บทที่ 565: เด็กที่ถูกเผา
หยินชางกำหมัดแน่น พร้อมกับกลั้นหายใจและจ้องมองหยินเสวี่ยครู่หนึ่ง
คราวนี้หลงหลิงเอ๋อไม่ได้สอดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อดูต้นทางต่ออีก นางหันกลับมาเงี่ยหูฟังบทสนทนาของพวกเขา พลางจดจ่อรอคอยฟังคำพูดต่อไปของคนที่เห็นภาพหลอน
จังหวะที่ทั้งคู่กำลังจะได้ยินความจริงจากปากหยินเสวี่ย…
โครม!!
จู่ ๆ ก็มีเสียงดังมาจากระยะไกล เสียงนั้นมันฟังดูคล้ายกับบ้านถล่ม
ทางด้านหยินเสวี่ยตัวสั่นด้วยความกลัวอยู่แล้ว พอนางได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาแบบกะทันหัน นางจึงกรีดร้องเสียงดังก่อนจะกุมหัวตัวเองเอาไว้และซ่อนอยู่ข้างหลังสามีคนหนึ่ง
หญิงสาวลืมตัวไปชั่วขณะว่ากำลังจะพูดอะไรเมื่อกี้นี้
“ท่าน...” หยินชางขมวดคิ้วมุ่น
ในตอนที่เขากำลังจะถามคำถามต่อไป เขาก็เห็นแสงไฟสีแดงครอบคลุมครึ่งหนึ่งของท้องฟ้า แล้วก็มีไฟพุ่งขึ้นตามมา ซึ่งทิศทางนั้นมันมาจากทางที่มีภูตอาศัยอยู่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลงหลิงเอ๋อกับหยินชางรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาในทันใด
แถมบ้านของพวกเขาก็อยู่ในทิศทางนั้นด้วย!
หรือว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นที่บ้าน?
“แม่หมอ! แม่หมอ!”
ในขณะเดียวกัน ภูตที่มีสีหน้าวิตกกังวลได้วิ่งเข้ามาข้างหลังพวกเขาทั้ง 2
“ท่านลุง ที่นั่นเกิดอะไรขึ้น?” หลงหลิงเอ๋อถามอย่างเป็นห่วง
เด็กหญิงจำได้ทันทีว่าคนคนนี้เป็นลูกน้องของท่านตาหลิน
“มีไฟไหม้ในเผ่า ไฟลุกลามเร็วมาก ตอนนี้มีภูตหลายคนกำลังไปดับไฟแล้วบังเอิญถูกไฟคลอก แม่หมอได้โปรดไปช่วยพวกเขาด้วย...” ขณะที่ภูตชายกำลังอธิบายสถานการณ์ หลงหลิงเอ๋อก็สังเกตเห็นว่า แสงจากไฟที่อยู่ห่างไกลค่อย ๆ ลดลง นางจึงสันนิษฐานว่ามีภูตกำลังดิ้นรนดับไฟกันอยู่
นางพยักหน้าเข้าใจแล้วถามต่อไปว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”
“ไม่” ภูตที่มาขอความช่วยเหลือส่ายหัวอย่างเร่งรีบ
หลงหลิงเอ๋อที่ได้รับคำตอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ข้าจะไปช่วยทุกคนกับท่านเอง”
เดิมทีนางต้องการออกไปกับเขาก่อนเพื่อซื้อเวลาให้กับหยินชาง แต่อีกฝ่ายกลับหันไปมองพวกหยินเสวี่ยที่กำลังเบียดตัวเข้าหากันด้วยสีหน้าสงสัย
“แม่หมอ แล้ว 3 คนนี้คือ...?”
ภูตชายสังเกตเห็นว่าท่าทางของพวกเขาดูผิดปกติมาก
“พวกเขาป่วยน่ะ ท่านลุง เรารีบไปช่วยคนกันเถอะ บาดแผลที่เกิดจากไฟไหม้จะต้องรีบรักษาให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะรู้สึกเจ็บปวดมาก” หลงหลิงเอ๋อคว้าแขนเสื้อของเขาแล้วดึงออกไปทันที
การที่ชายคนนี้รีบมาขอความช่วยเหลือจากนาง นั่นหมายความว่าบาดแผลของคนที่ไปดับไฟจะต้องไม่ใช่เล็กน้อยแน่นอน
ผู้บาดเจ็บจะต้องอยู่ในสภาพที่เลวร้ายพอสมควร
เมื่อภูตที่มาหาหมอผีได้ยินเช่นนี้ เขาก็คิดถึงคนที่กำลังจะตาย เขาจึงพยักหน้ารับ ก่อนจะกลายร่างเป็นสัตว์ให้เด็กหญิงขึ้นขี่ จากนั้นเขาก็วิ่งไปยังทิศทางที่มีเปลวไฟลุกโหมกระหน่ำ
หยินชางรู้ว่าหลงหลิงเอ๋อจงใจล่อคนอื่นออกไปเพื่อให้ตัวเองมีโอกาสได้ซักถามหยินเสวี่ย
ครู่ถัดมา เขาเดินไปหาอีกฝ่ายและกำลังจะเอ่ยปากถามต่อ
แต่ปัจจุบันหญิงสาวถูกเหตุการณ์อย่างอื่นทำให้ตื่นตระหนก นางเลยกุมศีรษะของตัวเองแน่นขึ้นขณะกรีดร้องไม่หยุด
ส่วนภูตชายอีก 2 คนที่เป็นสามีของนางก็พยายามมุดหัวลงไปในดิน พร้อมกับมีเสียงกรีดร้องฟังไม่ได้ศัพท์ดังออกมาเรื่อย ๆ เหมือนกัน
หยินชางขมวดคิ้วมองภาพตรงหน้า เขารู้แล้วว่าตอนนี้เขาคงไม่สามารถถามอะไรจากปากคนทั้ง 3 ได้อีก
นั่นทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบด้วยความผิดหวัง
ถัดมา เขาหันหน้าไปมองตามทิศทางที่หลงหลิงเอ๋อและคนของเผ่าวิ่งไป ก่อนจะหันมามองหยินเสวี่ยที่กำลังเสียสติไปแล้ว
ยามนี้ดวงตาของเขาขุ่นมัว ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจวิ่งตามเด็กหญิงไป
...
ปัจจุบันไฟกำลังลุกไหม้อยู่ไม่ห่างจากบ้านของหูเจียวเจียว ด้วยความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกลูก ๆ เธอจึงออกไปตรวจสอบสถานการณ์พร้อมกับหลงโม่
ทันทีที่ทั้งคู่ไปถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาก็เห็นภูตหลายคนถูกเผาจนไหม้เกรียม
แล้วรอบ ๆ นั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งยืนมุงอยู่ ในขณะที่มีบางคนถูกไฟคลอกเป็นแผลฉกรรจ์
ฝูงชนกำลังพากันทอดถอนหายใจโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เปลวไฟอีก
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีหลายคนที่กระตือรือร้นอยากจะเข้าไปช่วยคนอื่น
ปัจจุบันไฟจวนจะมอดดับลงแล้ว มีเพียงเปลวไฟเล็ก ๆ บางจุดเท่านั้นที่ยังคงดื้อด้านไม่ยอมดับสนิท
เนื่องจากบริเวณนี้มีบ้านหลายหลังถูกสร้างขึ้นติด ๆ กัน บ้านที่อยู่โดยรอบต้นเพลิง 7-8 หลังเลยถูกไฟลุกลาม ด้วยสภาพอากาศร้อนระอุเช่นนี้ พวกภูตจะกองฟืนจำนวนมากเอาไว้ที่บ้าน มันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไฟลุกไหม้รุนแรงมากกว่าเดิม
จากเหตุการณ์อันน่าสลดใจ เถ้าสีดำก็ถูกลมพัดลอยฟุ้งไปในอากาศ
ขณะนั้นหลงโม่ยกมือขึ้นลูบหัวหูเจียวเจียวเบา ๆ 2-3 ครั้ง แต่พอเห็นว่าการกระทำของตัวเองไม่ช่วยให้หัวของนางสะอาดขึ้นเลย เขาจึงหยิบเอาหนังสัตว์มาคลุมศีรษะอีกฝ่าย แล้วเขาก็ไปยืนขวางอยู่ตรงหน้านางเพื่อกั้นขี้เถ้าบางส่วนเอาไว้
“แค่ก ๆ... เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ ๆ มันถึงเกิดไฟไหม้ล่ะ?”
“แค่ก ๆ... ดู… ดูเหมือนว่าภูตจะถูกเผาตายอยู่ข้างใน!”
“น่ากลัวมาก ลูกใครโดนเผาอยู่ข้างในนั่น!”
“พวกเขาถูกไฟคลอกตายทั้งเป็น เด็กพวกนี้น่าสงสารมาก ก่อนที่จะตายพวกเขาต้องทรมานมากแน่ ๆ...”
ภูตจำนวนมากกำลังสำลักควันจนไอกันไม่หยุด ในระหว่างที่หลายคนกำลังถอนหายใจ พวกเขาก็เห็นร่างที่ถูกไฟไหม้จนเปลี่ยนเป็นสีดำ 2-3 ร่างถูกยกออกมาจากในที่เกิดเหตุ
ทันใดนั้นทุกคนก็อ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัว
พอหูเจียวเจียวได้ยินคนพูดว่ามีเด็กถูกไฟคลอกตาย เธอก็ตกใจแล้วรีบเบียดคนอื่นเข้าไปข้างใน
เมื่อหลงโม่เห็นเช่นนี้ เขาก็เข้าไปโอบเอวบางแล้วยกตัวนางขึ้นนั่งบนบ่า ก่อนจะเดินฝ่าวงล้อมของฝูงชน
ไม่กี่อึดใจต่อมา จิ้งจอกสาวก็เห็นศพที่ถูกหามออกมาข้างนอกได้อย่างชัดเจน
คนที่ถูกไฟคลอกตายเป็นเด็กอายุ 4-5 ขวบ 5 คน แต่สภาพของศพดำเป็นตอตะโกจนไม่สามารถบอกได้ว่าเด็กคนไหนเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชาย หรือแม้กระทั่งการระบุรูปร่างลักษณะของพวกเขาว่าเป็นลูกของเธอหรือไม่
เด็กพวกนี้ถูกไฟไหม้จนเนื้อตัวกลายเป็นสีดำ แถมมีกลิ่นเนื้อไหม้โชยมาในอากาศ ซึ่งภาพที่ปรากฏมันดูน่าขนลุกมาก
ในขณะที่หูเจียวเจียวกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นหัวใจของเธอก็หนักอึ้งขึ้น
คงไม่มีแม่คนไหนที่ทำใจได้หากต้องมาเจอลูกของตัวเองมีสภาพเป็นแบบนี้
แค่คิดจินตนาการว่าเด็กพวกนั้นเป็นลูกของตนเอง หญิงสาวก็แทบจะทำใจไม่ได้
ไม่นานก็มีผู้หญิง 2-3 คนรีบวิ่งออกมาจากฝูงชนแล้วทรุดตัวลงข้างศพเด็กพร้อมกับร้องไห้ระงม
“ลูกแม่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถึงมีสภาพเป็นแบบนี้...”
“เจ้าคลาดสายตาแม่ไปเดี๋ยวเดียวเอง มันกลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไง…”
“ลูกแม่ เจ้าอย่าตายนะ ลืมตามามองแม่สิ ตื่นเถิด...”
ภูตหญิงหลายคนกอดศพลูกของตัวเองพลางร้องไห้น้ำตานองหน้า
ภาพอันน่าเศร้าสลดใจนี้ทำให้คนที่อยู่รอบข้างพากันเงียบลงโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นไม่นานก็มีภูตชายหลายคนที่ดูเหมือนจะเป็นคู่ของภูตหญิงเหล่านั้นวิ่งตามเข้ามา
เมื่อหญิงสาวทั้ง 3 เห็นคู่ของตน พวกนางก็หันไปโผเข้ากอดอีกฝ่ายพร้อมกับสะอื้นไห้แรงขึ้น
“ลูกของข้าถูกไฟคลอกตาย เจ้าทำอะไรอยู่ ทำไมเจ้าไม่ดูแลลูกให้ดี ๆ ลูกข้า ฮือๆๆ...”
1 ในคนเป็นแม่นั้นที่ต้องสูญเสียลูกสาวของตัวเองไป นางเป็นคนที่ร้องไห้หนักมากที่สุด
“ฮือออ!! ลูกของข้าเป็นเด็กที่เชื่อฟังมาก นางไม่เคยวิ่งสะเปะสะปะไปไหน แต่วันนี้นางมาเล่นกับเด็กพวกนี้ที่นี่ได้ยังไง แล้วก็ต้องมาถูกไฟคลอกตายอีก!”
ระหว่างนั้นหลงโม่เห็นว่าหูเจียวเจียวกำลังยืนมองดูศพนิ่ง เขาคิดว่านางกำลังหวาดกลัว เขาจึงก้าวเข้าไปคว้ามือของภรรยาสาวมากุมเอาไว้พร้อมกับใช้ตัวของเขาบดบังภาพน่าสลดใจตรงหน้า
“ถ้าเจ้ารู้สึกกลัวก็กลับไปก่อนเถอะ ข้าจะไปหาหัวหน้าหลินเพื่อจัดการกับเรื่องนี้” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงนุ่มทุ้มฟังดูอ่อนโยน
ทว่าหญิงสาวส่ายหัว ในขณะที่ดวงตาของเธอไม่ได้ละไปจากซากศพเหล่านั้น
“ข้าไม่กลัว”
ยามนี้เธอไม่ได้รู้สึกกลัว แต่เธอกำลังสงสัยว่าทำไมรูปร่างศพของเด็กพวกนี้ถึงดูแปลกประหลาดไปสักหน่อย
ต่อมา หูเจียวเจียวตัดสินใจขยับเข้าไปใกล้ร่างที่ไหม้เกรียมอีก 2-3 ก้าว เธอจ้องมองไปที่หัวของศพ ซึ่งใบหน้าทั้งหมดของเด็กถูกเผาจนไม่หลงเหลือเค้าเดิม ผิวหนังของพวกเขากลายเป็นสีดำสนิทไปหมดแล้ว ตอนนี้มันเหลือเพียงเนื้อแห้ง ๆ อยู่ติดกับกะโหลกศีรษะ
ไม่นานหญิงสาวก็นึกถึงตอนที่ตนพลิกดูตำราทางการแพทย์ในมิติ ในนั้นเธอได้เห็นภาพโครงสร้างกระดูกภูตด้วยตาของตัวเอง
แต่กะโหลกศีรษะของศพเด็กที่นอนอยู่บนพื้นมันดูไม่เหมือนกับกะโหลกศีรษะที่เธอเห็นในตำรา ราวกับว่า... มันถูกบางอย่างเจาะ
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: จังหวะอย่างกับละคร จะได้รู้อยู่แล้วเชียว บ้าจริง!!