บทที่ 561: คิดหาทางออก
“หยินเสวี่ย ท่านหัวหน้าให้ข้ามาถามเจ้าว่าเป็นยังไงบ้าง หยินชางยินดีที่จะกลับมาอยู่กับเจ้าหรือไม่?” ภูตที่เพิ่งเดินเข้ามาในกระท่อมถามเข้าประเด็นทันที
หยินเสวี่ยหันไปมองคนถามในขณะที่บนใบหน้าพันด้วยผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้ว เมื่อสักครู่นางเพิ่งสงบสติอารมณ์ตัวเองลงได้ แต่พอได้ยินคำถามของอีกฝ่าย นางก็กลับมารู้สึกโกรธอีกครั้ง
ข้อตกลงที่นางทำไว้กับหยินซางก็จะต้องเลื่อนออกไปเป็นการชั่วคราว
“เจ้าเด็กนั่นระวังตัวมาก ข้ายังเอาตัวเขากลับมาไม่ได้ แต่เจ้าไปบอกให้ท่านหัวหน้าวางใจเถอะ ข้าจะคิดหาทางให้เขายอมกลับมาด้วยความเต็มใจ” หญิงสาวกล่าวอย่างลำพองใจ
ภูตชายที่ถูกส่งตัวมาก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก “เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รีบ ๆ หน่อยแล้วกัน ท่านหัวหน้าเสียเวลาไปตั้งมากมายกว่าจะจับเหยื่อตัวใหญ่มาได้ ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ เจ้าคงรู้นะว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
นางถือได้ว่าเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้หยินซางต้องออกไปล่าสัตว์ด้วยตัวเอง
“ข้ารู้ ๆ” ฝ่ายที่ถูกกดดันทำได้เพียงยิ้มแล้วพยักหน้าตอบซ้ำ ๆ
หลังจากคนที่หัวหน้าเผ่าไป๋ผีส่งมาถามข่าวคราวกลับไปแล้ว หยินเสวี่ยก็กัดฟันอย่างไม่พอใจ
“เป็นเพราะนังเด็กนั่น ถ้ามันไม่เข้ามาแทรก หยินชางคงจะยอมกลับมาอยู่กับเราแล้ว!” หญิงสาวพูดเสียงลอดไรฟัน
ดูเหมือนว่าถ้านางอยากได้ตัวหลานชายกลับมา นางจะต้องจัดการกับหมอผีจอมจุ้นก่อน!
แต่ในไม่ช้านางก็กลับมามีสีหน้าเศร้าหมองอีกครั้ง
ปัจจุบันตัวนางเองยังก้าวออกจากกระท่อมหลังนี้ไปไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วนางจะจัดการกับเด็กผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไร?
…
อีกด้านหนึ่ง
หลงหลิงเอ๋อกับหยินชางกลับบ้านไปช่วยกันจัดการกับเหยื่อ แล้วเข้าไปเอาเกลือออกมาจากในห้องครัวเพื่อแปรรูปเนื้อให้เก็บไว้กินได้นาน ๆ
ขณะนั้นหูเจียวเจียวกับหลงโม่กลับมาทันเวลาพอดีจึงเห็นกองเนื้ออยู่ในห้องนั่งเล่น
“หลิงเอ๋อ หยินชาง เนื้อพวกนี้มาจากไหนกัน?” แม่จิ้งจอกถามด้วยความสงสัย
พวกเขาออกไปขโมยเหยื่อมาหรือ?
“ท่านแม่ นี่เป็นเหยื่อที่ท่านอาของหยินชางมอบให้ข้าเป็นของตอบแทนที่ช่วยรักษานางคราวที่แล้ว” เด็กหญิงตัวเล็กอธิบาย
ทว่าคำอธิบายนี้ทำให้หูเจียวเจียวรู้สึกแปลกใจมากยิ่งขึ้น
“นางเอาเหยื่อมาให้เจ้าที่นี่อย่างนั้นหรือ แล้วผู้หญิงคนนั้นไปเอาเหยื่อตัวใหญ่ขนาดนี้มาจากไหน?” จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหยื่อที่มีขนาดใหญ่แบบนี้จับได้ไม่ง่ายนัก
แม้แต่หลงโม่ก็ยังหาจับเหยื่อตัวใหญ่มาไม่ได้ทุกวัน
สำหรับคู่ครองทั้ง 2 คนของหยินเสวี่ย ไม่ว่าจิ้งจอกสาวจะมองอีกฝ่ายอย่างไร พวกเขาก็ดูไม่เหมือนภูตที่แข็งแกร่งที่มีความสามารถในการจับเหยื่อมาเองได้
เรื่องนี้ทำให้เธออดรู้สึกไม่ได้ว่ามันแปลกมากจริง ๆ
“ท่านแม่ มีอะไรหรือ?” หลงหลิงเอ๋อมองผู้เป็นแม่ด้วยสายตาสงสัย
“ไม่มีอะไร” แม่จิ้งจอกมองลูกสาวที่ทำหน้าไร้เดียงสา ก่อนจะส่ายหัวตอบ
“ไปเล่นกันก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จัดการเนื้อพวกนี้เอง”
หูเจียวเจียวพูดจบแล้วก็หยิบเกลือออกมาจากมือของคนตัวเล็ก
ทางด้านหลงโม่ เขาทำเพียงแค่เหลือบมองแล้วเห็นว่าหลงหลิงเอ๋ออยากจะคุยกับหูเจียวเจียว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เดินเข้าไปหาทั้งคู่ ก่อนจะหันกลับไปเพื่อจัดการสิ่งที่เขากับภรรยานำกลับมาจากในป่า
พอชายร่างสูงเดินไปทางอื่นแล้ว หยินชางก็รู้สึกว่าไม่ควรรั้งอยู่ที่นี่เช่นกัน เขารีบตามพ่อมังกรออกไปทันที
ส่วนหูเจียวเจียวคุ้นเคยกับการถูกลูก ๆ เกาะติดอยู่แล้ว เธอจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าหลงหลิงเอ๋อที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีท่าทางผิดแปลกไปจากเดิม
ตามปกติแล้วเด็กน้อยคนนี้ชอบเดินตามแม่จิ้งจอกไปไหนมาไหนในระหว่างที่เธอกำลังทำอะไรบางอย่าง
“ท่านแม่ ข้ามีคำถามอยากจะถามท่าน”
“หืม เจ้ามีอะไรจะถามแม่หรือ?”
หูเจียวเจียวถามในขณะที่ถูเกลือบนเนื้อ
ลูก ๆ ของเธอเป็นเด็กขี้สงสัยกันมาก พวกเขาชอบถามคำถามแปลก ๆ กับเธออยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกว่าการกระทำของลูกสาวแปลกประหลาดแต่อย่างใด
“ท่านแม่ ถ้าคนที่ชอบโกหกเยอะ ๆ ไม่ยอมบอกความจริงให้คนอื่นฟัง แต่ข้าอยากจะได้คำตอบจากปากของคนแบบนั้น ข้าควรจะทำยังไงดี?”
หลงหลิงเอ๋อขอคำแนะนำจากแม่จิ้งจอกด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
ในสายตาของเด็กหญิง แม่คือคนที่มีพลังทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนักหนาแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรที่นางจัดการไม่ได้
เมื่อหูเจียวเจียวได้ยินเช่นนั้นก็หันหน้าไปมองคนถาม
“สาวน้อย นี่คือสิ่งที่เจ้าอยากจะถามแทนหยินชางใช่ไหม?”
แม่จิ้งจอกแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจความหมายลึก ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายใน เธอค่อย ๆ คิดหาคำตอบที่ทำให้เด็กหญิงเข้าใจโดยง่าย
“อืม... ถ้าคนคนนั้นรู้สึกผิดหรือหวาดกลัว คนแบบนี้จะคิดคำโกหกไม่ออกในตอนที่พวกเขารู้สึกหวาดกลัวมากที่สุด”
อย่างน้อยคนปกติก็จะเป็นดังที่เธอกล่าว
หูเจียวเจียวคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ของหยินเสวี่ยให้ละเอียดอีกครั้ง จากความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับอีกฝ่าย ในตอนที่นางรู้สึกหวาดกลัว นางคงคิดไม่ออกว่าตัวเองจะโกหกว่าอะไร
เมื่อจิ้งจอกสาวนึกถึงสิ่งนี้ หูเจียวเจียวจึงพยักหน้าให้ความมั่นใจแก่ลูกสาว
“จริงหรือ แต่เราจะทำยังไงให้คนคนนั้นรู้สึกหวาดกลัวจนถึงขีดสุด...” หลงหลิงเอ๋อทำหน้ามีความสุข แต่ในไม่ช้านางก็คิดถึงปัญหาอื่นขึ้นมาได้
“ในตอนที่ถูกเปิดโปงว่ากระทำผิด หรือไม่ก็ตอนที่เห็นคนตายต่อหน้า” ผู้เป็นแม่ตอบ
หลังจากคนตัวเล็กได้ยินคำพูดของแม่จิ้งจอก นางก็มีความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
จากนั้นเด็กหญิงก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านแม่!” พอสาวน้อยพูดจบ นางก็รีบวิ่งออกไปที่ลานบ้านอย่างตื่นเต้น
ท่าทางของหลงหลิงเอ๋อนั้นดูมีชีวิตชีวามาก
ทางด้านหูเจียวเจียวทำได้เพียงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ แล้วตะโกนไล่หลังลูกสาวไปว่า
“หลิงเอ๋อ ไม่ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าต้องระวังตัวด้วย!”
“ท่านแม่วางใจได้เลย!”
หญิงสาวรู้ว่าลูกภูตโตเร็วกันมาก พวกเขาอายุได้ไม่กี่ขวบก็มีความสามารถมากกว่ามนุษย์ในรุ่นราวคราวเดียวกันแล้ว
ดังนั้นหูเจียวเจียวจึงไม่ได้ออกตัวห้ามสิ่งที่พวกเขาอยากจะทำ อีกทั้งตอนนี้เธอกับหลงโม่ก็อยู่ในเผ่า อย่างน้อยพวกเธอก็ยังสามารถคุ้มครองความปลอดภัยของพวกลูก ๆ ได้แน่นอน
อีกด้านหนึ่ง หลงหลิงเอ๋อวิ่งออกไปนอกบ้านโดยมุ่งหน้าไปตามหาหยินชาง
ขณะนี้เด็กหนุ่มกำลังนั่งอยู่ที่ริมทะเลสาบ ในขณะที่เขาถือเกล็ดที่เพิ่งได้รับมาจากหยินเสวี่ย
“หยินชาง! ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่…”
ใบหน้าของเด็กหญิงเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะว่าวิ่งมาเต็มแรง
ตามปกติหยินชางมักจะมานั่งที่ริมทะเลสาบในตอนที่เขาไม่มีอะไรทำ ซึ่งจุดที่เขานั่งนั้นเป็นจุดที่ลับตาคน และไม่มีใครรู้ว่าเขาชอบมานั่งอยู่ตรงนี้นอกจากหลงหลิงเอ๋อ
เมื่อคนตัวเล็กวิ่งพุ่งไปทางทะเลสาบ ไม่นานนางก็พบกับคนที่ตนกำลังตามหา
“หลิงเอ๋อ ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?” หยินชางลุกขึ้นยืนพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าที่สะอาดออกมาจากอกเสื้อแล้วมอบมันให้กับเด็กหญิงตัวน้อย
หลงหลิงเอ๋อรับมันมาถือไว้ในมือแล้วพูดกับอีกฝ่ายด้วยท่าทางมีความสุข
“หยินชาง ข้าคิดหาวิธีที่จะทำให้ท่านอาของเจ้าบอกความจริงกับเจ้าได้แล้ว”
นางรู้ว่าเขาต้องการตามหาฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของตัวเองมาโดยตลอด แต่คนในเผ่าไป๋ผีมีตั้งมากมาย หยินกู่เองก็บอกเพียงว่าเป็นคนในเผ่าที่ฆ่าพ่อแม่ของพวกเขา แต่เขาไม่ได้บอกว่าเป็นใคร
ด้วยเหตุนี้เด็กหนุ่มจึงไม่สามารถระบุเป้าหมายได้ว่าจะต้องแก้แค้นใคร มันทำให้เขาไม่สามารถตัดสินใจลงมือได้
เมื่อหยินชางได้ยินเช่นนั้น ลมหายใจของเขาก็สะดุด
“จริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน ข้าไปถามท่านแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้ว” หลงหลิงเอ๋อบอกอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้นถึงวิธีการที่นางเพิ่งคิดขึ้นมาได้
“ทุกครั้งที่ท่านอาของเจ้าได้ยินคำถามจากเจ้า นางจะพยายามหลบเลี่ยงสายตา ข้าคิดว่านางจะต้องรู้อะไรบางอย่างแน่นอน แต่นางแค่ไม่ยอมบอกเจ้าเท่านั้น”
หยินชางพยักหน้า เขาเองก็สังเกตเห็นท่าทางของผู้เป็นอาเหมือนกัน
ในฐานะน้องสาวของหยินเหลย มันเป็นไปไม่ได้ที่หยินเสวี่ยจะไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของเขา
ทว่านางกลับไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น เรื่องนี้มันจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนอยู่แน่นอน
“แต่ข้าจะทำให้นางพูดความจริงได้ยังไง?” หยินชางถามพลางขมวดคิ้ว
นั่นคือสิ่งที่เขาอยากรู้ ถ้าหยินเสวี่ยไม่เต็มใจที่จะพูดออกมาเอง เขาก็ไม่สามารถบังคับให้นางบอกความจริงได้อยู่ดี
เว้นแต่ว่า...
เขาจะพาอีกฝ่ายออกจากเผ่าและเอามีดจี้คอของนางเพื่อบังคับให้นางตอบ
นั่นเป็นวิธีเดียวที่เด็กหนุ่มคิดได้ในตอนนี้
นี่เขายังไม่ได้คิดถึงเรื่องที่ว่าหยินเสวี่ยไม่สามารถก้าวออกจากกระท่อมไปได้ ถ้าเขาทำเช่นนั้นจริง ๆ หลงหลิงเอ๋อกับหูเจียวเจียวจะต้องถูกลากเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไม่ต้องสงสัย
ระหว่างที่หยินชางคิดไม่ตก หลงหลิงเอ๋อก็เผยรอยยิ้มลึกลับ ในขณะที่นางหยิบบางสิ่งออกมาจากย่ามใบเล็กของตัวเอง