เล่มที่ 3 บทที่ 17 – ฝันถึงอดีต
เล่มที่ 3 บทที่ 17 – ฝันถึงอดีต
(เดริชา)
มีหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ที่เชิงเขา ภายในอาณาเขตของอาณาจักรเตกิตตัน
ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้รักใคร่กันมาก ตรงตรงไปมา ดุร้ายและแข็งแกร่ง
มีเหตุผลที่พวกเขาเป็นเช่นนี้อยู่ หมู่บ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความเข้มข้นของพลังงานเวทย์มนตร์ในชั้นบรรยากาศสูง ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตเวทย์มนตร์หรือมอนสเตอร์บุกเข้ามาเป็นครั้งคราว
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่สัตว์ร้ายที่ทรงพลัง แต่การขับไล่มอนสเตอร์จึงเป็นหนึ่งในสิ่งพื้นฐานที่ชาวบ้านในหมู่บ้านนี้สามารถทำกันได้
เมื่อใดก็ตามที่หมู่บ้านถูกโจมตี ชาวบ้านที่มีความสามารถของนักสู้หรือนักเวทย์ก็จะก้าวออกมาต่อสู้และปกป้องบ้านของพวกเขา
นี่คือหมู่บ้านโจเซฟกาตัน ซึ่งเป็นชื่อของหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีชีวิตชีวาแห่งนี้
"เดริชา! มีก็อบลินมากมายอยู่ที่นี่! ข้าต้องการกำลังเสริม!” ชายหนุ่มถือดาบในมือซ้ายพูดด้วยสำเนียงชนบทที่หยาบคาย มือขวาของเขากำลังเหวี่ยงขวานและตัดหัวมอนสเตอร์ผิวเขียวที่อยู่ตรงหน้าเขา
หูขนาดใหญ่ จมูกยาวติดตะขอ ผิวขรุขระคล้ายแตงกวาขนาดเล็ก ความสูงครึ่งเมตรและเขี้ยวยาว สิ่งมีชีวิตพวกนี้เป็นก็อบลิน
ชายหนุ่มต่อสู้กับก็อบลินสี่ตัวที่เข้ามาขโมยฟักทอง
"ข้ากำลังไป!"
ทันใดนั้น ก็อบลินที่กำลังพุ่งเข้าหาชายหนุ่มก็ถูกเสียบหัวด้วยไม้แหลมคม ในขณะที่อีกตัวถูกส่งบินสูงด้วยลูกเตะที่ทรงพลัง ตามด้วยการเสียบ
ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็ได้มีบาร์บีคิวก็อบลินเสียบไม้ที่ทางเข้าหมู่บ้าน ทำให้ก็อบลินที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ หลบหนีออกไปด้วยความกลัว
เด็กผู้หญิงผมยาวสีเงินสูงประมาณหนึ่งเมตรยืนอยู่ข้างประติมากรรมเสียบไม้ ดูเหมือนนางจะอายุประมาณเก้าขวบ
.
นางพองอกแบนอย่างภาคภูมิใจและมองดูพวกก็อบลินหนีไป
“อ่า ทุกครั้งที่ข้าได้เห็น ก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเดริชาน่าทึ่งมากเลยแฮะ แม้ว่าข้าจะแก่กว่าเจ้าเจ็ดปี …แต่นี้คือความแตกต่างระหว่างนักสู้อัจฉริยะกับชาวบ้านหรือ?”
“ฮึ่ม ปล่อยให้การปกป้องเป็นหน้าที่ของข้าเองเถอะ ข้าจะกลายเป็นผู้กล้าที่ปกป้องทุกคนอย่างแน่นอน!”
“แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดสักหน่อย อาการของแอนนาเป็นยังไงบ้างเหรอ?”
“…อืม อาการของแม่ยังทรงตัวอยู่ ข้าเพิ่งรวบรวมสมุนไพรบางส่วนเพื่อนำกลับมาช่วยนาง” สีหน้าของเด็กสาวผมขาวเริ่มรู้สึกกังวล
ครอบครัวของนางไม่มีพ่อ ตั้งแต่นางจำความได้ ก็มีเพียงนางและแม่ของนางมาโดยตลอด
ชาวบ้านบอกว่าพ่อของนางเป็นนักเดินทาง
เก้าปีที่แล้ว ในวันหนึ่งเขาได้มาถึงหมู่บ้านด้วยอาการบาดเจ็บทั่วร่างกาย ผู้คนในหมู่บ้านพาเขาเข้ามาและเขาก็ตกหลุมรักแม่ของนางที่นี่ เขาอยู่กับแม่ของนางสองสามปี.. จากนั้นเขาบอกว่าเขามีบางอย่างที่ต้องดูแลในที่ห่างไกล และจากไปโดยสัญญาว่าเขาจะกลับมาเพื่อพาแม่ของนางไปอยู่ด้วย ตั้งแต่วันนั้น แม่ของนางก็ล้มป่วย
หลังจากให้กำเนิดนาง สุขภาพของแม่ก็อ่อนแอลงทุกวัน นางจำได้อย่างชัดเจนว่าแม่ของนางสามารถเดินได้เมื่อนางอายุห้าขวบ แต่ตอนนี้…แม่ของนางทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียง
ด้วยการสนับสนุนจากชาวบ้าน ตอนนี้นางจึงได้รู้ว่าตนมีความสามารถพิเศษอย่างนักสู้ นางจึงคิดจะใช้มันเพื่อช่วยเหลือแม่ของนาง นางเริ่มล่าสัตว์และรวบรวมสมุนไพรเพื่อดูแลแม่ของนาง
นางเชื่อว่าวันหนึ่งพ่อของนางจะกลับมาที่นี่ กลับไปอยู่ข้างแม่ของนาง กลับมาอยู่ข้างนาง
ในเวลานั้น… ในเวลานั้น… พ่อของนางจะพูดอะไรเมื่อเขาเห็นนางกันนะ?
เขาจะยิ้มให้นางไหม? เขาจะกอดนางไหม? เขาจะพูดว่า "เด็กดี" และลูบศีรษะของนางไหม?
ความคิดเหล่านี้แล่นผ่านเข้ามาในหัวของนาง ขณะที่นางยังคงใช้ชีวิตทำงานหนักและรอคอยการกลับมาของพ่อ
…
ทว่า
ในท้ายที่สุด แม่ของนางก็รอไม่ไหวที่พ่อของนางจะกลับมา
มันเป็นค่ำคืนที่ฝนกำลังไหลริน
มีอาการไข้สูง เศษเสี้ยวชีวิตของท่านแม่กำลังหายไป
ทำไมล่ะ?
ทำไมท่านพ่อที่สัญญาว่าจะกลับมาอยู่กับท่านแม่ถึง…ไม่แม้แต่จะมาหากัน?
แม่ของนางโหยหาพ่อของนางมาตลอดเวลา อดทนวันแล้ววันเล่า...
“…เดริชา…ได้โปรด…. อย่าเกลียดพ่อของเจ้าเลย…”
ในคืนที่มีพายุโหมกระหน่ำ แม่ของนางสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายพร้อมกับพูดคำดังกล่าวขึ้นมา
แม่ของนางไม่อาจอยู่รอท่านพ่อได้แล้ว แต่นางยังมีชีวิตอยู่
ในปีที่สิบของนาง ทุกวันก็เหมือนวันธรรมดา...
“ท่านหญิงเดริชา เตกิตตัน เจ้าหญิงองค์ที่สองของราชอาณาจักรเตกิตตัน เรามาในนามของผู้ปกครองที่สิบเก้าของเตกิตตัน เพื่อนำท่านกลับไปที่พระราชวัง!”
คนที่ปรากฏตัวมาจากไหนไม่รู้ ทั้งยังสวมชุดฟุ่มเฟือยได้มาถึงหมู่บ้านพร้อมกับทหารกลุ่มใหญ่
ในตอนแรก พวกเขาเพียงสอบถามเกี่ยวกับที่อยู่ของแม่นาง แต่เมื่อรู้ถึงตัวตนนาง พวกเขาก็ได้ประกาศให้นางทราบ
…และจากนั้น นางก็ถูกบังคับให้ขึ้นรถม้าและพาตัวไปจากบ้านเกิดของนาง
นางมาถึงเมืองที่คึกคักที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน พระราชวังที่นางไม่เคยคิดจะได้เข้ามา
เมื่อชายวัยกลางคนสวมมงกุฎสีทองระยิบระยับเห็นเพียงนาง เขาก็เผยสีหน้าที่เสียใจมาก
ซึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ เขาก็หลบสายตานาง ไม่แม้แต่จะมองตาของนาง
“ข้าคือ มาริสซ่า ราเชล เตกิตตัน ราชินีของประเทศนี้ … ส่วนผู้ชายคนนี้ไม่สนใจเจ้ามาสิบปีแล้ว เพราะกลัวว่าข้าจะค้นพบความลับของเขา แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะข้าจะปฏิบัติต่อเจ้าเหมือนเป็นลูกสาวของข้าเอง…”
หญิงสาวในชุดที่สง่างามได้เผยรอยยิ้มที่ใจดีขณะพูดกับนาง
แต่นางไม่ฟัง เพราะถูกความโกรธครอบงำ
"เจ้าคนขี้ขลาด!!!!" ข้าไม่สามารถระงับความโกรธของตนเองได้ ข้าพุ่งเข้าใส่ชายวัยกลางคน
สิ่งสุดท้ายที่นางจำได้คือทหารที่แห่กันมาหานางและชายคนนั้นผู้อาจเป็นพ่อของนางได้บอกให้องครักษ์ปล่อยตัวข้าไป
…
…
…
“…” นางลืมตาขึ้นและแสงแดดยามบ่ายก็ส่องผ่านช่องว่างบนต้นไม้ ส่องประกายกระทบลงบนใบหน้าของนาง
เป็นเวลานานแล้วที่นางได้ฝันเช่นนี้
“เจ้าหญิงเดริชา ได้โปรดอย่างีบหลับบนต้นไม้ในสวนเถิด”
“หุบปากไปเลยไอ้หัวล้าน”
“ข้าชื่อฌอนองค์หญิงเดริชา”