ตอนที่แล้วตอนที่ 531 ด้วงมิติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 533 มนุษย์ปะทะสัตว์เลี้ยงของเผ่ามาร

ตอนที่ 532 กฎแห่งการกลั่นพลังงาน


ตอนที่ 532 กฎแห่งการกลั่นพลังงาน

ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังล่องลอยอยู่ในความมืด และมันก็มีเสียงหอบของหนอนด้วงดังขึ้นมาห่างจากเขาไปเพียงแค่ไม่ไกล ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่านักรบที่หยูเจียงนำมาด้วยต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักรบชั้นยอดอย่างแท้จริง เพราะในที่สุดพวกเขาก็ทำให้หนอนด้วงมิติได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนที่มันจะหลบหนีออกมาได้

ระบบมองกลางคืนถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ ขณะที่ระบบผลิตออกซิเจนก็ถูกเปิดใช้งานขึ้นมาด้วยเช่นเดียวกัน เซี่ยเฟยจึงพยายามรวบรวมสติเพื่อสังเกตสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ตัว

หลังจากหันซ้ายหันขวาซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง เซี่ยเฟยก็รู้สึกผิดหวังมาก เพราะเขาได้พบว่าสถานที่แห่งนี้เป็นจักรวาลอันมืดมิดที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างมิติและอวกาศ

ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ได้ใช้วิชาพรางจิตเพื่อซ่อนตัวอยู่ด้านหลังอุกกาบาตที่มีขนาดใหญ่กว่าเขาเล็กน้อย และคอยสังเกตการเคลื่อนไหวของหนอนด้วงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

หลังจากเริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บกลับคืนมา สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ก็เริ่มทำการเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยการสร้างรอยแยกมิติท่ามกลางความมืด ก่อนที่จะค่อย ๆ กระเถิบตัวเข้าไปในรอยแยกมิติที่มันสร้างขึ้น

ชายหนุ่มขมวดคิ้วหลังจากที่ได้เห็นพฤติกรรมของมัน แต่เขาก็ค่อย ๆ ขยับตามมันไปอย่างเงียบ ๆ โดยพยายามเว้นระยะห่างจากมันเอาไว้

อย่างไรก็ตามการพยายามเคลื่อนไหวท่ามกลางจักรวาลอันมืดมิดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมันไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวใด ๆ ที่อยู่บริเวณโดยรอบให้ใช้ในการผลักร่างออกไปด้านหน้าเลย เพราะทุกสิ่งต่างก็ล่องลอยอย่างไร้น้ำหนัก เขาจึงพยายามพิจารณาหนอนยักษ์ตัวนั้นเพื่อดูว่ามันเคลื่อนไหวได้ยังไง

ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้พบว่าหนอนตัวนี้ได้ใช้พลังของกฎแห่งมิติสร้างกำแพงมิติชั้นบาง ๆ ขึ้นมาในจักรวาล เพื่อใช้กำแพงมิตินั้นเป็นฐานในการรองรับร่างของมัน

หลังจากพยายามลอกเลียนแบบการใช้กฎแห่งมิติของหนอนยักษ์อยู่หลายครั้ง ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ใช้วิธีติดพลังของกฎแห่งมิติเอาไว้ที่เท้าเพื่อให้เขาสามารถเหยียบย่ำพื้นที่ว่างได้ตามต้องการ

“นายจะตามมันไปทำไม? หนอนตัวนั้นทรงพลังมาก นี่ถ้าหากว่ามันรู้ว่านายยังมีชีวิตอยู่มันจะทำให้นายตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติอีกครั้งนะ” อันธถามอย่างสงสัย

“จุดที่พวกเราอยู่ในตอนนี้คือช่องว่างมิตินะ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน แต่ว่าหนอนตัวนั้นค่อนข้างที่จะชำนาญเส้นทาง อย่างน้อยการตามมันไปก็ดีกว่าติดอยู่ที่นี่ตลอดไป” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง

อันธไม่มีอะไรจะพูดโต้เถียงออกมาได้ เพราะถึงแม้ว่าหนอนด้วงมิติจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว แต่การหลงทางในช่องว่างมิติก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวมากยิ่งกว่า

การหลงอยู่ในช่องว่างมิติให้ความรู้สึกราวกับคนที่กำลังจมอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอันว่างเปล่า และในสายตาของเขาก็มีหนอนด้วงมิติเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงตัวเดียวเท่านั้น

แม้ว่าการพยายามตามหนอนด้วงไปจะเป็นวิธีการที่ค่อนข้างบ้า แต่แท้ที่จริงแล้ววิธีการนี้มันก็เป็นวิธีการเดียวที่จะช่วยให้เขาหลุดพ้นไปจากช่องว่างมิติแห่งนี้ได้

ถึงยังไงตระกูลหยูก็คงจะไม่บุกเข้ามาในช่องว่างมิติเพื่อช่วยเหลือคนที่ไม่มีความสำคัญอย่างเขาอยู่แล้ว นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังไม่ชอบที่จะฝากความหวังเอาไว้กับคนอื่น เขาจึงพยายามดิ้นรนด้วยตัวเองมาโดยตลอด

เซี่ยเฟยผลักอุกกาบาตออกไปด้านหน้าเพื่อใช้เป็นที่กำบัง จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไล่ตามด้านหลังหนอนด้วงมิติไปอย่างช้า ๆ

หลังจากติดตามหนอนด้วงไปสักพัก ชายหนุ่มก็ได้ค้นพบว่าแท้ที่จริงแล้วรอยแยกมิติไม่ใช่พื้นที่อันว่างเปล่า แต่มันมีเศษหินอุกกาบาตและเศษเครื่องจักรที่เขาไม่รู้จักล่องลอยอยู่ในช่องว่างมิติอย่างมากมาย

แต่เมื่อชายหนุ่มได้คิดว่าของพวกนี้อาจจะติดอยู่ในช่องว่างมิติมาเป็นเวลานาน เขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะถ้าหากว่าเขาต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเขาอย่างแน่นอน

ด้วยความกลัวว่าเขาจะต้องหลงทางในช่องว่างมิติอันมืดมิด เซี่ยเฟยจึงพยายามเร่งฝีเท้าเพราะกลัวว่าเขาจะตามหนอนด้วงด้านหน้าไปไม่ทัน

การเดินทางท่ามกลางความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก ชายหนุ่มจึงพยายามฝึกฝนกฎแห่งมิติในระหว่างที่เท้าทั้งสองข้างยังคงเคลื่อนไหว

2 วันต่อมาหนอนด้วงมิติก็หยุดอยู่กับที่ ขณะที่เซี่ยเฟยเริ่มรู้สึกว่าเขาใกล้จะทะลวงผ่านกลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 3 แล้ว

ทันใดนั้นพื้นที่ด้านหน้าก็ได้ปรากฏเศษขยะเป็นจำนวนมากที่ล่องลอยอยู่ในความมืด หนอนด้วงจึงทิ้งตัวลงนอนท่ามกลางเศษขยะพวกนี้อย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นรังที่มันใช้ในการอยู่อาศัย

เซี่ยเฟยขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียดและพยายามออกค้นหาสิ่งที่มีประโยชน์ท่ามกลางเศษขยะต่าง ๆ เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาจะต้องติดอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน และสิ่งที่ทำให้เขาไม่สบายใจมากยิ่งกว่าคือคริสตัลต้นกำเนิดภายในมือของเขาใกล้ที่จะหมดลงแล้ว

เท่าที่เซี่ยเฟยคิดมันพอจะมีวิธีอยู่เพียงแค่ 2 วิธีในการที่เขาจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ โดยวิธีการแรกคือการจับตาดูหนอนด้วงมิติเอาไว้ และเมื่อไหร่ที่มันเริ่มบุกจู่โจมมนุษย์อีกครั้ง เขาก็จะออกไปจากรอยแยกมิติพร้อมกับมัน ซึ่งเมื่อนั้นเขาก็น่าจะได้ไปปรากฏตัวในดินแดนของผู้ใช้กฎ

ส่วนวิธีการที่ 2 คือการนั่งรอความช่วยเหลืออยู่เงียบ ๆ แต่วิธีการนี้ย่อมเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เขาจะเลือกใช้ก็ต่อเมื่อเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังจริง ๆ เท่านั้น เขาจึงพยายามใช้เวลาในช่วงนี้ในการพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่อที่เขาจะได้ลดความเสี่ยงในระหว่างที่เขาแอบติดตามหนอนด้วงมิติไปอย่างเงียบ ๆ

ท้ายที่สุดการพยายามข้ามรอยแยกมิติไปพร้อมกับหนอนตัวนี้ก็เต็มไปด้วยอันตราย และเขาก็อาจจะถูกมันหันมาโจมตีได้ทุกเมื่อ เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่างให้ดีที่สุด แล้วยิ่งเขาเตรียมตัวมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตของเขามากขึ้นเท่านั้น

หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปหลายชั่วโมง เซี่ยเฟยก็ไม่ได้พบกับอะไรที่มีประโยชน์เลย ซึ่งมันก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

แต่ในทันใดนั้นเองกองขยะที่อยู่ห่างออกไปก็เริ่มดึงดูดความสนใจของเขา เพราะมันมีวัตถุขนาดใหญ่มากอยู่ในกองขยะแล้วมันก็ดูมีรูปร่างดูคล้ายกับยานอวกาศ

เมื่อเซี่ยเฟยได้เดินทางเข้าไปใกล้วัตถุปริศนานั้น เขาก็สามารถยืนยันว่าของสิ่งนี้คือยานอวกาศอย่างแท้จริง

ยานลำนี้ดูเหมือนจะเป็นยานอวกาศที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เดินทางเพียงลำพัง ตัวยานได้รับความเสียหายมาเป็นเวลานานแล้ว ระบบเครื่องยนต์ทั้งหมดต่างก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักทำให้มันไม่สามารถจะกลับมาใช้งานได้อีก

เซี่ยเฟยอาศัยรอยแตกข้างยานในการแทรกตัวเข้ามาด้านในเพื่อพยายามออกค้นหาของมีค่าในยานลำนี้ แต่ยานมีขนาดค่อนข้างเล็กมากแล้วมันก็มีขนาดเล็กกว่าแวมไพร์ของเขาด้วยซ้ำ

ไม่กี่นาทีต่อมาชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของคนขับด้วยความผิดหวัง แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้พบกับอักขระที่คุ้นตาถูกสลักเอาไว้บริเวณแผงควบคุม

“นั่นมันอักขระที่ถูกสลักเอาไว้ในลานบ้านของดูบาร์ไม่ใช่เหรอ? ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอักขระของกฎแห่งการกลั่นพลังงานนะ” อันธกล่าวเมื่อเขาได้เห็นอักขระที่คุ้นตา

“ฉันก็ว่าทำไมมันดูคุ้น ๆ ที่แท้มันก็เป็นอักขระของกฎแห่งการกลั่นพลังงานนี่เอง ถ้าหากเจ้าของเดิมของยานลำนี้สลักอักขระของกฎแห่งการกลั่นพลังงานเอาไว้ มันก็หมายความว่าเขาเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานมาก่อนหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวสันนิษฐาน

ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นเดินเข้าไปใกล้และแกว่งนิ้วไปมาบนอากาศ แต่เมื่อเขาได้ออกแรงเพียงแค่เล็กน้อยตัวอักขระกลับเริ่มถูกผลักออกไปทางด้านขวา

“หือ? มันมีกลไกอะไรซ่อนอยู่ข้างหลังอักขระหรือเปล่า?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

เซี่ยเฟยรีบออกแรงดันอักขระออกไปทางด้านขวาในทันที

ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบว่าอักขระนี้เป็นเหมือนกับฝาครอบที่ซ่อนช่องว่างอยู่ด้านใน และด้านหลังของอักขระนี้ก็เป็นกล่องเก็บของที่ถูกเก็บเอาไว้มาอย่างยาวนาน

ชายหนุ่มรีบยื่นมือออกไปเพื่อเปิดกล่องโลหะนั้น แต่เขากลับรู้สึกว่าปลายนิ้วของเขากำลังสัมผัสกับอะไรบางอย่างทำให้นิ้วของเขาอยู่ห่างจากฝากล่องประมาณ 2 เซนติเมตร

“มันมีการใช้กฎแห่งมิติผนึกกล่องเอาไว้” เซี่ยเฟยกล่าวขณะถูนิ้วที่เจ็บปวดจากการสัมผัสกับผนึกล่องหน

แม้ว่าเรื่องนี้มันจะทำให้เขารู้สึกรำคาญอยู่บ้าง แต่เขาก็รู้ดีว่ามันมีวิธีการทำลายลงไปได้ ซึ่งนั่นก็คือการใช้กฎแห่งความโกลาหล

ข้อเท็จจริงในหลาย ๆ ครั้งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากฎใด ๆ ที่สัมผัสกับกฎแห่งความโกลาหลจะถูกบิดเบือนกลับตาลปัตรอย่างไม่ได้ตั้งใจ และสุดท้ายมันก็จะเริ่มพังทลายในที่สุด

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็แนบลำตัวของเขาเข้าไปใกล้กล่องปริศนาเพื่อพยายามไม่ให้กระบวนการหลังจากนี้เกิดเสียงดัง

วิชาพรางจิตคือการสร้างคลื่นพลังออกมาปกป้องรอบ ๆ ตัวของเขาเอาไว้ ซึ่งการที่เขาได้นำลำตัวมาแนบกับกล่องโลหะแบบนี้ มันก็จะทำให้เสียงที่เกิดขึ้นกับกล่องโลหะไม่เล็ดลอดออกไปยังด้านนอก

เอี๊ยด!

เมื่อผนึกของกฎแห่งมิติได้สัมผัสกับกฎแห่งความโกลาหล มันก็เริ่มส่งเสียงเหมือนโลหะถูกตัดอย่างรุนแรง ซึ่งโชคดีที่เซี่ยเฟยได้ป้องกันเอาไว้ล่วงหน้าทำให้มันไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกไปยังด้านนอก

“มันเป็นผลึกที่แข็งดีจริง ๆ เอาล่ะมาลองดูกันอีกสักตั้ง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะเปิดมันออกมาไม่ได้” เซี่ยเฟยกัดฟันและเริ่มใช้กฎแห่งความโกลาหลทำลายผลึกของกล่องอีกครั้ง

ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากที่ได้รับความช่วยเหลือจากคริสตัลต้นกำเนิด 6 ชิ้น เซี่ยเฟยก็สามารถทำลายผนึกบนกล่องนี้ลงได้ในที่สุด

เมื่อชายหนุ่มมองออกไปทางช่องหน้าต่างเขาก็ได้พบว่าหนอนด้วงมิติยังคงนอนหลับอยู่ที่เดิม เขาจึงเปิดกล่องโลหะและหยิบของที่ซ่อนอยู่ด้านในออกมา โดยของชิ้นแรกคือคริสตัลต้นกำเนิดสีเหลือง ขณะที่ของอีกชิ้นคือชิพเก็บข้อมูล

“นี่มันคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ถ้าฉันจำไม่ผิดมันน่าจะมีค่าเท่ากับ 10,000 คริสตัลม่วง” อันธอุทานพร้อมกับเบิกตากว้าง

เซี่ยเฟยก็รู้สึกตกใจเช่นเดียวกัน เพราะจู่ ๆ การได้พบกับคริสตัลต้นกำเนิดที่มีค่า 10,000 คริสตัลม่วงแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย ยิ่งไปกว่านั้นภายในแหวนมิติของเขาก็เหลือคริสตัลต้นกำเนิดอยู่เพียงแค่ 34 ชิ้น การได้คริสตัลต้นกำเนิดสีเหลืองมาในตอนนี้จึงถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ช่วยต่อชีวิตของเขาออกไปได้พอดี

“พวกเรารวยแล้ว! แค่นี้พวกเราก็มีพลังงานเพียงพอให้ใช้ไปได้อีกนาน” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

เซี่ยเฟยพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง จากนั้นเขาก็หยิบชิพเก็บข้อมูลขึ้นมาทำการตรวจสอบ ซึ่งของสิ่งนี้ไม่ต่างไปจากแผ่นป้ายโลหะที่บันทึกวิชามิติเอาไว้มากนัก เขาจึงสามารถส่งพลังเข้าไปด้านในเพื่ออ่านเนื้อหาที่ถูกบันทึกเอาไว้ได้

แต่เมื่อชายหนุ่มได้พบกับภาพอันลึกลับในชิพข้อมูล มันก็ทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“เป็นอะไร?” อันธถามอย่างกังวล

“มันคืออักขระเต็มรูปแบบของกฎแห่งการกลั่นพลังงาน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่

ปัจจุบันชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิถือคริสตัลเหลืองเอาไว้ภายในมือและใช้กระแสจิตถักทออักขระของกฎแห่งมิติในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในความเป็นจริงผลประโยชน์ที่เซี่ยเฟยได้รับจากคริสตัลเหลืองไม่เพียงแต่จะเป็นพลังงานปริมาณมหาศาลเท่านั้น แต่พลังงานที่เขาได้รับยังมีความบริสุทธิ์มากกว่าตอนดูดซับคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 2 อีกด้วย

ในแต่ละระดับของคริสตัลต้นกำเนิดไม่เพียงแต่จะมีพลังงานบรรจุอยู่ในปริมาณที่มากกว่าเดิมเท่านั้น แต่พลังงานที่บรรจุอยู่ในคริสตัลต้นกำเนิดที่มีระดับสูงกว่านั้นยังมีความบริสุทธิ์ของพลังงานที่สูงกว่าด้วย

ซึ่งถ้าหากเขาเปรียบเทียบว่าการดูดซับพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 2 เปรียบเสมือนกับการกินข้าวเปลือก การดูดซับพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 มันก็เหมือนกับการกินข้าวหุงสุก ขณะที่การดูดซับพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 มันก็เปรียบเสมือนกับการกินโจ๊ก

เมื่อพลังงานมีความบริสุทธิ์มากกว่ามันจึงทำให้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 สามารถซึมซับพลังงานปริมาณมหาศาลได้ในเวลาที่รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม แล้วมันก็ช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนให้กับเขาได้ด้วยเช่นกัน

เซี่ยเฟยนั่งฝึกฝนอยู่ตรงนั้นเป็นเวลา 2 วันเต็ม ๆ ซึ่งในระหว่างนั้นอันธก็คอยรายงานบอกสถานการณ์ให้กับเขาอยู่เสมอว่าหนอนด้วงมีการเคลื่อนไหวทำอะไรหรือไม่

“ยินดีด้วย! ในที่สุดนายก็พัฒนากลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 3 แล้ว” อันธกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไม่! มันไม่ใช่ขั้นที่ 3 แต่เป็นขั้นที่ 4 ต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“อะไรนะ?! ขั้นที่ 4 แล้วงั้นเหรอ? นายใช้เวลาแค่ 2 วันในการก้าวข้ามผ่าน 2 ระดับติดต่อกันเนี่ยนะ!”

“บางทีฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่านายยังเป็นมนุษย์อยู่จริง ๆ หรือเปล่า” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

***************

สมองพี่เฟยคงเก็บกดแหละ ปลดล็อกทีขึ้นไวมากๆๆๆๆๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด