแล้ว นางก็ลดเสียงลงขณะพูดกับเด็กตระกูลหลง
ในเวลานี้นางยังคงหันไปมองตามทิศทางที่ภูตผมแดงหนีไปเป็นครั้งคราว ซึ่งท่าทางของนางเหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
“ทำไมเราจะต้องหลบเขาด้วย เราไม่กลัวเขาหรอก! เขาเดินมาชนน้องชายของข้าก่อนแท้ ๆ” หลงจงพูดเสียงขุ่น
“เพื่อประโยชน์ของพวกเจ้าเอง พวกเจ้าควรอยู่ให้ห่างเขาเถอะ ในอนาคตอย่าไปพูดคุยกับคนแปลกหน้าอีก”
อาจเป็นเพราะเตี๋ยฉ่ายพูดจานุ่มนวลแต่กลับทำท่าทางจริงจัง นั่นจึงทำให้หลงจงโกรธขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว
เด็กชายทำหน้ามุ่ยพลางพยายามระงับความโกรธของตัวเองและถามขึ้นมาอย่างสงสัยว่า “ทำไมเราต้องทำแบบนั้นด้วย?”
“เจ้ารู้จักคนเมื่อกี้หรือ?” หลงอวี้เอ่ยถามพร้อมกับดวงตาที่ฉายแววเฉียบคม
“เขา...” นี่เป็นครั้งแรกที่เตี๋ยฉ่ายพบเด็กที่มีความคิดแบบนี้ นางจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรให้อีกฝ่ายเชื่อ
หากเป็นเด็กธรรมดาทั่วไป ถ้าพวกเขาถูกข่มขู่สัก 2-3 ประโยค พวกเขาก็จะยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
ทว่าเด็กพวกนี้กลับรับมือได้ยากกว่าที่นางคิด
ขณะที่เตี๋ยฉ่ายกำลังคิดว่าจะตอบพวกหลงอวี้อย่างไร หลงเหยาก็เหลือบไปเห็นเงาดำบนท้องฟ้า
“นั่นท่านพ่อ! ท่านพ่อมารับเราแล้ว!” เขารีบตะโกนด้วยความประหลาดใจ
จากนั้นเจ้าตัวเล็กก็กระโดดโบกมือให้กับมังกรดำตัวใหญ่ที่บินอยู่บนท้องฟ้า
พอเตี๋ยฉ่ายเห็นว่าภูตมังกรกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ นางก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น นางจึงรีบทิ้งคำพูดไว้ 2-3 ประโยคก่อนจะจากไป
“เอาเถอะ ถ้าในอนาคตพวกเจ้าพบเขาอีกจงรีบหนีไปให้ไกล แล้วอย่าอยู่กับเขาตามลำพัง!”