บทที่ 39: ช่วยเหลือผู้ต้องการ ช่วยเหลือคนยากจนด้วยปัญญา!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 39: ช่วยเหลือผู้ต้องการ ช่วยเหลือคนยากจนด้วยปัญญา!
ในยามนี้ เสี่ยวกุ้ยและต้าหลี่ไม่ต้องการเป็นส่วนเกิน ดังนั้นพวกเขาจึงรีบออกไปทันทีหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
มีเพียงหลินเป่ยฟานและภรรยาของเขาเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในห้อง
เนื่องจากความเร่งรีบเมื่อคืนก่อน พวกเขาจึงไม่มีเวลาพูดคุยและก็มีความสงสัยมากมายอยู่ภายในใจ ในที่สุดพวกเขาจึงได้เวลาเปิดใจกัน
ในยามนั้น หลินเป่ยฟานจึงได้รู้ว่าภรรยาของเขาเกิดในตระกูลข้าราชการชั้นสูงและเป็นสตรีผู้เลื่องชื่อ
ทว่าเนื่องจากการทุจริตของบิดานาง ตระกูลของนางจึงล่มสลายและนางก็มาลงเอยที่ย่านโคมแดง
ดังนั้นนางจึงเกลียดข้าราชการที่ทุจริตมาก
เมื่อนางพบว่าหลินเป่ยฟานไม่ใช่ข้าราชการที่ทุจริต แต่เป็นข้าราชการที่บริสทุธิ์และซื่อสัตย์รับใช้ประชาชน ความคับข้องใจทั้งหมดของนางก็หายไปและนางจึงได้ตกหลุมรักเขาอย่างสมบูรณ์!
“ข้าโชคดีเพียงใดกัน โชคชะตาถึงได้นำพาข้ามาพบท่าน!” หลี่ซือซือรู้สึกโชคดีมาก
เดิมทีนางต้องการกำจัดการคุกคามจากบุตรข้าราชการระดับสูงอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงเลือกหลินเป่ยฟาน ผู้เป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจักรพรรดินีเป็นกระดูกล่อสุนัข
แต่นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะเจอกับบุรุษที่ดีที่สุดในโลกเช่นนี้!
เขามีการศึกษาสูง มีความรู้ หล่อเหลาและมีคุณธรรมสูง ทั้งยังทำตัวดีกับนางด้วย...
นางรู้สึกมีความสุขยิ่ง!
หลังจากใช้ชีวิตที่สูญเปล่าและใช้โชคทั้งหมดของนางไป ในที่สุดนางก็แลกมันกับสามีที่ดีที่สุดในชีวิตนี้!
ถ้าพี่สาวผู้อื่นรู้เรื่องนี้ พวกนางต้องอิจฉาตัวนางอย่างแน่นอน!
“ข้าโชคดีที่ได้พบเจ้าเช่นกัน แต่การติดตามข้าอาจทำให้เจ้าลำบากในอนาคต เจ้าอาจต้องหนีตามข้าไป อาจถึงขั้นเสี่ยงถึงชีวิตได้เลยด้วยซ้ำ เจ้ากลัวหรือไม่?” หลินเป่ยฟานยิ้มออกมา
“การได้พบเจ้าก็เป็นความโชคดีของข้าเช่นกัน!” หลินเป่ยฟานยิ้ม “แต่การตามข้ามาเจ้าคงต้องฝืนทนหลายสิ่ง เจ้าอาจต้องหนีไปกับข้าเมื่อใดก็ได้ บางทีเราทั้งคู่อาจถูกตัดศีรษะด้วยซ้ำ เจ้ากลัวหรือไม่?”
“ท่านสามี อย่าพูดเช่นนั้นเลย ไม่ว่าท่านจะไปที่ใด ข้าก็จะตามไปด้วย หากในอนาคตเกิดสิ่งใดผิดพลาด ข้าจะท่องโลกไปด้วยกับท่าน เราคู่จะเป็นสองสามทีภรรยาผู้หลบหนี หากเราถูกตัดศีรษะ ข้าก็ยินดีจะเดินบนถนนบนนรกสู่ยมโลกและเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป จนถึงชาติหน้าในฐานะสามีและภรรยา! ข้าจะเป็นคนของท่านทั้งในโลกแห่งนี้และโลกความตาย!” หลี่ซือซือจับมือหลินเป่ยฟานไว้แน่น
หลินเป่ยฟานรู้สึกหวั่นไหวมาก เขากอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขาโดยไม่ลังเล
เขาคิดในใจว่าเพื่อเห็นแก่ภรรยาสุดที่รักของเขา เขาคงจะต้องโกงกินบ้านเมืองมากกว่านี้เพื่อปกป้องนาง!
หลังจากรับประทานอาหารเย็น พวกเขาก็จัดเก็ฐสำรับและกลับไปที่ห้องของพวกเขา
แน่นอนว่าค่ำคืนของพวกเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยราคะเช่นเดิม
ในวันต่อมา หลินเป่ยฟานก็ยังคงเข้าร่วมราชสำนักช่วงรุ่งสาง ทำงานที่สถาบันการศึกษาจักรวรรดิและหารายได้จากพวกเด็กดื้อ กลับบ้านมาร่วมสนุกกับภรรยายามราตรี ชีวิตของเขาดำเนินเป็นกิจวัตรมาก
ทว่าในบางครั้งยามกลางคืน เขาก็จะแอบออกไปแจกจ่ายเงินแก่ประชาชน
แต่จำนวนเงินที่เขาให้ก็ได้น้อยลงเรื่อยๆ
ตอนแรกเขาสามารถแจกเงิน 100,000 จากนั้นมันก็เหลือเพียง 50,000 ในเช้าวันรุ่งขึ้น และจากนั้นมันก็น้อยกว่า 10,000 ในวันถัดไป
ในวันที่สี่ หลี่ซือซือเห็นหลินเป่ยฟานหยิบกองสมบัติออกมาแล้วนำพวกมันทั้งหมดกลับมา
“ท่านสามีทำไม…”
หลินเป่ยฟานถอนหายใจและพูดว่า “มันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว! ตั้งแต่กลายเป็นวีรบุรุษแห่งรัตติกาล ข้าได้แจกจ่ายเงินไปเกือบ 3 ล้านตำลึง ดูแลเหล่าผู้ยากจนทั้งหมดในเมืองหลวงครบทุกผู้คน! แต่ละคนได้รับเงินปริมาณที่แตกต่างกัน แต่พวกมันก็เพียงพอที่จะปรับปรุงชีวิตของพวกเขาและไม่ให้พวกเขาตกอยู่ในความยากจนอีก ดังนั้นหากให้มากเกินไปกว่านี้ มันอาจจะมากเกินไป!”
"ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเล่า?" หลี่ซือซือถามด้วยความสับสน
“เพราะธรรมชาติของมนุษย์มีความซับซ้อน! หากข้าให้เงินพวกเขาครั้งเดียว พวกเขาจะขอบคุณข้า! หากข้าให้มันเป็นครั้งที่สอง พวกเขาก็จะยังคงรู้สึกขอบคุณ แต่เมื่อถึงครั้งที่สามหรือสี่ พวกเขาจะไม่ขอบคุณข้าอีกต่อไปและจะมีนิสัยที่นอนรอขอเงิน ไม่คิดทำงานทำการหรือพัฒนาชีวิตของตนเอง พวกเขาจะกลับกลายเป็นตัวขี้เกียจและจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก ถ้าข้าไม่ให้เงินพวกเขา ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ขอบคุณ พวกเขาคงจะโทษข้าด้วย!”
หลินเป่ยฟานถอนหายใจ “ดังนั้นเราจึงควรช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ใช่ผู้ที่เพียงแค่ยากจน เราจะมุ่งเน้นไปที่การยกพวกเขาออกจากความยากจน ผ่านการศึกษาและสติปัญญา”
หลี่ซือซือเข้าใจแล้ว “สิ่งที่ท่านพูดนั้นถูกต้องอย่างยิ่ง ท่านสามี!”
เมื่อนึกถึงคำที่หลินเป่ยฟานพูดอีกครั้ง “ช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่ใช่ผู้ที่เพียงแค่ยากจน มุ่งเน้นไปที่การยกพวกเขาออกจากความยากจน ผ่านการศึกษาและสติปัญญา” นางก็ยิ่งเข้าใจมันอย่างยิ่งยวด!
หลินเป่ยฟานมองไปที่หลินเป่ยฟานด้วยความชื่นชมและดวงตาที่เป็นประกาย
เขาสมกบัเป็นสามีของนางจริงๆ!
“แต่เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรกับเงินดีล่ะ?”
หลินเป่ยฟานโยนเงินในมือของเขาลงบนพื้น “เก็บไว้ก่อน มันอาจจะมีโอกาสได้ใช้อีกในอนาคต”
ทันใดนั้น ร่างสีขาวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
“เช่นนั้นเอาเงินนี้มาให้ข้าดีไหม?”
หลินเป่ยฟานรู้สึกหนาวถึงกระดูกสันหลังของเขา
ขนทั้งหมดของเขาชูชันขึ้น!
เขาเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุดของยอดฝีมือโดยกำเนิด
ในโลกแห่งการต่อสู้ เขาถือว่าเป็นตัวตนระดับผู้อาวุโสหรือปรมาจารย์ที่มีความแข็งแกร่งมากมายมหาศาล
แต่คนผู้นี้ที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขา เขาแทบไม่สังเกตเห็นร่องรอยเลย!
“วิญญาณ!” หลี่ซือซือรู้สึกหวาดกลัวมากจนนางเกาะติดกับหลินเป่ยฟาน
“ไม่ต้องกลัว นางไม่ใช่วิญญาณ นางเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์!” หลินเป่ยฟานปลอบโยนหลี่ซือซือและมองไปที่ร่างขาวด้วยความสงสัย “ท่านเป็นใครและมาทำอะไรในเรืองของข้า?”
"จงอย่าได้เกรงกลัวไป! ถ้าข้าอยากจะฆ่าเจ้า ข้าคงทำไปนานแล้ว! แต่สองสามวันที่ผ่านมา ข้าเฝ้าดูเจ้าวิ่งไปมารอบๆ เพื่อช่วยคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้เคลื่อนไหว!”
น้ำเสียงของอีกฝ่ายสงบและไพเราะมาก มันค่อนข้างน่ารับฟังเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าเมื่อหลินเป่ยฟานได้ยินคำพูดพวกนี้ เขากลับรู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้น!