บทที่ 563: เพิ่มส่วนผสมบางอย่างในต้มถั่วเขียว
แล้วสามีภรรยาทั้ง 3 คนก็ถือสัมภาระอันน้อยนิดของตัวเองรีบวิ่งออกจากกระท่อมไป
เมื่อภูตหญิงของเผ่าไป๋ผีคนอื่น ๆ เห็นหยินเสวี่ยได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก พวกนางต่างก็ทำหน้าอิจฉา
หยินเสวี่ยที่เพิ่งออกมาก็เห็นว่ายังมีกระท่อมอีกมากกว่า 10 หลังตั้งอยู่ถัดจากกระท่อมที่ตนอาศัยอยู่ แล้วภูตหญิงที่ถูกขังอยู่ในบ้านเหล่านั้นก็คือคนคุ้นเคยทั้งสิ้น
ทุกคนเป็นภูตหญิงในเผ่าไป๋ผี
พอหยินเสวี่ยรู้สึกถึงสายตาอิจฉาที่กำลังจ้องมองมาที่ตนเอง นางก็ยืดอกเชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
ใครจะไปคาดคิดว่านางจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ถูกปล่อยตัวออกมาข้างนอก
หรือเป็นเพราะว่าจู่ ๆ หยินชางก็สำนึกเสียใจขึ้นมา เขาจึงไปขอร้องหัวหน้าเผ่าเยว่หูให้ปล่อยตัวนางเป็นกรณีพิเศษ
เมื่อหญิงสาวคิดได้ดังนั้น นางก็ยิ่งรู้สึกภูมิใจมากยิ่งขึ้น
เจ้าหลานชายคนนี้นิสัยค่อนข้างดี ถ้าเขายอมกลับมาอยู่กับนางแล้วล่ะก็ นางก็จะไม่สนใจเรื่องที่ผ่านมาอีก
แต่ว่านังหมอผีตัวน้อยจะต้องรักษาใบหน้าให้นางก่อน
หลังจากหยินเสวี่ยเดินมาจนถึงบริเวณที่ไม่มีผู้คน นางก็ตกตะลึงเล็กน้อยขณะมองดูภูตแปลกหน้าที่เดินไปมาในเผ่าจากระยะไกล
นางเพิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าท่านหัวหน้ายังคงรอให้นางพาตัวหยินชางกลับมา!
ปัจจุบันหญิงสาวไม่มีทั้งเหยื่อที่จะเอาไปคืนท่านหัวหน้าและตัวหยินชางเองก็ยังไม่ได้ตอบตกลงที่จะกลับมาอยู่กับตน ดูเหมือนว่าตอนนี้นางจะไม่มีที่ซุกหัวนอนอีกต่อไป
แล้วนางควรจะไปอยู่ที่ไหนดี?
คงไม่ได้หมายความว่านางจะต้องนอนกลางดินกินกลางทรายใช่หรือไม่?
“ตอนนี้พวกเจ้าอาศัยอยู่ที่ไหน เจ้า 2 คนอยู่ที่นี่มาตั้งนานก็ต้องมีที่อยู่เป็นของตัวเองแล้วใช่ไหม?” หยินเสวี่ยหันไปถามคู่ทั้ง 2 ของนาง
ฝ่ายที่ถูกถามหันมาสบตากัน
“เสวี่ยเอ๋อ บ้านที่เราใช้นอนก่อนหน้านี้ถูกสร้างขึ้นมาง่าย ๆ แล้วยังมีผู้ชายจำนวนมากอาศัยอยู่ด้วยกันแบบแออัด มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไปอยู่ที่นั่น…”
หยินเสวี่ยที่ได้ยินคำตอบของสามีขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“พวกเราเข้ามาอยู่ในเผ่านี้ตั้ง 3 เดือนกว่าแล้ว ทำไมพวกเจ้าถึงยังไม่ได้สร้างบ้านของตัวเองอีก?”
ระยะเวลา 3 เดือนมันก็มากพอที่จะสร้างบ้านขึ้นมาได้หลายหลังไม่ใช่หรือ?
ทางด้านภูตชายทั้ง 2 ยิ้มเจื่อน ๆ ด้วยความรู้สึกผิด
“เสวี่ยเอ๋อ เจ้าคงยังไม่รู้ ในทุก ๆ วันเราจะต้องทำงานตั้งมากมาย ตอนนี้คนจากเผ่าเราไม่มีใครมีเวลาได้สร้างบ้านของตัวเองเลย...”
“ในเมื่อพวกเจ้ามีเวลาไปทำงานอย่างอื่น ทำไมถึงไม่คิดจะสร้างบ้านของตัวเองขึ้นมาก่อน แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าไม่มีเวลาอีก” หยินเสวี่ยพูดพลางทำหน้าเบื่อหน่าย
สำหรับหญิงสาว ผู้ชายควรทำงานให้หนักแล้วเตรียมทุกอย่างไว้ให้ผู้หญิงได้อยู่สุขสบายที่สุด
การที่พวกเขาจะมาใช้ข้ออ้างว่าไม่มีเวลา มันหมายความว่าอีกฝ่ายไร้ประโยชน์มาก
ทำไมผู้ชายคนอื่นถึงมีเวลาสร้างบ้าน แต่เจ้า 2 คนนี้ถึงทำไม่ได้ล่ะ?
“งั้นพวกเจ้าก็พูดมาสิว่าตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี?” หยินเสวี่ยยกมือขึ้นป้องแดดพร้อมกับขมวดคิ้วไม่พอใจ
“เสวี่ยเอ๋อ ทำไมเราไม่ไปหาหยินชางล่ะ ถ้าเราไปคุยกับมัน บางทีเราอาจจะสามารถขอเข้าพบหัวหน้าเผ่าเยว่หูโดยตรงได้” คู่คนหนึ่งแนะนำขึ้นมา
หากเป็นแบบนั้น หัวหน้าเผ่าก็จะจัดสรรที่พักให้หยินเสวี่ยได้อยู่อาศัยแน่นอน เพราะอย่างน้อยนางก็เป็นถึงญาติของหยินชาง พวกเขาจะต้องไว้หน้านางบ้าง
“นั่นคงเป็นวิธีเดียวที่เหลืออยู่แล้ว” หญิงสาวพยักหน้า “แล้วหยินชางอาศัยอยู่ที่ไหน เจ้ารีบนำทางข้าไปที่นั่นสิ”
เวลาต่อมา ชายคนหนึ่งก็คอยถือสัมภาระ ส่วนอีกคนก็หาใบไม้มาบังแดดให้ผู้เป็นภรรยา
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินนำทางไปที่บ้านของหยินชาง จู่ ๆ คนที่เดินอยู่ข้างหน้าสุดก็หยุดฝีเท้าตัวเองลง
“ทำไมเจ้าไม่รีบไปอีก รีบเดินต่อสิ”
“เสวี่ยเอ๋อ นั่นหยินชาง ดูเหมือนว่ามันกำลังเดินมาทางนี้พอดี...”
หยินเสวี่ยมองไปตามทิศทางที่นิ้วของสามีชี้ไป ก่อนจะเห็นเด็ก 2 คนกำลังเดินมาทางพวกตน
เมื่อหญิงสาวนึกถึงว่าจู่ ๆ ตัวนางก็ได้รับอิสรภาพคืนมา นางก็ยิ่งแน่ใจว่าหลานชายของตัวเองเปลี่ยนใจแล้ว
ทันใดนั้นนางก็ฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงหู
ดูเหมือนว่าตอนนี้นางจะสามารถพาตัวหยินชางไปให้ท่านหัวหน้าได้สำเร็จแล้ว
ในไม่ช้าหญิงสาวก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนต้องเผชิญมันดูเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
ขณะเดียวกัน หลงหลิงเอ๋อสะกิดหลังของหยินชางให้รู้ตัว ก่อนที่เขาจะก้าวออกไปยืนอยู่ข้างหน้า
“ท่านอา ก่อนหน้านี้ข้าทำผิดไปแล้ว ท่านเป็นอาของข้า ข้าไม่ควรพูดกับท่านแบบนั้น”
เด็กหนุ่มก้มหน้าลงเล็กน้อย ส่งผลให้ให้หยินเสวี่ยมองไม่เห็นสีหน้าของเขา
แต่ในตอนนั้นนางก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายเพราะนางเข้าใจเพียงว่าหลานชายมาขอโทษตัวเองแล้ว
หยินเสวี่ยกำลังจะพูดบางอย่างเพื่อให้บรรยากาศระหว่างพวกนางดีขึ้น แต่วินาทีต่อมานางเห็นอีกฝ่ายถือชามที่มีบางอย่างสีเขียวอยู่ข้างในด้วยมือทั้ง 2 ข้าง
ถึงแม้ว่าตอนนี้หยินชางจะอยู่ห่างออกไปสักหน่อย แต่ผู้เป็นอาก็ได้กลิ่นหอมหวานมาจากเจ้าสิ่งนั้นแล้ว
แน่นอนว่าหยินเสวี่ยที่หิวโหยมานานไม่อาจต้านทานสิ่งล่อตาล่อใจได้
บอกได้เลยว่าหญิงสาวรู้สึกหิวมากจนแทบจะกินวัวได้ทั้งตัว ทันทีที่นางได้กลิ่นหอมยั่วยวน น้ำลายก็ไหลออกมาจนท่วมปากนาง
หยินเสวี่ยเลียริมฝีปากพร้อมกับโบกมือ แต่สายตาของนางยังคงจับจ้องไปที่ต้มถั่วเขียวไม่วางตา
“ไม่เป็นไร ข้าเป็นอาของเจ้า ข้าไม่เก็บเรื่องพวกนั้นมาใส่ใจหรอก! ว่าแต่นั่นคืออะไรหรือ...”
ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะทำท่าทางเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ของกินในมือของเด็กหนุ่มก็ยังดึงดูดใจนางมากอยู่ดี
หยินชางเห็นท่าทางของอีกฝ่ายจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อส่งชามต้มถั่วเขียวให้คนตรงหน้า
“ท่านอา นี่สำหรับท่าน”
“โถลูกเอ๊ย เจ้ารีบมารับอาถึงที่นี่แล้วยังเอาอาหารมาให้อาอีก เจ้าเป็นเด็กดีมากจริง ๆ สมแล้วที่อาตามหาเจ้ามานาน” หยินเสวี่ยหัวเราะร่า จากนั้นนางก็รีบเอื้อมมือไปคว้าชามต้มถั่วเขียวมาถือไว้
ทันทีที่มือของนางแตะชาม หญิงสาวก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“นี่… ทำไมมันถึงมีน้ำแข็งล่ะ!”
หรือว่านางจะคิดมากไปเอง?
ในช่วงฤดูร้อนแบบนี้จะมีน้ำแข็งได้อย่างไร?
ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในเผ่าเยว่หู หยินเสวี่ยก็ไม่เคยได้ออกจากกระท่อมเลย นางจึงไม่รู้ข่าวที่ว่าหูเจียวเจียวนำดินประสิวมาทำน้ำแข็ง
ความรู้สึกของนาง ณ ตอนนี้จึงเหมือนกับว่าตัวเองอยู่ในความฝัน
แล้วหญิงสาวก็ยืนถือชามเอาไว้นิ่ง ๆ เพราะไม่กล้ากินมัน
นี่มันสุดยอดมากจริง ๆ...
“ท่านอารีบกินเร็วเข้า เดี๋ยวมันจะหายเย็นไปเสียก่อน” หยินชางไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก แล้วพูดเร่งอีกคนเสียงเบา
เมื่อกี้เขากับหลิงเอ๋อเอาต้มถั่วเขียวมาเติมส่วนผสมบางอย่างเข้าไป
ปัจจุบันต้มถั่วเขียวยังคงเย็นอยู่ ซึ่งช่วงเวลาที่อากาศร้อนเช่นนี้มันเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถต้านทานได้
เมื่อหยินเสวี่ยได้ยินหลานชายพูดก็พยักหน้าซ้ำ ๆ
นางรีบยกชามต้มถั่วเขียวดื่มอย่างเร่งรีบ ซึ่งท่าทางนั้นถ้าบอกว่านางไม่ได้กินอะไรมากว่า 10 วันแล้วก็คงมีคนเชื่อนางเต็มที่
หลงหลิงเอ๋อเองก็ใช้โอกาสนี้ส่งชามขนมหวานให้กับคู่ของหยินเสวี่ยด้วย
ไม่นานชายทั้ง 2 ก็แบ่งกันกินต้มถั่วเขียวในชามเดียวกัน
ขณะนั้นหญิงสาวดื่มต้มถั่วเขียวจนหมดชามภายในไม่กี่อึดใจ
ต้มถั่วเขียวที่มีรสหวานแล้วมีความเย็นสดชื่นทำให้หยินเสวี่ยแทบอยากจะเลียชามให้สะอาดไม่ให้เหลือน้ำแม้แต่หยดเดียวเลยด้วยซ้ำ
จากนั้นนางก็เลียปากตัวเองพลางทำหน้าพึงพอใจ ก่อนจะหันไปเห็นว่าทุกคนกำลังมองนางด้วยสายตานิ่งอึ้ง
ฝ่ายที่ตกเป็นเป้าสายตาหลายคู่จึงรีบยื่นชามคืนไปให้หยินชางด้วยท่าทางลำบากใจแล้วพูดพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ว่า
“นี่คืออะไรหรือ มันอร่อยมาก”
“นี่เป็นของที่ท่านแม่ของหลิงเอ๋อเป็นคนทำ” หยินชางอธิบายสั้น ๆ
หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าต้องใช้เวลาสักครู่กว่ายาจะออกฤทธิ์ เด็กหนุ่มคงไม่อยากเสียเวลามายืนคุยกับผู้เป็นอาแบบนี้
จากนั้นหยินเสวี่ยก็หันไปมองเด็กผู้หญิงตัวขาวที่ยืนอยู่ข้างหลังหลานชาย
สาวน้อยคนนี้มีผิวขาวใสเรียบเนียนดูมีน้ำมีนวลมาก รวมถึงแก้มของนางก็มีเลือดฝาดที่ทำให้แก้มป่อง ๆ โดดเด่นขึ้นตัดกับผิวขาวสะอาดตา ซึ่งทั้งหมดนี้มันบ่งบอกว่าอีกฝ่ายได้กินดีอยู่ดีมากกว่าใคร ๆ
พอหญิงสาวมองไปที่หยินชางให้ดีอีกครั้ง นางก็เห็นว่าตัวเขาสูงและดูแข็งแรง แถมเขาก็ไม่ได้สวมหนังสัตว์แต่สวมเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุแปลก ๆ เช่นเดียวกับเด็กหญิง
เสื้อผ้าของพวกเขาน่าจะมีผิวสัมผัสที่นุ่มมาก มันบางและถูกตัดเย็บอย่างสวยงามอีกด้วย
ทันใดนั้นหยินเสวี่ยก็รู้สึกอิจฉาเด็กทั้ง 2 คนจนตาแทบลุกเป็นไฟ
นางรู้สึกไม่ค่อยแปลกใจแล้วว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่อยากกลับมาอยู่กับนาง มันคงเป็นเพราะว่าการที่เขาได้อยู่กับครอบครัวใหม่ เขาก็มีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว
มิหนำซ้ำ ผู้หญิงคนนั้นยังทำน้ำแข็งได้อีก มันคงจะไม่มีเหตุผลที่เด็กชายจะยอมละทิ้งชีวิตอันสุขสบายมาถูกขังอยู่ในกระท่อมผุพังกับตัวนาง
เมื่อหยินเสวี่ยนึกถึงสิ่งนี้ นางก็ยิ่งส่งสายตาไม่พอใจไปทางหลงหลิงเอ๋อมากขึ้น
“หยินชาง ในฐานะที่ข้าเป็นอาของเจ้า ข้าคงต้องพูดกับเจ้าสัก 2-3 คำ เจ้าเป็นคนในเผ่าไป๋ผีของเรา เจ้ามีสายเลือดของเผ่าพันธุ์ไป๋ผีไหลเวียนอยู่ในตัว เจ้าจะเอาสายเลือดของเราไปแปดเปื้อนเพราะผู้หญิงต่างเผ่าไม่ได้”