ตอนที่ 534 ดูดมันให้แห้ง
ตอนที่ 534 ดูดมันให้แห้ง
ไม่ว่าเซี่ยเฟยจะดิ้นรนหรือพยายามมากแค่ไหน แต่ท้ายที่สุดในปัจจุบันเขาก็ยังเข้ามาอยู่ภายในปากของหนอนด้วงมิติอยู่ดี เขาจึงตัดสินใจเดิมพันครั้งสุดท้ายในสิ่งที่มันอาจจะมีความเป็นไปได้เพียงแค่เล็กน้อย
“เปลี่ยน!! ดูดเลือดของมันเข้าไป!!!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับแทงบลัดบิวเทียสเข้าไปในเหงือกของหนอนด้วงอย่างสุดแรง
เซี่ยเฟยเป็นนักรบที่มีประสาทสัมผัสในระดับที่ไม่ธรรมดา การคิดวิเคราะห์ของเขาก็ค่อนข้างอยู่ในระดับที่ซับซ้อน ซึ่งนอกเหนือไปจากเรื่องที่โดดเด่นทั้งสองสิ่งนี้แล้วเขายังมีจินตนาการที่อยู่ในระดับบ้าคลั่งอีกด้วย
เล่ห์กายา!
ชายหนุ่มพยายามหดตัวอีกครั้งเพื่อหลบฟันชั้นที่ 2 ของหนอนด้วงที่ต้องการจะบดขยี้ร่างของเขา
ฟันในปากของหนอนด้วงถูกแบ่งออกเป็น 6 ชั้น โดยฟันบริเวณด้านหน้าเอาไว้สำหรับฉีกเหยื่อ ส่วนฟันบริเวณด้านหลังเอาไว้สำหรับการบดร่างของเหยื่อให้แตกละเอียด เซี่ยเฟยจึงรู้ดีว่าเขาสามารถที่จะหลบเลี่ยงฟันบริเวณแถวหน้าได้เท่านั้น แต่ถ้าหากว่าร่างของเขาหลุดรอดไปยังฟันแถวหลัง แม้ว่าเขาจะพยายามใช้เล่ห์กายาแต่เขาก็ไม่มีทางหลบเลี่ยงฟันพวกนั้นไปได้
มันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าเขาเหลือเวลาในการเดิมพันอีกเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ซึ่งถ้าหากว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิด ชีวิตของเขาก็คงจะต้องจบลงภายในท้องของหนอนด้วงตัวนี้
ทันใดนั้นคริสตัลต้นกำเนิดสีเหลืองก็ส่องสว่างอย่างเจิดจ้าพร้อมกับพลังงานต้นกำเนิดปริมาณมหาศาลที่ถูกดูดเข้าไปในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นเขาก็ทำการเปลี่ยนแปลงพลังงานทั้งหมดนี้ให้กลายเป็นพลังของกฎแห่งความโกลาหล เพื่อพยายามเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของบลัดบิวเทียสภายในมือ
เซี่ยเฟยมีความสามารถในการควบคุมพลังงานในระดับที่ละเอียดอ่อนมาก จนทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในการควบคุมพลังงานอย่างดูบาร์ก็ยังรู้สึกชื่นชมวิธีการควบคุมพลังงานของเขา
ขณะเดียวกันการพยายามดูดซับพลังงานปริมาณมหาศาลเข้าไปในคราวเดียวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งถ้าหากว่าคนธรรมดาได้พยายามดูดซับพลังงานในระดับเดียวกันกับชายหนุ่มในขณะนี้ พวกเขาก็คงจะต้องสูญเสียการควบคุมพลังงานไปแล้วอย่างแน่นอน แต่ชายหนุ่มกลับยังสามารถควบคุมพลังงานปริมาณมหาศาลพวกนั้นเอาไว้ได้จนทำให้พลังงานสะสมภายในร่างกายของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
“เปลี่ยนเดี๋ยวนี้!”
กฎแห่งความโกลาหลถูกอัดเข้าไปในบลัดบิวเทียสอย่างบ้าคลั่ง และทำให้คุณสมบัติของมันเริ่มถูกบังคับให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ
ไม่มีใครเคยสอนวิธีการใช้กฎแห่งความโกลาหลให้กับเซี่ยเฟยมาก่อน แม้แต่เทพเจ้าดำผู้ซึ่งมอบกฎแห่งความโกลาหลให้กับเขาก็ไม่เคยพูดถึงวิธีการฝึกฝนกฎอันแปลกประหลาดกฎนี้แม้แต่คำเดียว เซี่ยเฟยจึงพยายามตีความกฎแห่งความโกลาหลตามสัญชาตญาณ เพราะเขามีความคิดอยู่ในใจเสมอว่าทุกสิ่งในจักรวาลไม่มีอะไรที่แน่นอน
ครั้งหนึ่งแบล็คกี้เคยบอกกับเขาว่า กฎแห่งความโกลาหลคือกฎที่ฝ่าฝืนกฎของธรรมชาติและมันก็มีความสามารถในการเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
ด้วยเหตุนี้เองเซี่ยเฟยจึงมีแนวคิดที่จะใช้กฎแห่งความโกลาหลในการฝืนเปลี่ยนคุณสมบัติของบลัดบิวเทียส โดยแต่เดิมที่มันสามารถดูดเลือดของมนุษย์เข้าไปได้เท่านั้น เปลี่ยนให้มันกลายเป็นอาวุธที่สามารถดูดเลือดของสิ่งมีชีวิตเข้าไปได้ทั้งหมด
ไม่ว่าเผ่าเทพหรือเผ่ามารจะมีความยิ่งใหญ่มากแค่ไหน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่ดี ซึ่งการพยายามฝืนเปลี่ยนกฎของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ก็รวมถึงเขาต้องการจะทำให้บลัดบิวเทียสสามารถดูดเลือดของเผ่าเทพหรือเผ่ามารเข้าไปได้ด้วย
ใช้กฎของความโกลาหลในการเปลี่ยนคุณสมบัติของอาวุธ!?
เขาต้องการที่จะใช้พลังของกฎอันแปลกประหลาดเปลี่ยนอาวุธภายในมือให้กลายเป็นอาวุธที่สามารถสังหารเทพเจ้าได้!!
เซี่ยเฟยเป็นคนดื้อรั้นเข้ากระดูกดำ และเขาก็เชื่ออย่างสุดใจว่ามันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อยู่ในจักรวาลนี้จริง ๆ
“ดูดเลือดมันเข้าไปซะ!!” เซี่ยเฟยตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังพยายามเปลี่ยนคุณสมบัติของอาวุธภายในมือ เขาก็หลบเลี่ยงการจู่โจมจากฟันชั้นที่ 3 ไปด้วย ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาไม่มีทางหลบเลี่ยงฟันชั้นต่อไปของหนอนด้วงมิติได้อีกแล้ว
ความเจ็บปวดจากการพยายามฝืนใช้พลังงานปริมาณมหาศาลได้ทำให้เขาพร้อมที่จะหมดสติได้ตลอดเวลา แต่ปณิธานภายในใจของชายหนุ่มยังคงตั้งมั่นไม่เปลี่ยนแปลง
ในที่สุดมันก็มีแสงสว่างล้อมรอบบลัดบิวเทียสเอาไว้พร้อมกับตัวดาบที่ค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีดำอันน่ากลัว จากนั้นดาบที่เคยดูดซับเฉพาะเลือดของมนุษย์ก็เริ่มดูดเลือดของหนอนด้วงมิติเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเวลาผ่านไปความเร็วในการดูดเลือดของบลัดบิวเทียสก็ค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมันก็เป็นอาวุธที่มีความบ้าคลั่งไม่ต่างไปจากเจ้าของของมันเลยแม้แต่นิดเดียว
หนอนด้วงมิติเป็นสัตว์ประหลาดที่มีความยาวของร่างกายมากกว่า 5 กิโลเมตรและมีน้ำหนักมากกว่า 10,000 ตัน แล้วมันก็คงไม่จำเป็นจะต้องคิดว่าปริมาณเลือดภายในร่างกายของหนอนตัวนี้มันมีอยู่มากแค่ไหน
แต่ดาบสั้น ๆ ที่มีความยาวเพียงแค่ประมาณเมตรเดียวกลับต้องการที่จะดูดเลือดทั้งร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาตัวนี้เข้าไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมมันจึงถูกเรียกว่าอาวุธที่มีความบ้าคลั่งไม่ต่างไปจากเจ้าของของมัน
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างสิ้นหวัง หงส์ครามในแขนขวาของเขาก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาจากความบ้าคลั่งของชายหนุ่มเช่นเดียวกัน
ในฐานะที่มันเป็นพืชที่ดื้อรั้นที่สุดในจักรวาล มันจึงมีความคิดที่ไม่เคยจะยอมแพ้จนวินาทีสุดท้ายเช่นเดียวกันกับเซี่ยเฟย ความพยายามเอาชีวิตรอดของชายหนุ่มจึงได้ปลุกจิตวิญญาณดั้งเดิมของมันขึ้นมา แล้วนี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมหงส์ครามถึงได้เลือกเซี่ยเฟยตั้งแต่แรก
ฟันชั้นที่ 4 ของหนอนด้วงมิติเริ่มจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยแล้ว และถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะหลบเลี่ยงฟันซี่เล็ก ๆ พวกนั้น แต่มันก็ยังคงตัดผ่านชุดต่อสู้และทิ้งรอยแผลเอาไว้บนขาซ้ายของเขา
สถานการณ์เริ่มวิกฤตมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฟัน 3 ชั้นสุดท้ายเป็นฟันซี่เล็ก ๆ ที่เอาไว้บดละเอียดเหยื่อของมันโดยเฉพาะ การพยายามหลบฟันซี่เล็ก ๆ พวกนี้พร้อม ๆ กันจึงเป็นเรื่องลำบากอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วมันก็คงจะเหลือเวลาอีกเพียงแค่ไม่นานก่อนที่เขาจะไม่สามารถหลบเลี่ยงฟันพวกนี้ได้อีก
ในเวลาเดียวกันหนอนด้วงมิติก็กำลังส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะเลือดภายในร่างของมันกำลังถูกดูดเข้าไปในบลัดบิวเทียสอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันก็ไม่เคยสัมผัสกับความเจ็บปวดในระดับนี้มาก่อน แล้วมันก็ไม่คิดว่าผู้ที่ทำให้มันเจ็บปวดได้ถึงระดับนี้จะเป็นเพียงแค่มือใหม่ในดินแดนของผู้ใช้กฎอย่างเซี่ยเฟย
ในชั่วพริบตาฟันซี่แหลมที่คล้ายกับเครื่องบดก็เริ่มจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยอีกครั้ง มันจึงทำให้หงส์ครามที่เฝ้าดูเหตุการณ์มาโดยตลอดตัดสินใจเริ่มทำการเคลื่อนไหว โดยการใช้ใบหญ้าสีฟ้าขนาดใหญ่ยืดยาวออกไปห่อหุ้มร่างของชายหนุ่มเอาไว้อย่างฉับพลัน
งั่ม!
ซี่ฟันอันแหลมคมงับเข้าใส่หงส์ครามอย่างรุนแรง แต่มันก็ยากที่จะเชื่อว่าใบหญ้าสีฟ้าที่ดูธรรมดานี้กลับสามารถต่อต้านฟันอันแหลมคมของหนอนด้วงเอาไว้ได้
อย่างไรก็ตามการกัดในครั้งนี้ก็ทำให้ใบหญ้าเกิดรูรั่วขึ้นมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วมันก็คงจะสามารถทนรับแรงกัดได้อีกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
ดูดซับเต็มกำลัง!
พลังงานภายในคริสตัลต้นกำเนิดสีเหลืองในมือของเซี่ยเฟยถูกดูดซับเข้าไปในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอย่างบ้าคลั่ง และมือของเขาก็ยังคงจับบลัดบิวเทียสเอาไว้อย่างแน่นหนา ในขณะที่มือซ้ายของเขาก็ยังคงส่งพลังของกฎแห่งความโกลาหลเข้าไปภายในตัวดาบอย่างต่อเนื่อง
หลังจากดูดซับเลือดจากหนอนด้วงเข้าไปในปริมาณมาก บลัดบิวเทียสก็เริ่มเปลี่ยนรูปลักษณ์จนดูมีความแตกต่างมากกว่าเดิม
หนอนด้วงมิติเริ่มสัมผัสได้ถึงอันตรายที่คุกคามชีวิต มันจึงต้องการที่จะกัดทำลายเซี่ยเฟยที่อยู่ภายในปากของมัน แล้วมันก็เป็นอีกครั้งที่หงส์ครามได้ช่วยปกป้องร่างของเขาเอาไว้
อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ใบหญ้าของหงส์ครามก็ถูกแรงกัดจนทำให้ใบหญ้าโค้งงอลงมาเข้าใกล้เซี่ยเฟยมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จู่ ๆ มันก็ได้มีใบหญ้าใบที่ 2 งอกออกมาจากแขนขวาของเขา
ในตอนแรกใบหญ้าใบที่ 2 นี้มีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถที่จะเทียบกับใบหญ้าใบแรกได้ แต่เมื่อแรงกัดของหนอนด้วงเพิ่มมากขึ้น ใบหญ้าใบที่ 2 ก็ค่อย ๆ เติบโตอย่างรวดเร็วตามแรงกัดของหนอนด้วงเช่นเดียวกัน คล้ายกับว่ามันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ตามอันตรายที่มันกำลังพบเจอ
เมื่อใบหญ้าใบที่ 2 เติบโตขึ้นมาอย่างเต็มที สถานการณ์ก็เริ่มพลิกผันไปจากเดิมอย่างฉับพลัน
ปากของหนอนด้วงเริ่มถูกใบหญ้าทั้งสองใบบังคับให้อ้าออกอย่างช้า ๆ คล้ายกับว่ามันต้องการท้าทายหนอนด้วงมิติที่เคยทำร้ายมันในก่อนหน้านี้
ในเวลาเดียวกันบลัดบิวเทียสภายในมือของเซี่ยเฟยที่ได้ดูดซับเลือดของหนอนด้วงเข้าไปเรื่อย ๆ ก็กำลังพัฒนาความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน
อี๊ด!
หนอนด้วงมิติได้สูญเสียความโกรธแค้นในก่อนหน้านี้ไปจนหมดแล้ว เพราะมันสัมผัสได้ว่าชีวิตของมันใกล้ที่จะจบลง
กลัว!
กลัวมาก!!
ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันหนอนด้วงมิติก็ไม่ต้องการที่จะเอาชีวิตของเซี่ยเฟยอีกต่อไป แต่มันพยายามที่จะหนีและทำยังไงก็ได้เพื่อให้มันมีชีวิตรอด
ในระหว่างที่นอนด้วงมิติกำลังตื่นตระหนก มันก็ได้เปิดรอยแยกมิติออกมาก่อนที่จะรีบมุดเข้าไปในรอยแยกมิตินั้นอย่างรวดเร็ว
“ดูดเลือดมันซะ! ดูดเลือดมันให้แห้งไปเลย!!” เซี่ยเฟยตะโกนอย่างบ้าคลั่งและแม้กระทั่งดวงตาของเขาก็ยังถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนกับสีของเลือด
เมื่อหนอนด้วงมิติมุดร่างผ่านรอยแยกมิติออกมา เซี่ยเฟยก็ไม่รู้ว่าเขาถูกมันพามาปรากฏตัวอยู่ที่ไหน แต่แสงที่ลอดไรฟันเข้ามาด้านในปากทำให้เขานึกถึงแสงสว่างจากดาวฤกษ์ และอากาศที่เขาสัมผัสก็อุดมไปด้วยไนโตรเจนและออกซิเจน
อย่างไรก็ตามความคิดเดียวของเซี่ยเฟยในขณะนี้ก็ยังคงมุ่งเน้นไปที่การสังหารศัตรูตรงหน้าของเขาให้ได้
หนอนด้วงมิติพยายามดิ้นรนอย่างเจ็บปวด และร่างกายของมันก็กำลังดิ้นไปมาเหมือนกับปลาที่ถูกโยนขึ้นไปบนฝั่ง
บลัดบิวเทียสยังคงดูดเลือดเข้าไปไม่หยุดจนทำให้ร่างของหนอนด้วงค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลงไปเรื่อย ๆ
เมื่อหงส์ครามตระหนักว่าหนอนด้วงมิติกำลังจะตาย มันจึงเก็บใบหญ้าใบหนึ่งกลับเข้าไปภายในแขนของเซี่ยเฟย และถึงแม้ว่ามันจะสามารถต้านทานการโจมตีของหนอนด้วงเอาไว้ได้ แต่ความพยายามครั้งนี้ก็ทำให้ร่างของมันได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นเดียวกัน
“ขอบคุณ”
เมื่อหงส์ครามเก็บใบหญ้าใบสุดท้ายกลับเข้าไปภายในแขน เซี่ยเฟยก็หันไปขอบคุณอาวุธมายาชิ้นนี้อย่างจริงจัง
แม้ว่าในปัจจุบันเขาจะยังไม่สามารถควบคุมอาวุธมายาชิ้นนี้ได้ แต่ในช่วงเวลาอันวิกฤตมันก็มักที่จะยื่นมือออกมาช่วยเหลือเขาอยู่เสมอ
หงส์ครามยังคงไม่ตอบสนองแล้วมันก็ค่อย ๆ หดตัวกลับไปในแขนขวาของเซี่ยเฟยอย่างเงียบ ๆ
จากรอยสักบนแขนขวาหงส์ครามควรจะต้องมีใบหญ้าทั้งหมด 13 ใบ แต่ตอนนี้มันมีใบหญ้างอกออกมาจากแขนขวาของเขาเพียงแค่ 2 ใบเท่านั้น เซี่ยเฟยจึงไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากมันได้งอกใบหญ้าออกมาทั้ง 13 ใบจริง ๆ มันจะกลายเป็นอาวุธที่มีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน
ปัจจุบันหนอนด้วงมิติไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป และปล่อยให้บลัดบิวเทียสกลืนกินเลือดหยดสุดท้ายเข้าไปอย่างไม่อาจต่อต้านได้
ฉึก!
เซี่ยเฟยดึงบลัดบิวเทียสออกมาและค่อย ๆ เดินออกมาจากปากของหนอนด้วงมิติ
แสงแดดและอากาศอันบริสุทธิ์ด้านนอกทำให้เขารู้สึกสดชื่นมาก เขาจึงค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าอย่างเหนื่อยล้าและมองไปยังคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ที่อยู่ภายในมือของเขา
ปัจจุบันคริสตัลที่เคยมีสีเหลืองอันสดใสได้สูญเสียพลังงานด้านในไปจนหมดแล้ว แต่ในระหว่างที่เขาประสบกับวิกฤติที่คุกคามชีวิต มันก็ทำให้เขาได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ขึ้นมาเช่นเดียวกัน
นักรบจะเติบโตในสนามรบอยู่เสมอ โดยเฉพาะช่วงเวลาเส้นแบ่งชีวิตและความตายมันจะยิ่งกระตุ้นให้นักรบคนนั้นมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
“มีกลุ่มคนกำลังมา” อันธกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
จากนั้นมันก็เริ่มมีร่างของมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ ชายหนุ่มทีละคน อย่างไรก็ตามมนุษย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่มนุษย์ที่เซี่ยเฟยรู้สึกคุ้นเคย แต่พวกเขากำลังอ้าปากค้างและมองไปที่เซี่ยเฟยด้วยความประหลาดใจ
“คุณเป็นคนฆ่าหนอนด้วงมิติตัวนี้งั้นเหรอ?” จู่ ๆ หนึ่งในกลุ่มคนที่ปรากฏตัวขึ้นมานั้นก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เซี่ยเฟยพยักหน้าตอบกลับไปอย่างใจเย็น
“ฉันขอถามได้ไหมว่าคุณเป็นใคร?”
ผู้มาใหม่กล่าวถามด้วยความเคารพ เพราะคนที่สามารถสังหารหนอนด้วงมิติได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา
แต่ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังพิจารณาเหล่าบรรดาผู้มาใหม่อยู่นั่นเอง จู่ ๆ เขาก็ได้พบกับใบหน้าของคนที่เขาคุ้นเคย
“มู่เสียวเต๋า?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
**************