ตอนที่ 37 ต่างมุมมอง
ตอนที่ 37 ต่างมุมมอง
ผ่านมาได้สามวันแล้วสินะ ที่เขาได้มาอยู่กับนานาแบบนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
ทุกคนที่นี่ปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนในระหว่าง 3 วัน ที่เขาได้มาอยู่ที่นี่ กิจกรรมส่วนใหญ่ที่เขาทำ นั่นก็เป็นกิจกรรมในห้องนอนกับนานานั่นเอง
แม้จะมีปัญหานิดหน่อย ตรงที่ชอบมีคนมาแอบดูเวลาเขากำลังทำกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์กับนานาอยู่ตลอด แม้มันจะรู้สึกแปลกๆ ที่ถูกแอบมอง แต่ส่วนใหญ่คนที่มาแอบมองมักจะเป็นหญิงสาวสวยๆ เพราะแบบนั้นเขาจึงพยายามคิดว่าเป็นการให้ความรู้ทางอ้อมกับพวกเธอ จึงไม่ได้คิดเอาความฟ้องร้องขึ้นศาลแต่อย่างใด..
ในเวลาว่าง หลังจากที่เขาทำให้นานาเหนื่อยจนนอนหมดแรงอยู่ที่เตียงเรียบร้อยแล้ว เขาก็มักจะอาศัยช่วงเวลานี้ออกมาเดินเล่นด้านนอก
เอาจริงๆ แม้ที่นี่จะถูกเรียกว่าโบสถ์ก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้เหมือนกับโบสถ์ในโลกเก่าที่เขาเคยอยู่
จะเหมือนกันก็แค่เพียงเป็นศูนย์รวมของผู้คน ที่นี่ไม่ได้มีกฎระเบียบเคร่งครัดอะไรมากมาย
หลังจากที่เขาได้เข้ามาอยู่ที่นี่ได้สักระยะ เขาก็สังเกตเห็นว่า คนที่เข้ามาที่นี่มีเพียงส่วนน้อยที่จะมานั่งสวดมนต์ นั่งสมาธิ หรืออธิษฐานจิต น่าจะมีแค่ 1ใน10 ของผู้คนที่มาทั้งหมดเห็นจะได้
เพราะส่วนใหญ่คนที่มาที่นี่ ก็มักจะจับกลุ่มพูดคุยกัน หรือไม่ก็หาอะไรสนุกๆ เล่นกันเสียมากกว่า
ที่นี่มีกิจกรรมมากมายให้ทุกคนได้เลือกทำ ยกตัวอย่างเช่น มีสนามกีฬาให้ออกกำลังกาย มีสระให้ว่ายน้ำ มีสวนให้ชมนก หรืออาจร่วมกันประกอบอาหาร เล่นหมากรุก ร้องเพลง แต่งบทกวี
เอาจริงๆ เหตุผลที่คนมาที่นี่ อาจเป็นเพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่สะดวกสบายและเต็มไปด้วยสิ่งบันเทิงมากกว่า ผู้คนจึงไม่ได้คิดที่จะมาอธิษฐานกันเหมือนในโลกเก่าของเขา
ซึ่งโดยส่วนใหญ่นั้น ผู้ชายก็จะจับกลุ่มกันเล่นสนุกกันมากกว่า โดยหน้าที่ทำความสะอาด หรือดูแลสถานที่ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของพวกผู้หญิง
‘เกิดเป็น [ผู้หญิงสุดแสนจะลำบาก] ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจคำพูดนั้นแล้วล่ะสิ ไม่ว่าจะเป็นโลกใบไหน ผู้หญิงก็มักจะลำบากกว่าผู้ชายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางสังคมหรือว่าร่างกาย’ เขาคิดพิจารณาอยู่ในใจขณะเดินเล่น
‘พอลองมาคิดๆ ดูแล้ว ทำไมโลกเอลฬ์นี้ ถึงไม่มีเพศที่สามเลยแฮะ ตั้งแต่ที่มาอยู่ในโลกนี้ เราก็ยังไม่เคยเห็นเลยนี่นา แต่ไม่มีก็คงดีแล้ว อื้ม’ เขาพยักหน้าให้กับความคิดของตัวเองอย่างเห็นชอบ
ที่เขาคิดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขาจะบูลลี่คนที่เป็นเพศที่สามแต่อย่างใด หากมีคนมาถามว่า คุณคิดเห็นยังไงกับเพศที่สาม คุณจะตอบว่าอย่างไร?
สำหรับเขาก็คงเป็น [ไม่ถูกโรคด้วย] ไม่ใช่ว่าเขาบูลลี่รังเกียจหรือต่อต้านแต่อย่างใด เพราะเพศที่สามที่นิสัยดีและน่ารัก ก็มีอยู่ไม่น้อย
แต่เขาแค่รู้สึกไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เหมือนเวลาเดินผ่านถนน แล้วเห็นกะเทยจับกลุ่มคุยกันเขาก็มักจะหลีกเลี่ยง
ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจเพศของพวกเธอ เขาก็แค่ไม่ถูกกับนิสัยของพวกเธอที่ชอบพูดเสียงดัง และทำตัวแปลกๆ และด้วยนิสัยที่ต่างกันเกินไป จึงทำให้ไม่กล้าที่จะเกี่ยวข้องด้วย
แต่พอทำแบบนั้นมากๆ เข้า ก็จะถูกผู้คนโดยรอบกล่าวหาว่ารังเกียจพวกเธอ และถูกบูลลี่ไปเองซะงั้น?
ทั้งๆ ที่เขาก็แค่หลีกเลี่ยง หากทำแบบนี้กับคนทั่วไป มันก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่พอทำแบบนี้กับพวกเธอแล้ว เขากลับถูกทำราวกับว่าตัวเองเป็นฝ่ายตัวร้ายซะงั้น
ราวกับสังคมกำลังจะบอกว่า ถ้าคุณไม่เห็นด้วย ก็เท่ากับว่าคุณเป็นคนไม่ดี หรือเป็นพวกคบไม่ได้?
หลายครั้งที่พวกเธอหรือเขา มักจะรวมตัวกันเพื่อเดินชูป้ายไปตามถนน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่รับได้ ไม่ต่างอะไรกับการประท้วง ที่คนทั่วไปมักจะทำกันเพื่อเรียกร้องสิทธิอะไรบางอย่าง
แต่หลังๆ เรื่องราวก็เริ่มจะรุนแรงขึ้น เมื่อพวกเธอหรือเขา เริ่มพยายามกดดันคนอื่น เพื่อที่จะให้คนอื่นนั้น ยอมรับในสิ่งที่พวกเธอเรียกร้อง ด้วยวิธีการต่างๆ นานา บ่อยครั้งมักจะใช้ความรุนแรงร่วมด้วย เช่นการสาดสีใส่สถานที่สำคัญ หรือทำลายสิ่งก่อสร้างต่างๆ เป็นต้น
ทั้งๆ ที่ในโลกยุคใหม่ ทุกคนก็เริ่มยอมรับเพศทางเลือกแล้ว แต่ก็อย่างที่ว่า ความต้องการของคนเราไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อได้แล้วก็อยากจะได้อีก เป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ และเมื่อไม่ได้สิ่งไหนที่ต้องการก็จะเริ่มออกอาการ…
ส่วนในมุมมองของเขานั้นมองว่า มันเป็นปกติของโลกอยู่แล้ว ที่ทุกอย่างจะไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่ใจเราต้องการ
ทำไมถึงต้องการให้คนทั้งโลกยอมรับ ยอมรับแค่ตัวเองก็พอแล้วไหม? แม้คนที่จะไม่เห็นด้วยในเพศของพวกคุณนั้นมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาหรือเปล่า ทำไมถึงเห็นพวกเขาเป็นคนไม่ดีกันล่ะ?
บางครั้งเขาเองก็เหลือทนจึงได้พูดแสดงความคิดเห็นออกไป..
“เราเข้าใจว่าคุณภูมิใจในเพศของคุณ แต่ทำไมเราถึงต้องภูมิใจในเพศของคุณด้วยล่ะ?”
ซึ่งแน่นอนว่าไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น..
คิดแล้วก็ตลกดี ในชีวิตก่อนของเขานั้น โลกเต็มไปด้วยความวุ่นวายและซับซ้อน
เพราะแบบนั้นเขาจึงไม่เคยรู้สึกเสียใจ หรือคิดถึงในโลกก่อนเลยแม้แต่น้อย..
つづく