บทที่ 559: ท่านแม่สอนข้าว่าเราไม่สามารถฝืนใจคนอื่นได้
บัดนี้หยินเสวี่ยรู้สึกร้อนรนมาก ดวงตาของนางกวาดมองไปรอบ ๆ โดยที่ไม่กล้าสบสายตาของหยินชาง
ท่าทางดังกล่าวทำให้เด็กหนุ่มไม่เชื่อคำพูดของผู้เป็นอาเลยสักนิด
ท่านแม่ของเขาจะต้องไม่ใช่คนโง่ นางคงไม่ยอมมอบสิ่งของดูต่างหน้าให้กับคนแบบนี้แน่นอน
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นน้องสาวของท่านพ่อ แต่เมื่อเขาพิจารณาดูให้ถี่ถ้วนแล้ว มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้
ในขณะเดียวกัน หยินเสวี่ยกลัวว่าความจริงจะถูกเปิดเผย และยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีกว่าหลานชายจะรู้ความจริง นางจึงพูดเสริมขึ้นมาว่า
“หยินชาง ถ้าเจ้ากลับไปกับเรา ท่านหัวหน้ารับปากว่าจะเป็นคนดูแลเจ้าเอง แล้วอาก็จะมอบเกล็ดนี้ให้กับเจ้า”
“แต่ถ้าเจ้าไม่ยอมมาอยู่กับเรา อาก็คงจะมอบของดูต่างหน้าของแม่เจ้าให้ไม่ได้ เพราะอากลัวว่าเจ้าจะเก็บรักษามันไว้ไม่ดีแล้วเอามันไปมอบให้กับคนนอก”
“พวกเขาไม่ใช่คนนอก พวกเขาคือครอบครัวของข้า” หยินชางขมวดคิ้วตอบอย่างเย็นชา
“ดูเจ้าสิ ก่อนที่เจ้าจะพูดอะไร เจ้าควรคิดให้ดี ๆ เสียก่อน คนในเผ่าไป๋ผีต่างหากที่เป็นคนในครอบครัวของเจ้า เราคือเผ่าพันธุ์เดียวกัน!”
หยินเสวี่ยเริ่มควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองเอาไว้ไม่ได้แล้ว แต่นางก็ยังพยายามอดทนเกลี้ยกล่อมเด็กชาย
“คนในเผ่าไป๋ผีฆ่าพ่อแม่ของข้า พวกเขาไม่ใช่ครอบครัวของข้าอีกต่อไปแล้ว” เด็กหนุ่มตอบโต้ด้วยสีหน้าเฉยเมย
“นี่เจ้า! ทำไมเจ้าถึงได้ดื้อรั้นถึงเพียงนี้!”
หยินเสวี่ยแทบจะกระอักเลือดออกมาเพราะความโกรธที่สุมอยู่ในอก
มันก็แค่เด็กกะโปโลคนหนึ่ง การจะเอาตัวมันกลับมาทำไมถึงได้ยากนักนะ!
ครู่ต่อมา หญิงสาวตวัดตามองหลงหลิงเอ๋อที่ยืนอยู่ข้างหลังหลานชายด้วยความไม่พอใจ
ต้องเป็นเพราะนังเด็กผู้หญิงคนนี้ที่คอยเป่าหูแล้วให้ร้ายพวกนางจนทำให้เขากลายเป็นเด็กหัวรั้นไม่ยอมเชื่อฟังแน่
ไม่อย่างนั้นไอ้เด็กเวรนี่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับนางและเผ่าไป๋ผีได้อย่างไร?
ใช่! ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ!
“ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมกลับมาอยู่กับเรา งั้นก็แสดงว่าเจ้าไม่ต้องการเกล็ดของแม่เจ้าแล้ว” หยินเสวี่ยพูดแบบไร้เยื่อใย
หญิงสาวไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าเด็กนี่จะยอมละทิ้งของดูต่างหน้าของแม่มันเพื่อครอบครัวจอมปลอม
ถ้าเป็นเช่นนั้น ของชิ้นนี้ก็ไม่มีค่ามากพอที่จะดึงตัวหยินชางกลับมาได้
หากใช้ไม้อ่อนแล้วมันไม่ได้ผล มันก็ถึงเวลาที่นางจะต้องใช้ไม้แข็งแล้ว
หญิงสาวจะต้องคิดหาวิธีที่ยากขึ้นกว่าเดิม ถ้าสุดท้ายแล้วไม่เหลือทางเลือกใดอีก นางจะจับไอ้หลานชายจอมดื้อด้านมัดแล้วเอาตัวมันไปซะ!
ทางด้านหยินชางหน้าถอดสี ในขณะที่ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่มือของผู้เป็นอาที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง
เขาต้องเอามันกลับคืนมาให้ได้!
แต่เขารู้ว่าวิธีประนีประนอมคงไม่เหมาะที่จะเอามาใช้กับคนแบบนี้
ในระหว่างที่เด็กหนุ่มตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาก็รู้สึกว่าชายเสื้อของตนขยับกะทันหัน
เป็นหลงหลิงเอ๋อที่กระตุกชายเสื้อของเขาพร้อมกับส่ายหัวยิ้ม ๆ ซึ่งท่าทางไม่คิดมากของนางบ่งบอกว่าเจ้าตัวคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
ยามนี้หยินชางเม้มริมฝีปากมองท่าทางของคนตัวเล็กที่กำลังมั่นใจมาก จากนั้นเขาจึงพยักหน้ารับน้อย ๆ
ถัดมา หลงหลิงเอ๋อเดินไปอยู่ข้างหน้าคนตัวสูงกว่าเพื่อเผชิญหน้ากับหยินเสวี่ย
เมื่อหญิงสาวเห็นเด็กหญิงเดินใกล้เข้ามา นางก็ขมวดคิ้วฉับพร้อมกับที่ในใจรู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดี
นังเด็กคนนี้คิดจะทำอะไร?
เมื่อไหร่ที่นังเด็กนี่ออกหน้า มันไม่เคยที่จะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับนางเลย!
“ท่านอา บาดแผลบนใบหน้าของท่านยังไม่หายดี หากท่านไม่เปลี่ยนยา มันจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้บนหน้าของท่าน!” หมอผีตัวน้อยพูดพลางมองไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย
ทันทีที่หยินเสวี่ยได้ยินเช่นนี้ นางก็ยกมือขึ้นกุมหน้าตัวเองโดยไม่รู้ตัว
นางยังคงจดจำความเจ็บปวดครั้งที่แล้วได้ไม่เคยลืม หลงหลิงเอ๋อทำรุนแรงกับบาดแผลของนางมาก หากมันทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ในอนาคตนางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!?
ในช่วงเวลานี้ การที่จะถอดผ้าพันแผลออกนางก็ยังรู้สึกหวาดกลัว นางไม่อยากให้ใครเห็นหน้าของตัวเองทั้งนั้น
เดิมทีหญิงสาวคิดถึงเรื่องที่ว่าหมอผีตัวน้อยมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับหยินชาง หากเขายอมกลับมาอยู่กับนาง อย่างน้อยเขาอาจจะเอ่ยปากขอให้อีกฝ่ายใช้ความสามารถของหมอผีรักษาใบหน้าของนางให้หายดี
แต่ใครจะไปคิดว่าเจ้าหลานชายจะหัวแข็งไม่ยอมกลับมาแบบนี้
“ไม่ ข้าจะมีรอยแผลเป็นอยู่บนใบหน้าของข้าไม่ได้ ในเมื่อครั้งที่แล้วเจ้ายังรักษาข้าได้เลย ดังนั้นตอนนี้เจ้าก็คงสามารถรักษาข้าได้เหมือนกันใช่ไหม!?” หยินเสวี่ยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ไปจนสิ้น ในขณะที่นางมองเด็กหญิงอย่างกระตือรือร้น
“ใช่ ๆ แต่ของตอบแทน...” หลงหลิงเอ๋อจงใจลากเสียงคำสุดท้ายให้ยาวขึ้นเพื่อเว้นจังหวะพร้อมกับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เหยื่อตัวใหญ่ ข้ารู้! ข้าจะหาเหยื่อตัวใหญ่มามอบให้เจ้า ตอนนี้ข้าขอติดเจ้าไว้ก่อนได้ไหม ข้าเพิ่งมอบเหยื่อให้เจ้าไปวันนี้เอง ครั้งต่อไปข้าจะรีบหาเหยื่อมามอบให้เจ้า”
ก่อนที่ผู้เป็นหมอผีจะทันได้พูดจบ หญิงสาวก็พูดแทรกขึ้นมา
ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนคือบาดแผลบนใบหน้าของนาง หากนางปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อย ๆ แผลอาจจะแย่ลงไปมากกว่าเดิม ถึงแม้ว่าในอนาคตหยินชางจะยอมกลับมาอยู่กับพวกนาง แต่ผู้หญิงที่มีรอยแผลเป็นอัปลักษณ์ก็คงไม่คู่ควรที่จะเป็นนายหญิงของเผ่าอยู่ดี
“เสวี่ยเอ๋อ แต่...” คู่ของหยินเสวี่ยหน้าถอดสีทันที เขาอยากจะเตือนสติภรรยาให้สนใจเรื่องใหญ่ก่อน
อีกทั้งการจับเหยื่อตัวใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก แม้แต่หัวหน้าเผ่าไป๋ผีที่แข็งแกร่งก็ยังต้องใช้เวลาอยู่ตั้งหลายวันกว่าจะได้มันมา
มิหนำซ้ำ งานที่ท่านหัวหน้ามอบหมายให้นางทำก็ไม่สำเร็จด้วย แล้วพวกเขาจะมีหน้าไปอธิบายให้อีกฝ่ายฟังว่าอย่างไร!
“หุบปาก! ข้ากำลังพูดอยู่ ใครใช้ให้พวกเจ้าพูดแทรกขึ้นมา!” หยินเสวี่ยตะคอกต่อว่าชายคนนั้นทันที ในตอนนี้ถ้านางถอดผ้าพันแผลออก นางจินตนาการว่าจะต้องได้เห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของตัวเองอย่างแน่นอน
ทางด้านหลงหลิงเอ๋อมองดูพวกคนโลภทะเลาะกันด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“ตอนนี้ข้ามีเหยื่อเพียงพอแล้ว ในครั้งนี้ข้าไม่ได้อยากได้เหยื่อจากท่านเป็นของตอบแทน”
“แล้วเจ้าต้องการอะไร?” หญิงสาวถามอย่างร้อนรน
“ถ้าท่านมอบเกล็ดของท่านแม่หยินชางกับเรา ข้าจะมอบยาให้ท่าน”
หยินชางที่ได้ยินเช่นนั้นขมวดคิ้วฉับ แม้ว่าเขาจะอยากได้เกล็ดของท่านแม่มากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่อยากให้คนตัวเล็กทำในสิ่งที่นางจะต้องฝืนใจ
ที่สำคัญเขารู้ว่าด้วยนิสัยของหลิงเอ๋อแล้ว นางไม่อยากช่วยรักษาให้หยินเสวี่ย
ตามปกตินางช่วยรักษาทุกคนโดยไม่เคยเรียกร้องสิ่งตอบแทนใด ๆ นางทำตามที่ใจต้องการเพียงเท่านั้น
ไม่กี่อึดใจต่อมา หยินชางเดินไปกดไหล่ของเด็กหญิง ก่อนจะส่ายหัวเป็นเชิงบอกนางว่าอย่าทำแบบนี้
แต่หลงหลิงเอ๋อกลับจับมือของเขาแล้วตบเบา ๆ พลางส่งสายตาเป็นประกายให้กับเด็กหนุ่ม
“หยินชาง ไม่เป็นไร” หมอผีตัวน้อยขยิบตาแล้วกระซิบพูดให้ได้ยินกันเพียง 2 คน
ทางด้านเด็กหนุ่มยังคงขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรและยืนอยู่ข้างหลังเงียบ ๆ
“ไม่ได้!” หยินเสวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “นี่เป็นของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวของแม่หยินชาง มันไม่ควรจะตกไปอยู่ในมือของคนนอก”
ขณะนี้นอกจากหญิงสาวจะหวาดกลัวว่าตนจะไม่สามารถพาตัวหลานชายกลับมาได้แล้ว นางยังต้องกังวลเรื่องท่านหัวหน้าและคนอื่น ๆ อีก เพราะถ้าพวกเขารู้เรื่องว่านางแอบเก็บเกล็ดของภูตอสูรเอาไว้ ตัวนางนั่นแหละที่ต้องจบเห่
ในตอนนั้นหลังจากที่คนในเผ่าไป๋ผีฆ่าหยินเหลยกับคู่ของเขาไปแล้ว พวกเขาได้จัดการทำลายศพรวมถึงกำจัดร่องรอยทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้หลงเหลือร่องรอยของภูตอสูรและป้องกันไม่ให้คนเผ่าพันธุ์เดียวกับนางมาบังเอิญพบเข้าแล้วมาแก้แค้นพวกเขา
“หยินชางไม่ใช่คนอื่น” หลงหลิงเอ๋อยู่ปากเข้าหากัน “ถ้าท่านบอกว่าของสิ่งนี้ไม่ควรอยู่ในมือของคนนอก แล้วทำไมมันถึงไปอยู่ในมือของท่านล่ะ ท่านนั่นแหละที่เป็นคนนอก!”
ถูกต้อง! สำหรับครอบครัวของหยินเหลย นางเป็นแค่คนนอกไม่ใช่หรือ?
ทันใดนั้นใบหน้าของหยินเสวี่ยก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่มันค่อย ๆ ลามไปจนถึงหู แต่หญิงสาวก็ยังไม่กล้าที่จะแสดงความโกรธต่อหน้าเด็ก
“ถ้าท่านไม่ตกลงทำตามข้อเสนอนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะถึงยังไงบาดแผลมันก็อยู่บนตัวของท่าน ท่านแม่ของข้าสอนว่าการที่เราจะไปฝืนใจคนอื่นมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นข้าจะไม่บังคับท่าน” หลงหลิงเอ๋อยักไหล่ทำท่าทางไม่แยแส
ขณะที่หยินเสวี่ยกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางก็ได้ยินเสียงพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า
“แต่ถ้าท่านไม่เปลี่ยนยา บาดแผลนั้นจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้อย่างแน่นอน ตอนที่ข้าได้เห็นบาดแผลบนใบหน้าของท่านในวันนั้น… อ๋อย~ มันน่ากลัวมากเลย”
“แต่ก็ไม่เป็นไร ถ้าท่านอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน อย่างน้อยท่านก็ไม่มีโอกาสที่จะต้องพบหน้าคนอื่น และไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะหวาดกลัวตอนที่ได้เห็นหน้าท่านหรือไม่”
ยิ่งเด็กหญิงตัวเล็กพูด สีหน้าของหยินเสวี่ยก็ยิ่งซีดลงเรื่อย ๆ
หากทุกคนได้เห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของหญิงสาว พวกเขาก็จะหวาดกลัวและแตกตื่น!
บาดแผลบนใบหน้าของนางมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?
ไม่ ๆ ข้าจะถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ ข้าจะต้องได้ออกไปและกลายเป็นคู่ของท่านหัวหน้า เพื่อที่จะเป็นผู้หญิงที่มีอำนาจสูงสุดในเผ่า!
“ตกลง! ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า ถ้าเจ้ามอบยาให้กับข้า ข้าจะมอบเกล็ดของแม่หยินชางให้เจ้า!”