บทที่ 36: ท่านหลิน เรื่องพวกนี้มันหนักหนาเกินไป!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 36: ท่านหลิน เรื่องพวกนี้มันหนักหนาเกินไป!
“แม่นางซือซือ เจ้าร่ำไห้ทำไม?” หลินเป่ยฟานถึงกับชะงักไป
หลี่ซือซือส่ายศีรษะทันทีและยิ้มออกมา “ซือซือไม่ได้ร่ำไห้! นี่คือความสุข! นี่คือความยินดี!”
เจ้ามีความสุขเรื่องอะไร
เจ้ายินดีอะไรกัน?
บอกตามตรง หลินเป่ยฟานไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว!
ยามนี้เขากำลังทำสิ่งที่อันตรายมาก ไม่รู้เลยว่าศีรษะของเขาจะเข้าเครื่องประหารหัวเมื่อใด ในฐานะผู้ที่ติดตามเขา ไม่ใช่ว่าหลี่ซือซือควรกังวลและหวาดกลัวหรอกหรือ?
ทำไมนางถึงกลายเป็นเช่นนี้ได้ล่ะ...
มีความสุขและยินดีเนี่ยนะ?
ไฉนถึงมองข้าด้วยสายตาที่งดงามเช่นนี้!
มันเต็มไปด้วยความรักและเสน่หา ทั้งหมดจดจ่อมาทางเขา มันทำให้หลินเป่ยฟานรู้สึกไม่สบายใจนัก
ดังนั้นเขาจึงกล่าวออกมาว่า “ซือซือ ยามนี้เจ้ารู้ตัวตนที่แท้จริงของข้าแล้ว บอกข้ามาเถอะว่าข้าควรทำกับเจ้าเช่นไรดี? เพราะยิ่งมีคนรู้จักตัวตนของข้าน้อยเท่าไร มันก็ยิ่งดีเท่านั้น!”
ทว่าหลี่ซือซือกลับหัวเราะและเดินเข้ามาหาหลินเป่ยฟานทีละก้าวอย่างกล้าหาญ: “ไม่ว่าท่านจะทำยังไงกับข้าก็ไม่สำคัญหรอก จะฆ่าหรือฟันข้าก็แล้วแต่ท่านเลย! แต่ก่อนหน้านั้น ข้าหวังว่าจะได้เป็นสตรีของท่านก่อน!”
ทันใดนั้น หลี่ซือซือก็พุ่งไปหาหลินเป่ยฟาน กอดคอของเขาแน่นจนใบหน้าของนางแนบชิดกับเขา
เมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นในอ้อมแขนของเขา การหายใจของหลินเป่ยฟานก็รวดเร็วขึ้น: “เจ้าจะไม่เสียใจทีหลังหรือ?”
“ข้า…ข้าจะไม่มีวันเสียใจ!”
ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยฟานจึงอุ้มโฉมงามในอ้อมแขนของเขาขึ้นมาและรีบพาไปที่เตียงใหญ่
จันทราสว่างเปล่งประกาย หมู่ดาราแผ่ซ่านทั่วนภา เสียงขับกล่อมของท่วงทำนองอันไพเราะได้ดังขึ้นมา
ในยามนี้ ร่างสีขาวนอกหน้าต่างได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ภายในพระราชวัง
ร่างสีขาวได้รายงานทุกอย่างที่นางพบเห็นและได้ยินในคืนนี้อย่างละเอียดต่อจักรพรรดินี
“ราชสำนักกลายเป็นที่ทุจริต โดยมีผู้ปกครองที่โง่เขลาและข้าราชการที่ไม่สนสิ่งใด แม้ว่าข้าจะไม่ได้ทุจริต แต่ผู้อื่นก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เจ้าทุจริต! หากยังปฏิเสธที่จะทุจริต พวกเขาก็จะพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะกลับขาวเป็นดำ!”
"ราชสำนักในปัจจุบันไม่มีที่ให้ข้าราชการที่ขาวสะอาดบริสุทธิ์เหลืออีกแล้ว!”
“มันเหมือนขวดหมึกสีดำที่ขุ่นมัว แม้นมีหยดน้ำใสหยดลงไปในนั้น ก็ไม่มีวันชะล้างให้สะอาดได้!”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมไม่ไหลไปตามกระแสล่ะ?”
“พวกเขาทุจริต ข้าก็จะต้องทุจริตมากกว่าพวกเขา! พวกเขาหลอกลวง ข้าก็จะต้องหลอกลวงมากกว่าพวกเขา! มิฉะนั้นข้าจะเอาชนะพวกเขาได้อย่างไร?”
“มันมิใช่เรื่องของชื่อเสียง! เพราะข้าไม่เคยฝันที่จะเป็นข้าราชการมาทั้งชีวิต ชื่อเสียงพวกนี้จะมีประโยชน์อะไร? ข้าจะทำหน้าที่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถ้าข้าทำไม่ได้ ข้าก็จะหนีไปและซ่อนนามของข้าไว้ ไม่มีที่ไหนในโลกที่ข้าไปไม่ได้!”
“ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าไม่เคยมีเรื่องการเป็นข้าราชการมาก่อน! มันคือการเป็นวีรบุรุษศิลปะการต่อสู้เดินทางไปทั่วโลกช่วยเหลือผู้อ่อนแอและเอาชนะผู้แข็งแกร่งและเพลิดเพลินกับชัยชนะและความสูญเสีย …”
จักรพรรดินีพลันตกอยู่ในห้วงภวังค์
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเสียใจ: “ท่านหลิน ข้าทำผิดต่อเจ้าเสียแล้ว!”
นางเข้าใจความทุกข์ทรมานของหลินเป่ยฟานเป็นอย่างดี!
เพื่อประโยชน์ของประชาชน นางจึงต้องละทิ้งความฝันของตนเองและเข้าสู่ราชสำนักในฐานะข้าราชการที่ทุจริต กลายเป็นตัวตนที่คนทั่วไปเกลียดชัง
แต่นางคือจักรพรรดินีอู๋ผู้ยิ่งใหญ่ ครอบครองนามนี้โดยชอบธรรม แม้ว่าคนที่อยู่ข้างใต้นางจะปฏิเสธ แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปฏิบัติตามนางสั่ง
แล้วหลินเป่ยฟานเล่า?
สิ่งที่เขาทำนั้นยากกว่าสิ่งที่นางต้องทำเป็นร้อยเท่า!
ทั้งข้าราชการและทหารของราชสำนักต่างก็เป็นศัตรู
ตราบใดที่ก้าวพลาดเพียงหนึ่งครั้งก็ไม่มีโอกาสให้แก้ตัว!
คนทั่วไปคงไม่เข้าใจเขาเช่นกัน พวกเขาต่างสาปแช่งหลินเป่ยฟานที่เป็นข้าราชการทุจริต! ล้อมรอบไปด้วยศัตรู ไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือ! เขาทำได้เพียงยึดมั่นในหลัการของตนและเดินตามเส้นทางอย่างลำพัง
จักรพรรดินีถอนหายใจด้วยความสงสาร “มันหนักหนาเกินไปสำหรับเขาจริงๆ!”
“ใช่ มันหนักหนาเกินไปสำหรับเขา! เขายอมสละทุกอย่างเพื่อกลายเป็นข้าราชการทุจริตที่ต่อสู้กับข้าราชการทุจริต กลายเป็นข้าราชการที่ทรยศความหวังและความอยุติธรรม ยอมรับการดูถูกและแบกรับทุกอย่างเอาไว้ จิตวิญญาณของเขาเปรียบได้กับวิสุทธิชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำ!”
ร่างสีขาวก็ถอนหายใจยาวออกมาเช่นกัน นางเกือบจะถึงจุดสูงสุดของการบ่มเพาะแล้ว สิ่งรบเร้าภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเกียรติยศหรือความอัปยศ ก็ไม่อาจทำให้จิตใจของนางสั่นไหวได้
ทว่าวันนี้นางกลับรู้สึกสะเทือนใจเพราะเรื่องใครบางคนเป็นครั้งแรก!
แม้จะมีความแข็งแกร่งเพียงน้อยนิด แต่เขาก็มีพลังภายในที่แข็งแกร่งและมากมายอยู่ ถึงร่างกายของเขาอาจจะเล็ก แต่นิสัยของเขากลับยอดเยี่ยมมากเหลือล้น!
“ไม่ เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว!” จักรพรรดินีลุกขึ้นยืนด้วยความอาจหาญ
“ในเมื่อเขาไม่มีผู้ช่วย เราก็จะเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของเขา! ในเมื่อเขาไม่มีผู้สนับสนุน เราก็จะเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา! เราจะต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างจักรวรรดิอู๋ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาใหม่!”
“ฝ่าบาทช่างประเสริฐยิ่ง!” ร่างสีขาวโค้งคำนับ
วันรุ่งขึ้น หลินเป่ยฟานก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมอันรัญจวนตลบอบอวลไปทั่ว “ท่านสามี ให้ข้าช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด!”
“ท่านสามี ให้ข้าเปลี่ยนรองเท้าให้ท่านเถิด!”
“ท่านสามี…” หลินเป่ยฟานเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
“ไม่เป็นไรซือซือ ข้าทำสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยหรอก” เขากล่าว
“แต่นี่คือสิ่งที่ข้าควรทำและข้าชอบมันนะ!”
หลี่ซือซือชำเลืองมองหลินเป่ยฟานอย่างเย้ายวนและยังคงทำหน้าที่ของตนต่อไป เพียงแวบเดียว หลินเป่ยฟานก็อยากจะกอดหลี่ซือซือและพาเข้าห้องนอนแล้ว ทว่าเขาก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ไม่น่าแปลกใจที่กษัตริย์โบราณไม่ได้เข้าราชสำนักแต่เช้า ผู้ใดจะเต็มใจลุกมาทำงานกันเล่า หากมีสตรีโฉมงามเช่นนี้มาหลับนอนอยู่ข้างกาย? ด้วยการปรนนิบัติของหลี่ซือซือ หลินเป่ยฟานก็ได้สวมเสื้อคลุมข้าราชการของเขา
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ยกหลี่ซือซือขึ้นบนเตียงและพูดว่า “เมื่อคืนก่อนเจ้าใช้แรงอย่างหนักอาจรู้สึกไม่สบาย พักผ่อนอีกหน่อยเถอะ!”
“อืม!” หลี่ซือซือพยักหน้าอย่างมีความสุข
เมื่อเขากำลังจะจากไป หลี่ซือซือก็เรียกเขาอีกครั้ง “ว่าแต่ท่านสามี คืนนี้ท่านอยากกินอะไรงั้นหรือ? ข้าจะได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าให้!”
หลินเป่ยฟานยิ้ม “อะไรก็ได้ที่เจ้าทำ! เจ้าเป็นนายหญิงของที่นี่แล้ว เจ้าตัดสินใจได้เองเลย!”
"เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!" หลี่ซือซือพยักหน้าอย่างมีความสุขอีกครั้ง หลินเป่ยฟานเมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็อยากกลับไปที่ห้องนอนของตนอีกครั้งเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เขาหันไปมองยังหน้าต่างของเรือนมากมายที่เปิดออก ดวงตะวันคล้ายสว่างกว่าที่เคยเป็นมา รุ่งอรุณใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว เหมือนดั่งหัวใจของข้าในยามนี้