บทที่ 6 วาดยันต์
บทที่ 6 วาดยันต์
ร้านอาหารรสชาติแห่งจิตวิญญาณถือเป็นร้านอาหารที่มีผู้เข้ามาใช้บริการมากที่สุด โดยเฉพาะผู้ฝึกตนขอบเขตการปรับแต่งพลังปราณระดับต่ำเช่นพวกเขาในตลาดกันยางแห่งนี้
เมื่อเจียงเฉิงซวนและซูไห่ชวนมาถึงร้านอาหารก็เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนอิสระ
พวกเขาพบโต๊ะว่างริมหน้าต่างจึงนั่งลง
หลังจากสั่งไวน์วิญญาณและอาหารจากเจ้าของร้าน ซูไห่ชวนก็มองไปที่เจียงเฉิงซวนและพูดว่า
"สหายเต๋าเจียง ข้าคิดว่าท่านคงได้ยินเกี่ยวกับสถานการณ์ในซากปรักหักพังนั้นแล้ว
ท่านคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านสนใจที่จะสำรวจสถานที่นั้นกับเราหรือไม่?
บางทีเราอาจพบโอกาสในการก้าวไปสู่ระดับก่อตั้งรากฐานในตำนานก็ได้นะ”
ซูไห่ชวนเชิญเจียงเฉิงซวนอีกครั้ง
เดิมทีเขายอมแพ้การเชิญเจียงเฉิงซวนแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นว่าการฝึกตนของเจียงเฉิงซวนได้ทะลวงไปถึงระดับเก้าของขอบเขตการปรับแต่งพลังปราณแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากลองอีกครั้ง
เพระาท้ายที่สุดแล้ว ผู้ฝึกตนในระดับที่เก้าของขอบเขตการปรับแต่งพลังปราณก็ไม่ควรถูกมองข้าม
หากพวกเขาสามารถดึงเขาเข้าสู่ทีมได้จริง มันจะเพิ่มความแข็งแกร่งของทีมอย่างมากอย่างแน่นอน
เมื่อพวกเขาเข้าไปในซากปรักหักพังเพื่อสำรวจอีกครั้ง โดยมีเจียงเฉิงซวนเข้าไปด้วย มันมีแนวโน้มมากขึ้นสำหรับพวกเขาที่จะออกมามีชีวิตออกมา
น่าเสียดายที่เจียงเฉิงซวนยังคงไม่สนใจคำเชิญของซูไห่ชวน เขาส่ายหัวแล้วรอยยิ้มพร้อกมับพูดออกมาว่า
“ข้าขอโทษด้วยสหายเต๋าซู่ ข้าเกรงว่าครั้งนี้ข้าจะทำให้ท่านผิดหวังอีกครั้ง
ข้ายังมีบางอย่างที่ต้องทำอยู่ และข้าคิดว่าข้าคงไม่สามารถเข้าไปในซากปรักหักพังพร้อมกับท่านได้”เขาอธิบายเพื่อรักษาน้ำใจ
เพราะไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเขาเชิญเขามาแล้วสองครั้งติดต่อกัน ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมที่เขาจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาเกินไป
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ควรจะสามารถเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึงได้
ร่องรอยของความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูไห่ชวนและเหมยหงหยาน
อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะเจียงเฉิงซวนได้ทะลวงไปถึงระดับเก้าของขอบเขตการปรับแต่งพลังปราณแล้ว เหมยหงหยานซึ่งไม่พอใจที่เจียงเฉิงซวนปฏิเสธคำเชิญของพวกเขาในครั้งกอ่น แม้ว่าครั้งนี้เธอก็ผิดหวังอย่างมากเช่นกัน
แต่ตรงกันข้ามกับอารมณ์ของเธอ รอยยิ้มกลับได้ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
“ในเมื่อสหายเต๋าเจียงยังมีสิ่งที่ต้องทำ งั้นเราลืมมันซะเถอะ
แตเรื่องต่อไปนี้ข้าเชื่อว่าสหายเต๋าเจียงจะสนใจไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความอยากรู้อยากเห็นของเจียงเฉิงซวนก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที
เขาอดไม่ได้ที่จะถามด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าขอทราบได้ไหมว่ามันคืออะไร”
“ให้สามีของข้าบอกท่าน”
เหมยหงหยานยิ้มและหันไปหาซูไห่ชวน
ซูไห่ชวนพยักหน้าและกล่าวว่า "มันเกี่ยวกับงานแสดงสินค้าของผู้ฝึกตนอิสระ"
“งานแสดงสินค้าของผู้ผู้ฝึกตนอิสระงั้นหรือ?”
"ใช่"
ซูไห่ชวนพยักหน้า
“สามเดือนต่อจากนี้ ในศาลาดงวอนของตลาดเหอยาง จะมีงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับพวกเราผู้ฝึกตนอิสระ
ในเวลานั้นถ้าเจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการซื้อหรือแลกเปลี่ยนท่านสามารถมาที่งานแสดงสินค้าเพื่อดูได้ บางทีอาจมีสิ่งที่ท่านต้องการ”
"ข้าเข้าใจแล้ว"
ตามที่คาดไว้ เขามีความสนใจเล็กน้อยในงานแสดงสินค้านี้จริงๆ
แม้ว่าเขาจะไม่มีอะไรต้องแลกเปลี่ยนหรือซื้อ แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาที่จะขยายความรู้หรือมาเพื่อค้นหาสิ่งที่อาจจำเป็นต่อเขาได้
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เขาก็ขอบคุณซูไห่ชวนและภรรยาของเขาทันที
“ขอบคุณที่บอกข้าเรื่องนี้ มื้อนี้ให้ข้าเลี้ยงเอง ข้าหวังว่าพวกท่านทั้งสองคนจะไม่แย่งมันจากข้านะ”
ซูไห่ชวนและภรรยาของเขาพูดพร้อมกันว่า "ถ้าอย่างนั้นเราจะไม่เกรงใจนะ สหายเต๋าเจียง"
หลังจากที่ทั้งสามคนกล่าวคำอำลาและออกจากศาลารสชาติจิตวิญญาณแล้ว เจียงเฉิงซวนก็กลับไปที่ถ้ำของเขา
ไม่นานหลังจากกลับมาที่ถ้ำ เจียงเฉิงซวนก็หยิบวัสดุทำยันต์ที่เขาซื้อมาออกมา
เขาวางแผนที่จะใช้ทักษะการสร้างยันต์เพื่อวาดยันต์และขายพวกมันเอาหินวิญญาณ
มิฉะนั้น ไม่ว่าเขาจะมีเงินเก็บเท่าไรมันก็ไม่พอใช้
ยิ่งกว่านั้นเขาไม่มีเงินออมแล้วในขณะนี้
เขาล้างมือและทำให้จิตใจสงบ
จากนั้นเขาก็จุดธูปสำหรับทำให้จิตใจสงบขึ้น
เมื่อทำเสร็จแล้วเจียงเฉิงซวนก็เริ่มสร้างยันต์
สิ่งที่เจียงเฉิงซวนวาดออกมาเป็นอันดับแรกคือยันต์ระดับ 1 ขั้นกลาง ที่เรียกว่ายันต์ดาบวารี
เมื่อใช้แล้ว มันสามารถกลายเป็นดาบวารียาวสิบฟุต ซึ่งสามารถใช้โจมตีศัตรูได้
หากผู้ฝึกตนขอบเขตการปรับแต่งพลังปราณในช่วงกลางไม่ระวัง เขาคงจะตกตายด้วยตาบวารีนี้ได้
เขาเคยวาดยันต์ประเภทนี้มาหลายสิบอันแล้วในอดีต
ดังนั้นมันจึงค่อนข้างง่ายที่เขาจะวาดในครั้งนี้
หลังจากนั้นประมาณครึ่งวัน
เจียงเฉิงซวนพู่กันวาดยันต์ในมือของเขาลง
ตรงหน้าของเขาคือยันต์ดาบวารีที่ปล่อยพลังปราณจิตวิญญาณอันจาง ๆออกมา
ยันต์ประเภทนี้สามารถขายได้ในราคาเจ็ดหรือแปดหินวิญญาณในตลาด
หากมีคนต้องการ มันอาจจะขายได้ในราคาสิบหินวิญญาณก็เป็นได้
ขณะที่เจียงเฉิงซวนเก็บยันต์ดาบวารีไว้ และกำลังจะดึงกระดาษยันต์ชิ้นต่อไปออกมา เสียงของระบบก็ดังขึ้นในใจของเขา
[ติ๊ง! มีการออกภารกิจแห่งความสำเร็จ! โฮสต์ โปรดวาดยันต์ดาบวารีให้ครบหนึ่งร้อยครั้ง]
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เจียงเฉิงซวนก็รู้สึกตื่นเต้นทันที
ในที่สุดภารกิจของระบบก็มาอีกครั้ง!
อย่างไรก็ตาม ภารกิจในครั้งนี้คือการวาดยันต์ดาบวารีหนึ่งร้อยครั้ง
ความคืบหน้าในการวาดภาพปรากฏขึ้นในหน้าจอของเขาทันที
[ความคืบหน้าปัจจุบันในการวาดยันต์ดาบน้ำ: 57%]
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือในอดีตเขาเคยวาดยันต์ดาบวารีได้สำเร็จแล้ว 57 อัน
ในกรณีนี้เขาเพียงแค่ต้องวาดยันต์ดาบวารีเพิ่มอีก 43 อันก็จะสำเร็จได้แล้ว
อย่างไรก็ตามวัสดุทำยันต์ที่เขาซื้อก่อนหน้านี้อาจจะไม่เพียงพอ
เขาอาจจะต้องออกไปซื้อเพิ่มอีกในภายหลัง
เมื่อเป็นแบบนนี้…
เจียงเฉิงซวนจึงเริ่มงานวาดยันต์ดาบวารีอีกครั้ง
สองเดือนผ่านไป
เจียงเฉิงซวนใช้หินวิญญาณอีก 33 ก้อนเพื่อซื้อวัสดุสร้างยันต์ก่อนที่จะวาดภาพยันต์ดาบวารีที่เหลือให้เสร็จสิ้น
เมื่อความคืบหน้าของภารกิจถึง 100% ในที่สุดเจียงเฉิงซวนก็ได้ยินการแจ้งเตือนของระบบอีกครั้งว่า
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ คุณวาดยันต์ดาบวารีสำเร็จแล้วหนึ่งร้อยครั้ง คุณได้รับความสามารถในการวาดยันต์โล่วารีระดับ 1 ขั้นสูง”
ทันใดนั้นเจียงเฉิงซวนก็ได้รับความรู้และประสบการณ์ทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับการวาดยันต์โล่วารีก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
ในระหว่างกระบวนการนี้ ระดับการวาดยันต์ของเขาได้ไปถึงระดับ 1 ขั้นสูงโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ความสามารถของเขายังเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกด้วย
ยันต์โล่วารีระดับ 1 ขั้นสูง เป็นยันต์ประเภทป้องกัน
ถ้าพูดให้ถูกคือ มันยากกว่าการวาดยันต์ประเภทโจมตีระดับ 1 ขั้นสูงระดับสูงทั่วไปเสียอีก
ตอนนี้เจียงเฉิงซวนมีความสามารถในการวาดยันต์โล่วารีแล้ว ตามทฤษฎีแล้วตราบใดที่เขาสามารถรู้วิธีการวาดของยันต์ระดับ 1 ขั้งสูงประเภทอื่น ๆ ได้ ด้วยเวลาและความพยายามเล็กน้อย เขามั่นใจว่าเขาจะเชี่ยวชาญมันได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าตามความคิดของเขาแล้ว รางวัลในครั้งนี้ไม่ดีเท่าครั้งก่อนๆ
อย่างไรก็ตาม มันก็มีประโยชน์อย่างมากกับสถานการณ์ในปัจจุบันของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจะมีงานแสดงสินค้าของผู้ฝึกตนอิสระในอีกหนึ่งเดือนต่อมา
ในเวลานั้น หากเขาสามารถผลิตยันต์โล่วารีระดับ 1 ขั้นสูงได้ เขาก็น่าจะมีรายได้มากมายอย่างแน่นอน