บทที่ 95 เย็บศพจักรพรรดิ
บทที่ 95 เย็บศพจักรพรรดิ
“พี่ใหญ่จิ่ว เปิดประตูเร็วเข้า”
ด้านนอกประตูมีเสียงกังวลอย่างมากของเสี่ยวซวนจื่อ
หยางจิ่วยังไม่ได้ขึ้นเตียงด้วยซ้ำ เขาจึงก้าวไปสองสามก้าวเพื่อเปิดประตูแล้วถามว่า "ซวนจื่อตัวน้อย เกิดอะไรขึ้น?"
“รีบตรียมอุปกรณ์เย็บศพแล้วตามข้ามา” เสียงของเสี่ยวซวนจื่อสั่นเทา แต่ที่สั่นยิ่งกว่านั้นคือร่างกายของเขา
โดยเฉพาะใบหน้าที่สวยและอ่อนโยนของเขา ซึ่งดูม่วงฟกช้ำราวกับว่าเขาถูกวางยาพิษ
หยางจิ่วหยิบอุปกรณ์เย็บศพ แล้วเดินตามเสี่ยวซวนจื่อเข้าไปในรถม้า
คนขับรถม้าเหวี่ยงแส้แล้วขับรถไปที่พระราชวัง
ขณะที่นั่งอยู่ในรถม้า ร่างกายของเสี่ยวซวนจื่อยังคงสั่นอยู่
หยางจิ่วคาดเดาอยู่ในใจและกระซิบถาม: "จักรพรรดิ... สิ้นพระชนม์แล้วหรือ?"
เสี่ยวซวนจื่อพยักหน้า
หยางจิ่วคิดว่า องค์จักรพรรดิมีความหวังที่จะรอดชีวิตจนถึงเทศกาลโคมไฟ(วันที่ 15) แต่เขาเสียชีวิตในวันที่ 4 หลังตรุษจีน
เมื่อจักรพรรดิสิ้นพระชนม์ จักรพรรดินีอาจต้องการตัดศีรษะของเขา แต่เสี่ยวซวนจื่อขอให้เขานำอุปกรณ์เย็บศพมาทำไม
เป็นไปได้ไหมที่ จักรพรรดิถูกลอบสังหาร?
แต่พระราชวังได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ใครมันจะโง่พอที่จะลอบสังหารจักรพรรดิที่กำลังจะสิ้นพระชนม์ได้?
หยางจิ่วไม่สุ่มเดาอีกต่อไป และถามโดยตรงว่า: “ร่างของใครที่ข้าต้องเย็บ”
“ศพของฝ่าบาท” เสียงของเสี่ยวซวนจื่อเบาราวกับเสียงยุง
หยางจิ่วตกตะลึง: "จักรพรรดิถูกลอบสังหาร?"
"ไม่ใช่..." เสี่ยวซวนจื่อบอกว่า เขาอยู่ที่นั่นด้วยตอนที่่จักรพรรดิกำลังจะสิ้นพระชนม์
เขายืนอยู่ข้างหลังเว่ยจงเซียน และมองไปที่จักรพรรดิที่ถูกทรมานจนตายด้วยยาพิษ และเขารู้สึกกลัวอย่างมาก
หลังจากพิษกำเริบขึ้น ยาก็ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
เมื่อเห็นจักรพรรดิเจ็บปวดเช่นนี้ จักรพรรดินีอู๋ก็เช็ดน้ำตาของนางอย่างเดียว
เว่ยจงเซียนและตี้จูอวี้ ต่างก็มีน้ำตาไหลเช่นกัน
ส่วนหลี่ซิงเจียงและหลี่ซิงเหอ ทั้งคู่คุกเข่าอยู่บนพื้นและไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น
"ฆ่าข้า ฆ่าข้า ฆ่าข้าเร็วๆ เดี๋ยวนี้..." จักรพรรดิกลิ้งตัวลงจากเตียงมังกรลงมาที่พื้น เขาจับไหล่ของจักรพรรดินีอู๋ที่เข้ามาพยุงด้วยมือทั้งสองข้าง และเสียงตระโกนของเขาก็ราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้าย
จักรพรรดินีอู๋ร้องไห้และเอ่ยปลอบจักรพรรดิให้สงบสติอารมณ์
แต่ความเจ็บปวดที่เกิดจากพิษไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิจะทนได้อย่างแน่นอน
จักรพรรดินีรัดคอจักรพรรดินีอู๋แล้วคำราม: "ฆ่าข้าสิ ฆ่าข้าเถอะ..."
จักรพรรดินีอู๋สำลักอย่างหนักจนไม่สามารถขอความช่วยเหลือได้
หลี่ซิงเจียงเห็นสิ่งนี้จึงดึงกริชออกมาจากแขนเสื้อของเขา เขาคำรามและรีบไปหาจักรพรรดิ
แต่เมื่อเขาเข้ามาใกล้ หลี่ซิงเจียงก็ไม่กล้าที่จะทำการสังหาร
แต่จักรพรรดินีอู๋แย่งคว้ากริชมา แล้วแทงเข้าไปในท้องของจักรพรรดิ
เลือดพุ่งออกมามาก ทำให้องค์จักรพรรดิหมดแรงในทันที และพระองค์เดินเซกลับไป
เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดที่เกิดจากพิษ การถูกกริชเล่มนี้แทงก็เหมือนกับการเล่นของเด็ก
"ฝ่าบาท แค็ก นางสนม แค็ก ของพระองค์ไม่..." จักรพรรดินีอู๋ไอซ้ำแล้วซ้ำอีกจนหายใจไม่ออก
จักรพรรดิดึงกริชออกมาจากท้องอย่างแรง แล้วแทงเข้าไปใหม่ แล้วดึงออกมาอีกครั้ง และแทงเข้าไปอีกครั้ง...
ทุกคน ณ ตรงนั้น ต่างจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างและไม่อยากจะเชื่อเลย
จนกระทั่งแทงกริชครั้งที่ 4 ร่างกายของจักรพรรดิก็สั่นสองสามครั้ง แล้วเขาก็ล้มลงและหายใจไม่ออก
เมื่อมองไปที่ท้องที่โชกไปด้วยเลือดของจักรพรรดิ จักรพรรดินีอู๋รู้สึกเสียใจที่นางไม่ยอมวางยาพิษจักรพรรดิก่อนหน้านี้ เพื่อที่ร่างมังกรของจักรพรรดิจะไม่ได้รับความเสียหาย
มาถึงจุดนี้ ตัวมังกรของจักรพรรดิจำเป็นต้องเย็บ
ขณะนั้นเอง เว่ยจงเซียนก็แนะนำหยางจิ่ว
ในฐานะจักรพรรดิ ศพของเขาต้องทำการเย็บในทันที
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ จนถึงตอนนี้ ต้าหลี่ซื่อ(ศาลอาญาใหญ่ต้าหลี่) จินอี้เว่ย และลิ่วซ่านเหมิน ยังไม่สามารถทราบได้ว่า จักรพรรดิถูกวางยาพิษอย่างไร
เมื่อมาถึงหยางจิ่วมาถึงพระที่นั่งหย่างซิน เขาจึงคุกเข่าและทำการเคารพ
ในตอนนี้ร่างของจักรพรรดิได้รับการทำความสะอาดแล้ว และนำมาไว้ที่เตียงมังกร
บนท้องที่ถูกเปิดออก บาดแผลทั้งสี่นั้นน่าตกใจมาก และเลือดยังคงไหลออกมา
"หยางจิ่ว กงกงเว่ยขอแนะนำให้เจ้าเย็บร่างมังกรของจักรพรรดิ โปรดอย่าทำให้ข้าผิดหวัง" จักรพรรดินีอู๋นั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ด้วยใบหน้ามืดมนที่ดูน่าขนลุกเป็นพิเศษ
หยางจิ่วตอบ: "จักรพรรดินี ได้โปรดออกไปก่อน..."
จักรพรรดินีอู๋ลุกขึ้นและจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
คนที่เหลือเดินตาม และออกจากห้องโถงพระที่นั่งหย่างซิน
หลังจากออกไปข้างนอก จักรพรรดินีอู๋ก็เหลือบมองนางกำนัลราชสำนัก และขันทีที่คุกเข่าอยู่ข้างนอก นางโบกมือแล้วพูดว่า "จะต้องไม่มีใครรับรู้ในเรื่องนี้"
หลังจากที่เสี่ยวซวนจื่อออกไปข้างนอกเพื่อส่งคำสั่ง ราชองครักษ์ก็เข้ามาอย่างรวดเร็ว ชักดาบออกมาและสังหารหมู่พวกเขาทั้งหมด
ทันใดนั้น ท่ามกลางเสียงครวญครางอย่างน่าสังเวช นางกำนัลและขันทีทุกคนก็ตกลงไปในกองเลือด
เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คนที่เฝ้าอยู่นอกห้องโถงพระที่นั่งหย่างซิน จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องโถง
เมื่อพวกเขาขนย้ายศพของนางกำนัลและขันทีเหล่านี้ หยางจิ่วก็จุดธูปหอมแล้วกำลังจะเย็บศพ
มีบาดแผลเพียงสี่แผลเท่านั้น และการเย็บแผลก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่ก่อนที่จะให้เข็ม หยางจิ่วยังคงตื่นเต้นมาก ไม่เคยนึกฝันว่าเขาจะได้เย็บศพของจักรพรรดิในชีวิตนี้ของเขาได้
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นองค์จักรพรรดิกำลังยืนอยู่ข้างๆ เอามือไพล่หลัง เขาเฝ้าดูอย่างจริงจัง
หยางจิ่วแสร้งทำเป็นไม่เห็นจักรพรรดิ และเย็บศพอย่างระมัดระวัง
บาดแผลที่เย็บด้วยเข็มดอกท้อนั้นประณีตมาก
หลังจากเย็บแผลทั้งหมดแล้ว มันก็ดูเหมือนภาพดอกท้อ งดงามราวกับฤดูใบไม้ผลิ
"คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย" ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา และเริ่มบันทึกชีวิตของจักรพรรดิ
องค์จักรพรรดิเกิดมาฉลาดและขยัน ทำให้พระองค์ทรงเป็นที่โปรดปรานอย่างมาก
เมื่อเขาอายุเพียงหกขวบ เขาก็ได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาท
มีพี่น้องหลายคนพยายามดึงเขาลง แต่เขามักจะระมัดระวังตัวในทุกย่างก้าว และไม่เคยทำผิดพลาดใดๆ
มีพี่น้องไม่กี่คนที่เขาจัดการเพราะแผนการต่อต้านเขา
เมื่อเขาอายุ 12 ขวบ จักรพรรดิแห่งเว่ยสิ้นพระชนม์ แน่นอนว่า รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์ และไท่โฮ่ว(พระมารดา) ก็อยู่หลังม่านคอยช่วยเหลือ
ไท่โฮ่ว(พระมารดา) ทรงอยู่ในอำนาจเพียงไม่ถึงสองปี ก่อนที่จะคืนบัลลังก์ให้จักรพรรดิ
หลังจากที่จักรพรรดิเข้ารับตำแหน่งเต็มตัว พระองค์ทรงอุทิศตนให้กับกิจการของอาณาจักร ให้ขุนนางนักปฏิรูปอีกครั้ง และเริ่มการเปลี่ยนแปลงทีละจุด
จากนั้นเป็นต้นมา คลังสมบัติของราชวงศ์เว่ยก็เต็ม กองทัพและม้าก็เข้มแข็ง ผู้คนอาศัยต่างทำงานอย่างสงบสุขพึงพอใจ และทุกอาณาจักรในสี่ทิศก็ยอมจำนน
เมื่อจักรพรรดิอายุมากขึ้น เขาก็ลุ่มหลงความงามอีกครั้ง ให้กำเนิดโอรสทีละคน และราชสำนักก็ค่อยๆ ทรุดโทรมลง
ภายในเวลาไม่กี่ปี ราชสำนักราชวงศ์เว่ยก็ปั่นป่วน
บัณฑิตและนักศึกษา ได้เขียนบทความต่อว่า จักรพรรดิไม่ได้คิดที่จะเป็นนายของประชาชน แต่คิดที่จะบีบน้ำมันกับประชาชนเพื่อเติมเต็มกระเป๋าได้อย่างไร
การตำหนิเหล่านั้น ไม่สามารถส่งไปถึงจักรพรรดิได้ ทุกข้อความโดนสกัดโดยขุนนางกังฉิน
ขุนางที่ซื่อสัตย์จำนวนมากถูกใส่ร้ายป้ายสี และสุดท้ายก็ทุกคนที่ซื่อสัตย์ก็ถูกประหารชีวิต
หลังจากนั้น ไม่มีขุนนางคนใดกล้าพูดออกมาอีกต่อไป
พวกเขาทุกคนรู้ดีว่า หากสิ่งนี้ยังดำเนินต่อไป จักรวรรดิเว่ยจะต้องล่มสลายอย่างแน่นอน
แต่ในขณะนั้นเอง มีผู้หญิงที่ทำให้องค์จักรพรรดิเปลี่ยนไป
ผู้หญิงคนนี้คือ จักรพรรดินีอู๋
หลังจากพบกับจักรพรรดินีอู๋ องค์จักรพรรดิก็ไม่เคยมองนางสนมองค์อื่นอีกเลย และหัวใจของเขาก็ผูกติดอยู่กับจักรพรรดินีอู๋
ดูเหมือนว่าความคิดของจักรพรรดินีอู๋ก็เกี่ยวเนื่องกับจักรพรรดิเช่นกัน แต่จริงๆ แล้วนางมุ่งเน้นไปที่กิจการของอาณาตักร
จักรพรรดินีอู๋จะดูแลทุกสิ่งที่องค์จักรพรรดิขี้เกียจเกินกว่าจะรับมือ และนางก็จัดการมันได้ดีมาก
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดินีอู๋ชอบทบทวนสาส์นกราบทูลมากเพียงใด องค์จักรพรรดิจึงมอบสาส์นกราบทูลทั้งหมดให้กับจักรพรรดินีอู๋
ภายใต้การโน้มน้าวใจของจักรพรรดินีอู๋ จักรพรรดิจึงกลับไปกระทำตัวดั่งช่วงต้นรัชการ
แต่ถึงอย่างนั้นมักก็ไม่ทันแล้ว พระองค์ไม่สามารถกู้สถาณการณ์ที่เแ็นอยู่มาเป็นเวลานานได้ เปรียบเหมือน มันไม่สามารถรักษาโรคเรื้อรังที่กินเวลานานกว่าสิบปีในชั่วข้ามคืนได้นั่นเอง
หลังจากที่จักรพรรดินีอู๋ตั้งครรภ์ จักรพรรดิได้ขอให้นางอยู่ห่างจากกิจการของราชสำนักชั่วคราว และรับผิดชอบแต่เรื่องดูแลตนเองอย่างเดียว
คืนที่จักรพรรดินีอู๋ประสูติองค์ชาย จักรพรรดิได้เต้นรำและมีความสุขราวกับคนโง่ เขาตั้งชื่อองค์ชาย ซิงเจียงทันที และตั้งให้เขาเป็นรัชทายาท
สิ่งนี้ทำให้องค์ชายที่เคยต่อสู้ในสนามรบของบันลังก์ไม่พอใจอย่างมาก
หลังจากที่อดีตรัชทายาทจมน้ำตาย พวกเขาทั้งหมดพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอวด พยายามดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัชทายาทในอนาคต
ความโหดร้ายของสนามรบทำให้องค์ชายหลายคนเสียชีวิตอย่างอนาถ
เมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ให้กับองค์ชายน้อยที่เกิดใหม่ องค์ชายที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็เข้าใจแล้วว่า ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหนักแค่ไหนในชีวิตนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความโปรดปรานจากองค์จักรพรรดิ
หลี่ซิงเจียงเป็นทารกอวบอ้วน เขาจะยิ้มเมื่อเห็นจักรพรรดิ และเขาได้รับความโปรดปรานอย่างลึกซึ้งจากจักรพรรดิ
สิ่งที่จักรพรรดิชื่นชอบมากที่สุดคือ การดูดมือของหลี่ซิงเจียง
แม่นมขององค์ชายน้อยได้ทายาพิษบนมือของหลี่ซืนเจียงในเช้าวันหนึ่ง
เมื่อจักรพรรดิมาพบหลี่ซิงเจียง เขาก็จับมือของหลี่ซิงเจียงอีกครั้งโดยธรรมชาติ เมื่อมองดูไทารกที่ยิ้มแย้ม หัวใจของจักรพรรดินั้นหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง
และจักรพรรดิก็ทำตามปกติ พระองค์ดูดมือของทารกน้อยอย่างรักใคร่
เพียงใช้พิษเพียงเล็กน้อยในแต่ละครั้ง ถ้าเวลาผ่านไป จักรพรรดิจะถูกวางยาพิษอย่างร้ายแรง
แต่พิษนั้นแปลกมาก อาการที่จักรพรรดิแสดงไม่ใช่พิษ แต่เป็นการเจ็บป่วย
แพทย์หลวงพยายามค้นหาวิธีรักษา แต่พวกเขาทำได้เพียงทำให้อาการคงที่ แต่ไม่สามารถรักษาได้
จนพิษเข้าสู่ปอด เหล่าเทพเซียนก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้อีกต่อไป และเขาก็ถูกแทงด้วยกริชจนตาย
ผู้วางยาพิษคือแม่นมของหลี่ซิงเจียงจริงๆ เหรอ?
หยางจิ่วดึงม่านเตียงขึ้น หันกลับไปมองจักรพรรดิที่ยังยืนอยู่ข้างเขา