ตอนที่ 32 ความสัมพันธ์
ตอนที่ 32 ความสัมพันธ์
“หืม~ นายะจะบอกว่าตัวเองถูกขืนใจอย่างนั้นเหรอ? แต่ที่พี่เห็นเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้นนะ” นาริพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่ากลัว ขณะจ้องมองไปที่น้องสาวตัวแสบของตัวเอง
“เอ่อท่านพี่คะ คือว่า..หนู เอ่อคือ...หนู..” นายะพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก พยายามหาข้อแก้ตัว ท่าทางลุกลี้ลุกลน
“แล้วนายล่ะนากิ แค่ฉันกับยัยสามสาวนั่น นายยังไม่รู้จักพออีกเหรอไง ถึงได้แอบมามีอะไรกับน้องสาวฉันเนี่ย อ้อ! ยังมียัยสาวแว่นที่อยู่ในห้องปรุงยาอีกด้วยนี่นา” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหึงหวง
ที่จริงเรื่องนี้เธอไม่สมควรจะรู้สึกไม่พอใจ กลับกันสมควรจะรู้สึกดีใจด้วยซ้ำ ที่ภายในตระกูลมีโอกาสจะเกิดทายาทขึ้นมาอีก
ถึงตอนแรกเรื่องนี้ จะเป็นแค่ข้อตกลงระหว่างเธอกับเขา แต่เมื่อนานวันไป เธอก็เริ่มมีความรู้สึกพิเศษกับเขา ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น มันทำให้เธออดรู้สึกไม่พอใจไม่ได้ เมื่อเขาไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น แม้คนๆ นั้นจะเป็นน้องสาวของเธอก็ตาม
เขาหลับตาครุ่นคิด ว่าจะเอายังไงต่อดี ก่อนจะลืมตาขึ้นมาและชี้นิ้วไปที่นายะ
“ผมต่างหาก ที่ถูกขืนใจน่ะ” เขาพูดออกมาด้วยใบหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อนในขณะที่พยายามโยนความผิดทั้งหมดไปคืนนายะบ้าง
“เอ๊ะ! ไม่ใช่นะท่านพี่ หนูต่างหากล่ะที่ถูกขืนใจ” นายะเองก็ตกใจที่ได้ยินแบบนั้น และกลัวว่าจะโดนพี่สาวลงโทษ จึงรีบกล่าวปฏิเสธออกมาทันที
“ไม่ครับ เธอโกหก ผมต่างหากที่ตกเป็นเหยื่อ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนตนเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ
“พูดบ้าอะไรของนายน่ะ!! ทั้งหมดมันเป็นความผิดของนายนั้นแหละ หยุดตอแหลได้แล้ว ไอ้เจ้าบ้า! ไอ้คนกะล่อน!” นายะพูดอย่างโมโหพร้อมชี้หน้าด่าเขา สายตาที่จ้องมองมาที่เขา ราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อ
“ไม่ครับ ผมบริสุทธิ์ นายะต่างหากล่ะที่เป็นฝ่ายเข้ามาในห้องผมก่อน แถมยังเป็นผู้กระทำผมทุกอย่าง นายะยังบอกอีกด้วยว่านาริเบื่อผมแล้ว และชวนผมให้ยอมไปเป็นของเล่นของเธออีกด้วย” เขารีบปฏิเสธหน้าตาย
“หน่อยแน่! ตายซะเถอะไอ้เจ้าบ้านี่!!” พูดแล้วเธอก็กระโจนเข้าไปกัดเข้าที่แขนของเขาด้วยความโหดร้าย
“โอ๊ย เจ็บ เจ็บๆ! ปล่อยนะ เฮ้ย! เธอเป็นหมาหรือไงเนี่ย!” เขาพูดพร้อมพยายามดันหัวเธอออกไป พร้อมกับรีบสะบัดมือที่ถูกเธอกัดอยู่ออก
‘ไอ้คนนิสัยไม่ดี! ปล่อยก็โง่แล้ว!! งับๆๆ’ เธอคิดในใจขณะที่เพิ่มแรงกัดให้แรงขึ้นอีก
มองดูเด็กทั้งสองที่กำลังทะเลาะกันอยู่อย่างไร้สาระ นาริเธอก็ได้ถอนหายใจออกมา ความหึงหวงได้สลายหายไป ก่อนจะเกิดความรู้สึกรำคาญขึ้นมาแทน
“เฮ้อ.. พอๆๆ หยุดได้แล้วทั้งสองคน!” เธอตะโกนออกไป และมันก็ทำให้เด็กทั้งสองคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ได้หยุดทะเลาะกันทันที
“ขอโทษนะนากิ ฉันเผลอทำตัวไม่มีเหตุผลไปหน่อย ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับฉัน ตั้งแต่เดิมจนตอนนี้ เราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่นะ ถึงนายจะไปมีอะไรกับใคร ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปหึงหวงอะไรอยู่แล้ว” ขณะพูดใบหน้าของเธอก็ดูเศร้าลงนิดหน่อย ก่อนมันจะหายไปอย่างรวดเร็ว
“แต่สำหรับนายะ ดูเหมือนเราจะมีเรื่องที่ต้องคุยกันสักหน่อยนะ” น้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรได้ส่งไปหาน้องสาวของตัวเอง
“เอ๋! หนูไม่ได้ผิดอะไรนะ! ทะ ท่านพี่อย่ามองหนูด้วยสายตาแบบนั้นสิ... อ๊ะ!” ยังไม่ทันที่นายะจะพูดจบ เธอก็ถูกนาริพาตัวออกไปนอกห้องซะแล้ว
เห็นร่างสองสาวที่ออกไปจากห้องแล้วเขาก็รู้สึกเหมือนวิกฤตได้ผ่านพ้นไป ถึงเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ ก็เถอะ
ผ่านไปสักพักเขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนนี้มันเวลานอนแล้ว แต่เมื่อมองไปยังที่นอน ก็เห็นร่องรอยของน้ำเปียกแฉะเลอะอยู่เต็มไปหมด
“เฮ้อ.. ออกไปเดินเล่นสักพักดีกว่า ถ้าง่วงตอนไหน ก็ค่อยแวะนอนห้องสาวใช้คนใดคนหนึ่งก็แล้วกัน” คิดได้แบบนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินออกจากห้องไป
..
ภายในสวนนอกบ้าน เขาได้เดินไปตามทางเดิน แม้บรรยากาศรอบข้างจะดูมืดสนิท ทำให้มองดูเส้นทางค่อนข้างยาก แต่โชคดีที่วันนี้มีหิ่งห้อยออกมาบินเล่นค่อนข้างมาก ทำให้เขาสามารถใช้แสงของพวกมันนำทางได้
และแน่นอนธรรมดาของมนุษย์เรา ไม่ว่าภายนอกเราจะดูสงบสักแค่ไหน แต่ภายในหัวก็เต็มไปด้วยความคิดมากมาย
และเขาเองก็ไม่ต่างกัน เมื่อได้เห็นความสัมพันธ์ของนาริและนายะที่ค่อนข้างสนิทกัน ทำให้เขาอดนึกถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนที่เคยสนิทกันในโลกก่อนไม่ได้
ในโลกก่อนนั้น เขาเองก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้วิเศษเลิศเลออะไร เขาเป็นคนเงียบๆ ชอบเก็บตัว และไม่ค่อยสร้างความสัมพันธ์กับใคร แต่ก็เคยมีเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทอยู่ 3 คน
เขายังคงจำเหตุการณ์ในอดีตได้ดี ในช่วงเช้าของวันหนึ่ง ภายในห้องเรียน ตอนนั้นเขากับเพื่อนอีก 3 คนก็คุยกันตามปกติ
แต่ดูเหมือนเพื่อนทั้งสามของเขากำลังพูดถึงอนิเมะเรื่องหนึ่งอยู่ ด้วยท่าทางสนุกสนาน
เนื้อเรื่องก็ประมาณว่า เราจำเป็นต้องใช้ไอเทมบางอย่างไปจับมอนสเตอร์ ก่อนจะเอามันไปต่อสู้กับคนอื่นเพื่อชิงความเป็นที่หนึ่งอะไรประมาณนั้น
เขาที่กำลังฟังอยู่เงียบๆ ก็ได้ พูดขึ้นมาอย่างไม่ได้คิดอะไร
“ทำแบบนั้น.. มันไม่ใช่การทรมานสัตว์หรอกหรอ?”
"การจับสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติ และกักขังหน่วงเหนี่ยวให้มันอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ก่อนจะบังคับให้มันออกมาสู้กัน โดยที่พวกมันไม่ได้ต้องการ
การกระทำแบบนั้นมันต่างอะไรกับ วัวชนหรือไก่ชนกัน เขาไม่เข้าใจเลยว่าการกระทำแบบนั้นมันสนุกตรงไหน?"
เมื่อเขาพูดอย่างนั้นออกไป เพื่อนทั้ง 3 คน ก็ได้หันมามองเขาอย่างพร้อมเพียงกันด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก
และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้พูดคุยกัน เพื่อนทั้งสามคนของเขาได้ตีตัวออกห่าง
แม้เขาจะพยายามเข้าไปพูดคุยทักทายด้วยแต่เพื่อนๆก็ไม่ยอมพูดกับเขา
เพียงแค่คำพูดสั้นๆ กับความคิดเห็นที่อาจจะไม่เหมือนใคร มันก็ทำให้ความสัมพันธ์ที่เคยมีมาหลายปีของพวกเขาสลายหายไปในพริบตา
แม้สิ่งที่สูญเสียมันจะมากมาย แต่มันก็ทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง
‘เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิด แต่ก็ไม่ใช่ทุกความคิดที่จะถูกยอมรับ สินะ’ เขาได้แต่หัวเราะให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนจะใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนเรียนจบ..
つづく