บทที่ 164: เลื่อนเป็นเลเวล 5 และ ‘ซื้อ’ รถดับเพลิง!
เมื่อโคโบลด์ตัวสุดท้ายล้มลงเมืองเชิ่งหลงก็กลายเป็นทะเลซากศพ!
ยามเมื่อมองลงมาจากกำแพงเมืองในระยะสายตาล้วนเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ซากศพที่น่าขยะแขยง พวกมันครอบครองพื้นที่เกือบทุกตารางนิ้วใต้กำแพงเมืองไหล่เกยไหล่กรีดร้องกันอย่างต่อเนื่อง!
มอนสเตอร์ซากศพบางตัวที่ปีนกำแพงเมืองเก่งก็ใช้กรงเล็บอันแหลมคมจิกกับกำแพงหินพยายามจะปีนกำแพงเมืองขึ้นมาให้ได้ แต่เหล่าทหารเชิ่งหลงที่ง้างรอมาเป็นชั่วโมงแล้วยิงกะบาลร่วงกันไปตามลำดับ
หอกระเบิดนี่ไม่จำเป็นต้องปา แค่ปล่อยก็พอ ขนาดปิดตาปล่อยยังโดนเลยมาเยอะขนาดนี้
ส่วนถังเจิ้นนั้นได้ใช้ปืนกลต่อต้านอากาศยานโดยใช้แอปแผนที่กับซุปเปอร์เครื่องช่วยยิงล็อคเป้าหานายร้อยซากศพ เจอเมื่อไหร่ก็ลั่นไกแยกร่างมันออกเป็นร้อยชิ้น!
นายร้อยซากศพเลเวล 4 พอจะให้ค่าประสบการณ์เขาได้นิดหน่อยและพอจะช่วยให้เขาสามารถเลื่อนเป็นเลเวล 5 ได้!
ดังคำกล่าวที่ว่า “ความซวยกับวาสนามักจะมาคู่กัน” กองทัพซากศพนี้เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ต่อเมืองเชิ่งหลงจริงไม่ปฏิเสธเลย แต่เมื่อมองจากอีกมุมหนึ่งมันก็คือโอกาสครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน!
เพราะถ้าสามารถกำจัดไอ้มอนสเตอร์พวกนี้ได้หมดล่ะก็เขาจะสามารถเก็บรวบรวมลูกปัดสมองได้อีกกองโต ซึ่งโตเกินพอที่จะใช้เลื่อนระดับเมืองเชิ่งหลงให้เป็นโหลวเฉิงเลเวล 2!
เสียงปืนกลต่อต้านอากาศยานดังไม่มีพัก นายร้อยซากศพแม้จะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางมอนสเตอร์ซากศพจำนวนมากแต่ก็ไม่อาจขัดขืนคำพิพากษาจากปืนลำกล้องขนาดใหญ่ของถังเจิ้นได้เลย พวกมันได้แต่เห่าหอนอะไรก็ไม่รู้แล้วก็ตัวแตกไปทีละตัวสองตัว
ถังเจิ้นไม่รู้ว่าตนได้ฆ่านายร้อยซากศพไปแล้วกี่ตัว จะรู้ก็แค่จู่ ๆ มันก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลอันไร้ประมาณทะลวงไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะกล้ามเนื้อหรือว่ากระดูกต่างก็กรีดร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันทำให้ตัวเขาเองถึงขั้นต้องเงยหน้าแล้วคำรามใส่ท้องฟ้าตามไปด้วย!
ความรู้สึกอันแสนวิเศษจากการเลื่อนเป็นเลเวล 5 และครอบครองพลังของมนุษย์ที่ออกแรงสูงสุด 5 คนพร้อมกัน!
หลังจากเป็นนักรบเลเวล 5 แล้วการล่ามอนสเตอร์ที่เลเวลต่ำกว่า 5 จะไม่ได้ค่าประสบการณ์อีก ดังนั้นถังเจิ้นจึงส่งต่อตำแหน่งมือปืนต่อต้านอากาศยานที่ตอนนี้ประบอกปืนยังแดงฉานต่อให้ทหารข้าง ๆ และดำหมัดแน่นแทบรอไม่ไหวอยากลงไปลุยกับไอ้พวกซากศพเต็มแก่!
แต่พอหันมามองเหล่าทหารเชิ่งหลงที่เข้าร่วมในการป้องกันเมืองแล้วก็พบว่าทุกคนดูเหนื่อยกันมาก ๆ และการโจมตีซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ แบบนี้ต่อให้เป็นทหารหาญที่แข็งแกร่งอย่างพวกเขาก็ยังหมดแรงกันได้ง่าย ๆ
มอนสเตอร์ซากศพนั้นแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นตรงที่ถ้าไม่ทำลายร่างกายพวกมันจนไม่เหลือชิ้นดีหรือปล่อยให้หัวกับตัวพวกมันยังติดกันอยู่ล่ะก็พวกมันจะยังคงแผลงฤทธิ์ได้เสมอ และยังเป็นเหตุให้ต้องเปลืองกระสุนมากโดยที่ฆ่าได้เพียงไม่กี่ตัวอีกด้วย
ถังเจิ้นประมาณว่าจำนวนซอมบี้ที่ถูกฆ่ามีเพียงไม่กี่พันตัวเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับหมดกระสุนไปกว่า 60% ของที่มีสต็อกไว้ทั้งหมดแล้ว!
นี่เป็นอะไรที่น่าตกใจจริง ๆ และทำให้ถังเจิ้นไม่อาจปล่อยให้สถานการณ์ยังคงดำเนินเดินไปในทิศทางนี้ได้ ไม่อย่างนั้นเมื่อกระสุนหมดล่ะก็เมืองเชิ่งหลงจะตกอยู่ในอันตราย
เขาเรียกไทสันมาคุยโดยบอกว่าหลังจากนี้ให้ระวังแค่มอนสเตอร์ที่ปีนกำแพงก็พอ ส่วนไอ้พวกที่เดินเล่นอยู่บนพื้นให้ปล่อย ๆ ไปก่อนเพราะตอนนี้ตนได้มีแผนอื่นที่จะใช้กวาดล้างพวกมันให้เหี้ยนเต้แล้ว!
ถังเจิ้นชำเลืองมองฝูงมอนสเตอร์ซากศพที่แน่นขนัดจากบนกำแพงเมืองยักษ์และเปิดใช้ฟังก์ชันเทเลพอร์ตภายใต้สายตาจับจ้องของเหล่าทหาร!
****************
โลกเดิม ประเทศกิมจิ
ถังเจิ้นเดินออกจากเส้นทางอันไร้ผู้คนไปพลางเปิดแอปเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์สากลไปพลางโดยมีเป้าหมายคือหาซื้อรถดับเพลิงซักสองคัน
ในไม่ช้าเขาก็เจอผลลัพธ์ที่ต้องการ มีบริษัทแห่งหนึ่งขายรถดับเพลิงสองคันพอดี หลังจากเช็กที่ตั้งของบริษัทนี้แล้วก็พบว่ามันอยู่ไม่ไกลนักดังนั้นจึงเลือกเอาที่นี่แหละ
วิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้ปราบไอ้พวกซากศพที่แน่นขนัดใต้กำแพงเมืองคือต้องใช้เครื่องมือพิเศษเข้าช่วยเช่นรถดับเพลิง ซึ่งเขาจะไม่ได้เอามาฉีดน้ำใส่พวกมันแต่จะใช้ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแทน ซึ่งในบรรดาเครื่องมือทั้งหมดที่เขารู้จักก็ไม่มีอันไหนเหมาะสมไปกว่ารถดับเพลิงอีกแล้ว!
หลังจากเดินไปถึงทางหลวงก็เรียกแท็กซี่ บอกที่อยู่เสร็จก็เข้าไปนั่งเบาะหลังและหลับตาพักผ่อน
แท็กซี่วิ่งไปประมาณ 20 นาทีก็ถึงที่หมาย ถังเจิ้นจ่ายเงินแล้วลงจากรถก่อนจะหันไปยังประตูโรงงานแล้วเดินเข้าไป
หลังจากบอกคนเฝ้าประตูปว่าตนมาซื้อรถดับเพลิงอีกฝ่ายก็หยิบมือถือขึ้นมาโทร พูดอะไรกับปลายสองสามคำก็บอกให้ถังเจิ้นตามตนเข้าไป
พื้นที่ของโรงงานแห่งนี้ไม่เล็กเลย ถังเจิ้นเดินตามยามไปอีกครู่หนึ่งกว่าจะได้พบกับผู้รับผิดชอบของโรงงานนี้ซึ่งเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างเตี้ย
หลังจากทั้งสองคุยกันไม่กี่คำชายวัยกลางคนก็พาถังเจิ้นไปที่โรงรถแห่งหนึ่ง เปิดประตูโรงรถแล้วก็เชิญเขาเข้าไป
รถดับเพลิงถังเก็บน้ำสภาพใหม่ 60 - 70% สองคันจอดอยู่ในโรงรถและดูเหมือนพวกมันจะยังอยู่ในสภาพดี ถังเจิ้นตรวจสอบเล็กน้อยและหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าใช้งานได้ปกติดีก็ตัดสินใจซื้อเลย
เมื่อออกมาจากโรงรถถังเจิ้นก็กำลังวางแผนหารือเรื่องราคากับชายวัยกลางคน แต่กลับได้ยินเสียงที่ไม่ใคร่จะได้ยินนักซึ่งเป็นเสียงแหกปากเอาเรื่องของชายหนุ่มคนหนึ่ง “ไอ้สัด! นี่มึงกล้ามาถึงที่นี่ได้ไงวะ!”
พร้อมกับมีมือมาบีบที่ไหล่เขาอย่างแรง
ถังเจิ้นหยุดกึกไปนิดหนึ่งเพราะไม่รู้ว่าไอ้หนุ่มนี่มันเป็นใคร เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าไม่น่าเชื่อเพราะเป็นคนรู้จักจริง ๆ ด้วย เป็นไอ้หนุ่มแว่นกันแดดที่โดนเขาปล้นแว่นเมื่อตอนปล้นรถน้ำมันนั่นเอง
ถังเจิ้นปัดมือมันออกแล้วตะคอกใส่หน้ามันว่า “มึงนี่ขยันอ้อนตีนจังเนาะ! แต่วันนี้อย่าเสือกดีกว่า! ถ้ามาขัดแข้งขัดขาอีกล่ะก็ได้เจอดีแน่!”
ไอ้หนุ่มถูกถังเจิ้นปัดมือก็เซจนเกือบจะล้มลงกับพื้น มันโดนโบกมาสองรอบแล้วตอนนี้ยิ่งแต่จะอับอายขายขี้หน้า วันนี้แหละกะว่าจะเอาให้มันรู้เรื่องกันไปว่าแล้วก็ม้วนแขนเสื้อแล้วปรี่เข้าไปกะจะวางมวย
ชายกลางคนเห็นแบบนั้นก็กระโดดกอดมันไว้อย่างเร็วแล้วบอกว่า “อูชีจะทำไรอีก! ถ้าครั้งนี่เธอยังก่อเรื่องอีกล่ะก็ฉันจะฟ้องท่านประธานแล้วนะ!”
ไอ้หนุ่มอูชีที่โดนรวบก็พยายามดิ้นแต่กลับสลัดไม่ออก เพราะงั้นมันเลยชี้หน้าถังเจิ้นแล้วตะโกนถามว่า “แล้วไอ้ห่านี่มันมาทำห่าอะไรล่ะวะ!”
ชายกลางคนก็รีบตอบว่า “เขาต้องการซื้อรถดับเพลิง! รถสองคันที่พึ่งส่งคืนนั่นไง!”
ได้ยินแบบนี้เมื่อได้ยินเช่นนี้ไอ้เจ้าอูชีมันก็ไม่คิดผลได้ผลเสียอะไรเลยจัดการแหกปากตะคอกใส่ถังเจิ้น “ไสหัวไปเลยไอ่เวร! กูไม่ขายให้มึงหรอกโว่ยจะไปไหนก็ไปไสหัวไปให้พ้น!”
ชายวัยกลางคนยิ้มเศร้า ๆ เพราะนอกจากก่อเรื่องแล้วลูกชายประธานคือไม่เก่งอย่างอื่นเลย เพราะงั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่พ่อมันส่งมานี่ เจ้าตัวคงอยากให้มันมาสงบสติอารมณ์ซะบ้าง แต่ก็ดูมันซิสงบได้ยังไม่ทันไรก็ทะเลาะกับลูกค้าซะแล้ว
ชายกลางคนไม่รู้หรอกว่าทั้งสองทะเลาะกันเรื่องอะไร รู้อย่างเดียวคือคุณชายของตัวเองมันเอาแต่ใจเกินไป!
ถังเจิ้นมองดูไอ้หนุ่มอูชีที่กำลังกัดฟันกรอด ๆ และพยายามตะกุยกรงเล็บใส่ตนก็ส่ายหน้าเบา ๆ ตัวเขานั้นไม่ได้สนใจคนแบบนี้เลยจริง ๆ และเดิมทีเขาก็กะว่าจะจ่ายเงินอย่างตรงไปตรงมาแท้ ๆ แต่พอไอ้บ้านี่มันมาโวยวาย... งั้นก็รอเงินไปจนตายเถอะ!
ถังเจิ้นไม่มีอารมณ์มานั่งเคลียร์แล้ว อีกซักพักค่อยแอบมาเอารถพวกนั้นไปก็แล้วกัน!
คิดได้แบบนี้เขาก็หันหลังจากไปโดยไม่สนเสียงร้องห้ามของชายกลางคนและเสียงเยาะเย้ยของไอ้หนุ่มอูชี เมื่อออกจากประตูโรงงานก็รีบเลี้ยวเข้าตรอกข้าง ๆ
สิบนาทีต่อมาถังเจิ้นที่เปิดม่านแสงควอนตัมรอแล้วก็กลับไปที่โรงรถอีกครั้งและส่งรถดับเพลิงทั้งสองคันกลับไปที่กำแพงเมืองเชิ่งหลง เมื่อมองอย่างพอใจแล้วก็ไปเตรียมของอย่างต่อไป