ตอนที่ 537 กิจการของสวนเสือคำราม
ตอนที่ 537 กิจการของสวนเสือคำราม
เมื่อเซี่ยเฟยจากไปแล้วหยูฮัวก็หยิบคันเบ็ดขึ้นมา ก่อนที่จะมานั่งตกปลาอยู่ข้าง ๆ หยูเจียง
“ทำไมตระกูลม่อถึงยอมปล่อยเซี่ยเฟยกลับมาและรับซื้อศพของหนอนด้วงมิติในราคาที่สูงมาก ผมว่าเรื่องนี้มันดูผิดปกติมากเกินไป” หยูฮัวกล่าว
“พวกเขาแค่ต้องการผูกมิตรกับพวกเรา และพวกเขาก็น่าจะคิดว่าตระกูลหยูไม่ได้ใกล้จะล่มสลายเหมือนกับข่าวลือที่หลุดออกมา ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ เซี่ยเฟยจะสังหารหนอนด้วงมิติได้แบบนั้น ฉันเชื่อว่าพวกเขาก็คงจะไม่คิดว่าเซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่นักรบกฎขั้นที่ 4 หรอก” หยูเจียงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
“เพราะแบบนั้นตระกูลม่อจึงคิดว่าตระกูลของเราแอบซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้สินะครับ และที่พวกเขายอมรับซื้อศพของหนอนด้วงมิติในราคาที่สูงขนาดนั้น นั่นก็เพราะว่าพวกเขาต้องการจะผูกความสัมพันธ์กับเซี่ยเฟยที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นชนชั้นสูงในอนาคต” หยูฮัวพยายามสันนิษฐาน
“ใช่ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เซี่ยเฟยเป็นคนที่พิเศษมากแม้แต่ฉันก็ยังไม่สามารถมองทะลุถึงความลับที่เขากำลังพยายามซ่อนพวกเราอยู่ได้ แต่อย่างน้อยความลับของเขาก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเราและเราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปบีบคั้นเขามากนัก สักวันหนึ่งคำตอบก็คงจะถูกเฉลยออกมาเองนั่นแหละ” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“นั่นสินะครับ เดี๋ยวสักวันหนึ่งพวกเราก็คงจะรู้เรื่องความลับของเขาเอง” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
—
“เจ้านาย! ในที่สุดเจ้านายก็กลับมาแล้วพวกเราคิดถึงเจ้านายจังเลย” กระป๋องรีบวิ่งเข้ามาต้อนรับเซี่ยเฟยอย่างดีใจ
“ฉันก็คิดถึงนายเหมือนกัน แต่ฉันต้องทิ้งนายเอาไว้กับขนอุย เพราะว่าครั้งนี้ฉันเอาขนอุยไปที่อ่างน้ำด้วยไม่ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับตบหัวกระป๋องเบา ๆ
กระป๋องให้อาหารขนอุยทุกวันตามที่เจ้านายสั่ง แต่ขนอุยกินอาหารหมดตั้งแต่เมื่อวานเขาเลยรู้สึกหิวมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” กระป๋องกล่าว
ในเวลาเดียวกันนั้นขนอุยก็พยายามซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ราวกับว่ามันกำลังงอนชายหนุ่มที่ทิ้งมันไปเป็นเวลานาน
“ออกมานี่เลยไม่ต้องงอน เดี๋ยววันนี้ฉันชดเชยอาหารให้” เซี่ยเฟยยกผ้าห่มขึ้นก่อนที่จะโยนคริสตัลม่วงให้กับขนอุย 3 ก้อน
ขนอุยเป็นพวกเห็นแก่กินมาตั้งแต่เด็กแล้ว ดังนั้นเมื่อมันได้เห็นอาหารมันจึงไม่ได้รู้สึกโกรธเซี่ยเฟยอีกต่อไปและพุ่งตัวเข้าไปกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะขายศพหนอนด้วงมิติได้ 1,000 คริสตัลขาว แต่เขาก็ยังไม่คิดจะมอบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 ให้ขนอุยกิน เพราะท้ายที่สุดเขาก็ยังไม่มีแหล่งรายได้ที่แน่นอน หมายความว่าไม่ช้าก็เร็วเงินจำนวนนี้ก็คงจะหมดลงในสักวันหนึ่งถ้าหากว่าเขายังไม่สามารถคิดหาวิธีทำเงินแบบใหม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มยังรู้ดีว่าขนอุยเป็นพวกหัวสูงมากแค่ไหน ดังนั้นถ้าหากว่ามันได้มีโอกาสลิ้มรสคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 เมื่อไหร่ มันก็จะไม่ยอมกินอาหารระดับต่ำกว่านั้นอีก ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องวางแผนค่าใช้จ่ายเอาไว้ล่วงหน้า และถ้าหากว่าเขามีคริสตัลต้นกำเนิดอย่างเหลือเฟือ เขาค่อยให้คริสตัลระดับ 3 กับขนอุยทีหลังก็ไม่ใช่เรื่องที่สายเกินไปมากนัก
“วันนี้ฝากทำความสะอาดห้องครั้งใหญ่ด้วย แล้วพรุ่งนี้พวกเราจะย้ายไปบ้านใหม่กัน” เซี่ยเฟยอุ้มขนอุยที่กำลังกินอาหารแก้มตุ่ยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับหันไปสั่งงานกับกระป๋อง
“ได้ครับ” กระป๋องรับคำสั่งอย่างขยันขันแข็งและมันก็รู้สึกดีใจมากที่เซี่ยเฟยได้มอบงานให้กับมันแบบนี้
ปัจจุบันชายหนุ่มได้กลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 4 แล้ว ทางตระกูลหยูจึงจัดหาบ้านเดี่ยวให้กับเขาและเขาก็สามารถที่จะเข้าไปอยู่อาศัยในบ้านหลังนั้นได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
เมื่อเซี่ยเฟยเดินทางไปที่สวนเสือคำรามเขาก็รู้สึกสับสนกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างมาก เพราะจู่ ๆ มันก็มีสัตว์อสูรหน้าใหม่มากกว่า 10 ตัวถูกขังอยู่ในกรง แล้วมันก็มีคนอีก 2-3 คนกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่อาคารสำนักงาน
“คุณคือผู้จัดการสวนเสือคำรามคนใหม่ใช่ไหม?” หญิงสาววัยประมาณ 20 ปีลุกขึ้นก่อนที่จะเดินเข้ามาทักทายเซี่ยเฟย
“ใช่ครับ ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไร?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“พอดีว่าฉันพึ่งได้งูเหลือมเขาฟ้ามา ฉันต้องการให้คุณฝึกมันให้กับฉันหน่อย” หญิงสาวกล่าว
แม้ว่าการฝึกสัตว์อสูรจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ สำหรับเขา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าคนพวกนี้รู้ได้ยังไงว่าเขาสามารถทำให้สัตว์อสูรกลายเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่อง ๆ ได้ หรือว่าข่าวที่เขาสามารถฝึกสัตว์อสูรได้จะแพร่กระจายไปในตระกูลแล้ว
“เอาล่ะเดี๋ยวผมขอเวลาสักครู่” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่เขาจะโบกมือเรียกหยูซานสุ่ยให้เดินมาหาเขา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” เซี่ยเฟยถามด้วยเสียงกระซิบ
“ในตระกูลหยูของเรามีนักรบหลาย ๆ คนชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์อสูร แต่พวกเขายังไม่สามารถหาวิธีฝึกให้สัตว์อสูรพวกนั้นกลายเป็นสัตว์เชื่อง ๆ ได้ แต่จู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินข่าวมาว่าคุณสามารถฝึกอสูรราชาทั้งสองตัวในสวนเสือคำรามได้สำเร็จ พวกเขาเลยเดินทางมาที่นี่เพื่อขอให้คุณฝึกสัตว์อสูรของพวกเขา” หยูซานสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างโล่งใจ เพราะท้ายที่สุดมันก็ยังไม่มีใครรู้ความลับเรื่องวิชามนตราอสูรของเขา และการฝึกสัตว์อสูรให้คนอื่นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาด้วยเหมือนกัน
“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นฉันจะเข้าไปรอข้างในห้อง แล้วนายค่อยให้พวกเขาเอาสัตว์อสูรเข้ามาทีละตัว” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไม่ทราบว่าเจ้านายจะเรียกเก็บค่าบริการฝึกสัตว์อสูรยังไง?” หยูซานสุ่ยรีบถามเซี่ยเฟยไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินเข้าไปภายในห้อง
“ค่าบริการ?”
“ใช่ครับ มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอครับที่เราจะเรียกเก็บค่าบริการในการฝึกสัตว์อสูรให้กับพวกเขา”
นับตั้งแต่ที่เขาได้เห็นเซี่ยเฟยสามารถควบคุมอสูรราชาได้ตามใจนึก เขาก็ตัดสินใจไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับชายหนุ่มอีกต่อไป เขาจึงพูดคุยกับเจ้านายคนใหม่ด้วยความเคารพอย่างสูง
นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังเลื่อนระดับพลังกลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 4 ได้ในเวลาเพียงแค่ 1 เดือนทำให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปทั้งนอกและในตระกูลหยู ด้วยเหตุนี้หยูซานสุ่ยจึงตั้งใจที่จะผูกมิตรกับเซี่ยเฟยอย่างจริงจัง
‘แค่ช่วยคนอื่นฝึกสัตว์อสูรก็หาเงินได้ด้วยงั้นเหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดในใจอย่างมีความสุข
เพื่อเร่งการฝึกฝนเซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องบริโภคคริสตัลม่วงไม่น้อยกว่า 10 ชิ้นในทุก ๆ วัน และอัตราการบริโภคพลังงานก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามระดับพลังที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นค่าใช้จ่ายประจำวันของเขาจึงเพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้นขนอุยก็ยังต้องการพลังงานปริมาณมหาศาลในทุก ๆ วันด้วยเหมือนกัน และถ้าหากว่าเขาต้องการให้มันโตไว ๆ มันก็จำเป็นจะต้องใช้คริสตัลต้นกำเนิดในปริมาณที่เยอะมาก
ปัจจุบันนอกเหนือจากเงินเดือนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาได้รับจากการเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการสวนเสือคำรามแห่งนี้แล้ว เขาก็ไม่มีรายได้ช่องทางอื่นเลย และถึงแม้ว่าเขาจะมีคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 กว่า 1,000 ชิ้นอยู่ในแหวนมิติ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนำพวกมันออกมาใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพราะเขายังต้องวางแผนเดินทางกลับไปยังพันธมิตร ด้วยเหตุนี้เขาจึงจำเป็นจะต้องเก็บเงินเอาไว้ซื้อเข็มทิศมิติและต้องเผื่อเงินเอาไว้สำหรับค่าเดินทางด้วย
เท่าที่เขารู้แม้แต่เข็มทิศมิติที่มีราคาถูกที่สุดก็มีราคาสูงถึง 100 คริสตัลขาว ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงไม่สามารถนำเงินจำนวนนั้นออกมาใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้จริง ๆ
ขณะเดียวกันถ้าหากว่าเขาสามารถหารายได้เสริมจากการช่วยคนอื่นฝึกสัตว์อสูรได้ มันก็จะทำให้เขาพอจะได้รับค่าตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้เขาหาค่าใช้จ่ายรายวันได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้จ่ายคริสตัลขาวที่เขาได้รับมาจากการขายศพของหนอนด้วงมิติเลย
“ปกติที่อื่นเขาคิดค่าฝึกสัตว์อสูรกันยังไง?” เซี่ยเฟยถาม
หยูซานสุ่ยอาศัยอยู่ในตระกูลหยูเป็นเวลานานแล้ว เขาจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับเรื่องต่าง ๆ ภายในตระกูลเป็นอย่างดี เซี่ยเฟยจึงต้องการจะสอบถามความคิดเห็นของอีกฝ่ายก่อนที่เขาจะเริ่มตั้งราคา
“คนส่วนใหญ่ที่เริ่มเลี้ยงสัตว์อสูรระดับปกติไม่ใช่คนที่ร่ำรวยเท่าไหร่นัก ถ้าหากพวกเราเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมตั้งแต่ 10 คริสตัลม่วงขึ้นไป พวกเขาก็น่าจะมีเงินมากพอมาจ่ายค่าบริการให้กับพวกเราได้”
“แต่ในกรณีของอสูรราชาเป็นกรณีที่แตกต่างออกไป เพราะคนที่สามารถเลี้ยงสัตว์อสูรระดับนี้ได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ผมคิดว่าเราควรเริ่มเก็บค่าบริการสำหรับอสูรราชาที่ 100 คริสตัลม่วง และค่อย ๆ เพิ่มค่าบริการอีก 10 คริสตัลม่วงตามแต่ละระดับของพวกมัน” หยูซานสุ่ยกล่าวแสดงความคิดเห็น
เซี่ยเฟยคิดว่าราคานี้สมเหตุสมผลมาก เขาจึงพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
เมื่อตกลงเรื่องราคาค่าบริการกันได้แล้ว เซี่ยเฟยก็เข้าไปนั่งในห้องทำงานพร้อมกับนำขนอุยมาวางเอาไว้บนไหล่ประจำตำแหน่ง เพราะท้ายที่สุดเจ้านี่ก็เป็นถึงสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเพียงแค่สัตว์อสูรตัวอื่นเข้ามาพวกมันก็จะรู้สึกเกรงกลัวขนอุย จนไม่กล้าที่จะอาละวาดและสร้างความวุ่นวายในสำนักงานของเขาแล้ว
แต่จากประสบการณ์ครั้งก่อนที่ขนอุยส่งเสียงร้องคำรามและทำให้สัตว์อสูรตกใจกลัวจนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก ชายหนุ่มจึงกำชับไม่ให้มันส่งเสียงออกมาอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นสัตว์อสูรของลูกค้าของเขาก็อาจจะตกใจกลัวเสียงของเจ้านี่จนตายคาที่ไปด้วยเหมือนกัน
ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เซี่ยเฟยก็ได้รับคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 2 เข้ามาเพิ่มอีก 137 ชิ้น และเมื่อมันได้รวมกับคริสตัล 16 ชิ้นที่เหลืออยู่ในก่อนหน้านี้ มันจึงทำให้เขามีคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 2 จำนวน 153 ชิ้นและคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 อีก 1,000 ชิ้นอยู่ในแหวนมิติ
แม้ว่าเงินจำนวนร้อยกว่าคริสตัลม่วงนี้จะดูเหมือนเป็นเงินจำนวนไม่มากนัก แต่อย่าลืมว่าเงินเบี้ยเลี้ยงของเซี่ยเฟยมีเพียง 14 คริสตัลม่วงเท่านั้น และเมื่อมันได้รวมกับเงินเดือน 30 คริสตัลม่วงที่เขาเป็นผู้จัดการของสวนเสือคำราม
มันก็หมายความว่าชายหนุ่มจะได้รับเงินเดือนทั้งเดือนเพียงแค่ 44 คริสตัลม่วงเท่านั้นเอง ซึ่งมันก็หมายความว่าในวันนี้ที่เขาใช้เวลาฝึกสัตว์อสูรให้คนอื่นไม่ถึง 1 ชั่วโมง เขากลับสามารถสร้างเงินได้เท่า ๆ กับการทำงานแบบปกติเป็นเวลาถึง 3 เดือน
ยิ่งไปกว่านั้นทั่วทั้งตระกูลหยูยังมีคนที่มีปัญหาเรื่องสัตว์อสูรอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งลูกค้าในวันนี้ยังไม่ถึง 1 ใน 10 ของลูกค้าที่มีอยู่ทั้งตระกูลด้วยซ้ำ และด้วยข่าวลือที่กำลังแพร่กระจายออกไป มันก็คงจะเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่ลูกค้าพวกนั้นจะเดินทางมาหาเขา
หลังจากจัดการลูกค้าวันนี้จนหมดแล้ว เซี่ยเฟยก็ได้มอบโบนัสให้กับพนักงานแต่ละคนเป็นคริสตัลม่วงคนละ 2 ชิ้น พนักงานทุกคนจึงรู้สึกซาบซึ้งมากและพูดขอบคุณเขาเป็นเวลานาน
วันรุ่งขึ้นมันก็มีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งนำสัตว์อสูรมาให้ชายหนุ่มช่วยฝึกให้ และเมื่อเวลาผ่านไปชื่อเสียงเรื่องการฝึกสัตว์อสูรของเขาก็แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งตระกูลอย่างรวดเร็ว
—
บ้านพักประจำตำแหน่งที่เซี่ยเฟยเพิ่งได้รับมาเป็นบ้านเดี่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง โดยมันเป็นบ้านพัก 3 หลังเรียงตัวกันเป็นแนวยาว นอกจากนี้มันยังมีต้นไม้ในสวนที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม
เมื่อเดินทางมายังบ้านใหม่กระป๋องก็เริ่มงานทำความสะอาดของมันอีกครั้ง มันจึงเริ่มทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายในตัวอาคาร แต่มันอาจจะเป็นเพราะที่นี่ยังขาดแอวริลไปเซี่ยเฟยจึงรู้สึกเหงาอยู่พอสมควร
อาคารทางด้านซ้ายเป็นอาคารที่มีเอาไว้สำหรับการฝึกฝน ชายหนุ่มจึงเข้าไปในห้องและนำดาบบลัดบิวเทียสออกมาวางเพื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของมันอย่างถี่ถ้วน
“ดูเหมือนว่าบลัดบิวเทียสจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากเลยนะ ตอนนี้มันให้สัมผัสที่ดุร้ายมากไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มันดูเป็นอาวุธที่ไม่มีความอันตรายอะไรเลย” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
หลังจากสังเกตตัวดาบอย่างละเอียด พวกเขาก็ได้พบว่าบริเวณด้านข้างของตัวดาบดูเหมือนจะมีเส้นบอกระดับความก้าวหน้าของบลัดบิวเทียสประดับเอาไว้อยู่
“นี่มันประมาณแค่ 1 ใน 10 นายคงจะต้องสังหารหนอนด้วงมิติอีก 10 ตัว นายถึงจะสามารถฟื้นคืนพลังที่แท้จริงให้กับมันได้” อันธกล่าว
“ปล่อยสัตว์ประหลาดตัวนั้นไปเถอะ ยังดีว่าตอนนั้นหงส์ครามออกมาช่วยชีวิตฉันเอาไว้ แต่ครั้งต่อไปฉันอาจจะไม่ได้โชคดีแบบนั้นก็ได้ อย่าลืมนะว่าตอนนี้ฉันยังหาวิธีควบคุมหงส์ครามไม่ได้เลย ฉันว่าเราพักเรื่องบลัดบิวเทียสไปก่อนดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นเขาก็หยิบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 ออกมาจากแหวนมิติและถือมันเอาไว้ภายในมือ
สิ่งที่ชายหนุ่มเริ่มฝึกฝนในตอนนี้คือกฎแห่งการกลั่นพลังงาน เพราะถ้าหากว่าเขาสามารถฝึกฝนกฎ ๆ นี้ได้สำเร็จ มันก็จะทำให้เขาค้นพบทางลัดไปสู่ความร่ำรวย
เส้นใยพลังงานเริ่มถักทอเป็นอักขระของกฎแห่งการกลั่นพลังงานในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอย่างช้า ๆ และเนื่องมาจากว่ามันไม่มีใครคอยให้คำแนะนำ เขาจึงจำเป็นจะต้องค่อย ๆ คลำทางไปท่ามกลางความมืดมิด
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็รู้ดีว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ยากลำบากมากอยู่แล้ว เพราะทั่วทั้งตระกูลหยูมีประชากรอยู่นับล้าน ๆ คน แต่มันกลับมีผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานอยู่เพียงแค่คนเดียว ซึ่งมันเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าการพยายามเดินทางบนเส้นทางนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากแค่ไหน
***************
ทุกคนคิดว่าตอนหน้าพี่เฟยจะฝึกกฎการกลั่นพลังงานได้เลยไหม? คอมเมนต์หน่อยเร็ววว