บทที่ 40: ดั่งเทพธิดาและปีศาจ ไป๋ กวนอิม!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 40: ดั่งเทพธิดาและปีศาจ ไป๋ กวนอิม!
นี่หมายความว่านางจับตาดูเขามานานแล้ว! ซึ่งเดิมทีนางคงมาที่นี่หมายจะฆ่าเขา! แต่นางละเว้นจากการทำเช่นนั้น เพราะสิ่งที่เขาทำให้ปวงประชาชน!
ตลอดมาชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย! ช่างน่าสะพรึงกลัวจริง!
“ท่านเป็นใครกัน? จุดประสงค์ของการมาที่นี่คืออะไร?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถาม
“ชื่อจริงของข้าคือไป๋ ฉิงเสวียน แต่ในโลกแห่งจอมยุทธ์ ข้าเป็นที่รู้จักในนาม…ไป๋ กวนอิม!” (ไป๋ = ขาว,วิมล,บริสุทธิ์) ร่างตรงหน้าเขาพูดขึ้น
คล้ายกับมีหมอกสีขาวบางๆ เบาห่อหุ้มร่างกายของนาง แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของนางได้อย่างชัดเจน แต่จากรูปร่างที่ของนาง นางคงเป็นสตรีมากล้นเสน่ห์เป็นแน่
“ไป๋ กวนอิม!” หลี่ซือซือในอ้อมแขนของหลินเป่ยฟานก็อุทานออกมา
“เจ้ารู้จักนางหรือ?” หลินเป่ยฟานถามพลางก้มศีรษะลง
หลี่ซือซือพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น "ข้ารู้จัก! ท่านสามีไม่จำเป็นต้องกลัว นางเป็นคนดี!”
หลินเป่ยฟานปล่อยนางและมองไปที่ร่างสีขาวเบื้องหน้าเขา “ไป๋ กวนอิมเป็นจอมยุทธ์สตรีที่ปรากฏตัวเมื่อสิบปีก่อน ไม่มีใครรู้รูปร่างหน้าตาหรือภูมิหลังของนาง แต่วิชายุทธ์ของนางมีพลังมากมายและไม่อาจหยั่งรู้ได้ คล้ายดั่งเทพธิดาและปีศาจ ทุกครั้งที่นางปรากฏตัว นางจะทิ้งเพียงร่างขาวเหมือนเทพธิดา”
“ทว่านางก็จะจากไปอย่างไร้ร่องรอย โดยทิ้งวายุอันนองเลือดไว้ด้วย! ตั้งแต่ข้าราชการที่ทุจริตในราชสำนัก ไปจนถึงอันธพาลในโลกจอมยุทธ์ ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของนางได้!”
“สิ่งที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดของนางคือครั้งหนึ่ง นางเคยตามล่าผู้ที่มีระดับปรมาจารย์สามคน ที่นำความโกลาหลมาสู่โลกใบนี้ นางเดินทางสามพันลี้ สามอาณาจักรเพื่อจัดการพวกเขาด้วยวิชายุทธ์ของนาง การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้นางเลื่องชื่อไปทั่วโลก!”
หลินเป่ยฟานถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับสูงยังตกตายด้วยฝีมือนาง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงน่ากลัวขนาดนี้! ในฐานะผู้เพิ่งเริ่มฝึกฝนเช่นเขา จะไปหาเรื่องนางไม่ได้โดยเด็ดขาด!
“มีการกระทำบางอย่างที่ข้าขอไม่ลงรายละเอียดเพิ่ม นางมักจะกระจายเงินที่รวบรวมได้จากข้าราชการที่ทุจริตไปให้ประชาชนทั่วไป! เพราะความงามและความเมตตาของนาง ดังนั้นนางจึงเป็นที่รู้จักในนาม…ไป๋ กวนอิม! แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นางได้หายตัวไป ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้พบท่านที่นี่!”
หลี่ซือซือเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “ท่านคือไป๋ กวนอิมจริงๆ หรือ?”
อีกฝ่ายตอบอย่างหนักแน่น “ถูกต้องแล้ว!”
“ทำไมในหลายปีมานี้ ท่านถึงไม่เข้าไปจัดการพวกข้าราชการทุจริตกันเล่า?”
อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา “เพราะต่อมาข้าได้พบกับเด็กคนหนึ่ง! นางฉลาดและปราดเปรื่องมาก! นางบอกข้าว่าการฆ่าข้าราชการที่ทุจริตและพวกวายร้ายย่อมไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หากสาเหตุที่แท้จริงยังไม่ได้รับการแก้ไข ตราบใดที่ดินยังหล่อเลี้ยงพวกเขาเหมือนเดิม ก็จะยังมีข้าราชการและคนเลวร้ายอีกมากมายเข้ามาที่จุดเดิม เช่นนั้นเมื่อไรเรื่องพวกนี้จะจบลงกันล่ะ?”
“แม้นข้าจะเห็นความผิดปกติในตัวนาง แต่ข้าก็พบกับความหวังครั้งใหม่! ดังนั้นข้าจึงหยุด คอยปกป้องอยู่เคียงข้างนาง คอยดูว่านางจะเปลี่ยนแปลง…โลกที่เลวร้ายนี้ได้ยังไง!”
หลินเป่ยฟานและหลี่ซือซือได้ยินความสิ้นหวังอย่างลึกซึ้งในน้ำเสียงของนาง
ถึงพวกเลวร้ายจะตายไปมาก แต่นางก็ยังรู้สึกสิ้นหวังในสังคมยามนี้ ถึงจะมีวิชายุทธ์อันเลิศล้ำ แต่นางจะทำอะไรได้?
"ถ้าเช่นนั้นท่านคิดจะสังหารข้างั้นหรือ?” หลินเป่ยฟานถามออกมาด้วยความกังวล
“เจ้าคิดเช่นไรล่ะ?” สายตาของอีกฝ่ายพลันเปลี่ยนไป
แม้ว่าเขาจะมองเห็นใบหน้าของนางไม่ชัดเจน แต่หลินเป่ยฟานก็รู้สึกว่านางกำลังยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ไม่เชิงยิ้ม
“ไป๋ กวนอิม สามีของข้าเป็นข้าราชการที่ดีที่สุดในโลก ได้โปรดอย่าทำร้ายเขาเลย!” หลี่ซือซือยืนอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยฟาน
ไป๋ กวนอิมหรือไป๋ ฉิงเสวียนก็กล่าวไปว่า “หากเขาไม่ใช่ข้าราชการที่ดี ข้าคงสังหารเขาไปนานแล้ว แต่วิธีที่เขาใช้ในการเป็นข้าราชการที่ดี ช่างเปิดหูเปิดตาข้ายิ่งนัก!”
“ทั้งหมดมันเป็นเพราะสถานการณ์มันพาไป!” หลินเป่ยฟานกล่าว
“ข้าเข้าใจดี เมื่อข้าราชการทุจริตมีมากมาย ข้าราชการบริสุทธิ์ย่อมต้องชั่วร้ายยิ่งกว่า มิฉะนั้นพวกเขาจะต่อกรกับข้าราชการทุจริตได้ยังไงกัน? ถูกต้องไหม?” (ไป๋ ฉิงเสวียน)
นางยิ้มออกมาอย่างคลุมเครือ
"ถูก" หลินเป่ยฟานพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก
ไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดที่เขาพูดกับหลี่ซือซือในคืนนั้นนางจะได้ยินด้วย!
คืนนั้นมีบางสิ่งที่อธิบายไม่ได้เกิดขึ้น
หรือว่านางแอบดูพวกเราด้วย?
โชคดีนะที่เจ้าเป็นสตรี!
ถ้าเจ้าเป็นผู้ชาย ข้าจะสู้กับเจ้าทันที!
หลี่ซือซือก็คลายความกังวลแล้ว
“ส่วนเรื่องเงินในมือของเจ้า ถ้ามันไม่มีประโยชน์แล้ว ทำไมไม่ให้ข้าล่ะ?” ไป๋ ฉิงเสวียนมองไปทางหลินเป่ยฟานและพูดขึ้น
“ท่านต้องการใช้มันเพื่อช่วยเหลือคนยากจนงั้นหรือ?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถาม
"ไม่! วิธีนั้นไม่อาจมีผลอะไร มันช่วยได้เพียงชั่วครู่ แต่ไม่ใช่ชั่วชีวิต! ตราบใดที่สังคมไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปัจเจกพื้นฐาน ความยากจน ความอยุติธรรมและผู้คนมากมายก็จะยังคงต้องทนทุกข์ทรมาน! ดังนั้นข้าจึงต้องการใช้มันเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่! เมื่อมันเสร็จสิ้นแล้ว ทั่วทั้งจักรวรรดิจะเปลี่ยนแปลงไป!”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ ดวงตาของไป๋ ฉิงเสวียนคล้ายกับกำลังเปล่งประกาย
"ตกลง! มันเป็นของท่านทั้งหมดแล้ว!" หลินเป่ยฟานผลักธนบัตรเงินและเศษเงินทั้งหมดในกล่องออกไปโดยไม่ลังเล
ไป๋ ฉิงเสวียนถึงกับตกตะลึง: “เจ้าไม่ถามและให้ข้ามาเลยหรือ?”
“ข้าขี้เกียจเกินกว่าจะถาม! ถ้าข้าถามมากเกินไป รังแต่มันจะทำให้เกิดปัญหา! ในเมื่อท่านเป็นผู้มีอำนาจ อีกทั้งยังแข็งแกร่ง ตัวข้าเป็นเพียงคนผู้น้อย ท่านไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเอาเงินไปจากข้าเลย! แต่การที่ท่านเผยตัวมาเช่นนี้และร้องขอออกมา แสดงให้เห็นว่าท่านจริงใจมากเพียงใด!”
หลินเป่ยฟานยิ้ม “นอกจากนี้ จากการพูดคุยของเราเมื่อครู่ ข้าก็พบว่าเรากำลังทำสิ่งเดียวกัน แต่วิธีการอาจแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมข้าต้องสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ด้วยล่ะ?”
ไป๋ ฉิงเสวียนมองไปที่หลินเป่ยฟานอย่างลึกซึ้งและหัวเราะออกมา “เจ้าเป็นผู้น้อยที่ฉลาดมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าจะสามารถกลายเป็นข้าราชการชั้นสูงได้!”
“เช่นนั้นในอนาคต ข้าคงต้องขอฝากเงินที่ข้าฉ้อราษฎร์บังหลวงให้แก่ท่านด้วย!” หลินเป่ยฟานกล่าวต่อ “แต่ข้าหวังว่าท่านจะสัญญากับข้าได้อย่างหนึ่ง!”
"เรื่องะไรหรือ? พูดมาสิ!"