ตอนที่แล้วบทที่ 132 สายเลือดขั้นสูง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 134 รวมตัวผู้แข็งแกร่งที่ตระกูลหลิน

บทที่ 133 เฟิงซินหยูมาถึง


บทที่ 133 เฟิงซินหยูมาถึง

ส่วนเงินจากหุ้นของโอสถสงบจิตนั้น หลินเป้ยคิดว่า เขาคงต้องใช้เวลาหลายเดือนในการรับส่วนแบ่งอย่างแน่นอน

เนื่องจากโอสถต้องใช้เวลาในการสร้างชื่อเสียง เมื่อมีชื่อเสียงแล้ว ถึงจะมีผู้ซื้อจำนวนมาก และสุดท้ายมันจะส่งผลให้ปริมาณการขายเพิ่มมากขึ้น

ในระยะแรก มันจะเป็นขั้นตอนในการส่งเสริมการตลาด ซึ่งอาจต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้กำไรในช่วงแรกคงไม่มากนัก

นอกจากนี้ จำนวนโอสถในระยะแรกต้องไม่มากเกินไป เพื่อเร่งให้เกิดการอยากได้ของผู้ฝึกตน

นอกจากนี้ ตัวเขาเองก็จะยกผลประโยชน์ส่วนนี้ให้กับตระกูลหลิน เขาจะไม่เอาส่วนนี้มาเข้ากระเป๋าของตนเอง เพื่อพัฒนาตระกูลหลินให้บิดาเขาสบายใจ

ผลกำไรของโอสถสงบจิตมีเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น ถ้าหลินเป้ยจะต้องใช้เงินส่วนแบ่งนี้จริงๆ เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้ครบจำนวน 500 ล้านตำลึง เขาไม่สามารถพึ่งพาสิ่งอื่นได้ ทำได้เพียงพึ่งพาตัวเขาเอง

(ตอนที่แล้วผมน่าจะแปลผิดพลาดไปนะครับ 500 ล้านนี่คงหมายถึง ปลดล๊อกฟังชั่นทั้งหมดของหมาป่าสีคราม น่าจะไปถึงระดับ 10 เลย ในตอนนี้ 10 ล้าน ปลดล๊อกระดับ 4 ส่วน 50 ล้านปลดล๊อกระดับ 5 แต่ถ้าปลดล็อกข้ามจากระดับ 3 ไประดับ 5 ระบบมันจะลดให้เหลือ 50 ล้านครับ )

ในตอนนี้ เขาคงต้องพยายามรวบรวมเงิน 50 ล้านตำลึงให้เพียงพอโดยเร็วที่สุด เพื่อปลดล็อกสายเลือดของหมาป่าสีครามให้เป็นระดับ 5 ในทีเดียว ซึ่งมันสามารถประหยัดเงินได้มาก

ตอนนี้เป็นเพียงหมาป่าสีครามเท่านั้นที่ต้องการเงินจำนวนมากเพื่อก้าวหน้า ในอนาคตจะมีกระทิงเกราะและเสือขาวเนตรโลหิตเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการเงิน

หลินเป้ยคิดว่า เขาเองก็ต้องปรับปรุงพื้นฐานบ่มเพาะของตนเองเพื่อควบคู่ไปกับสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณด้วย ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถกลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต

มิฉะนั้น ถ้าสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณแข็งแกร่งกว่าเจ้าของ มันคงแย่มาก ซึ่งมันจะทำให้ตัเขาดูไร้ประโยชน์ในทันที

ณ ขณะนี้ นอกเมืองชิงหลิน มีหญิงสาวและชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้น เมื่อมองไปที่เมืองชิงหลินที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาของหญิงสาวก็แสดงประกายบางอย่างออกมาแปลกๆ

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง  พวกเขาเดินทางมานานกว่าหนึ่งเดือน แน่นอน เป็นเฟิงซินหยูไม่รีบร้อนด้วย ดังนั้นนางจึงไม่ได้รีบมาที่เมืองชิงหลินอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในเมืองชิงหลิน เฟิงซินหยูได้จ้างคนหลายสิบคนเพื่อประกาศข่าวการมาถึงของนาง

เฟิงซินหยูเกลียดหลินเป่ยมากๆ เป็นเพราะหลินเป่ยคือขยะ เรื่องนี้ส่งผลให้ข่าวแพร่สะพัดในเมืองหลวง ทำให้นางถูกเยาะเย้ยตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา

นางจะทนอยู่กับขยะได้อย่างไร?

ดังนั้นนางจึงต้องการทำให้หลินเป่ยอับอาย และระบายความไม่พอใจของนางตลอดหลายปีที่ผ่านมา

อันที่จริง การยุติการหมั้นหมายนั้น มันเป็นความตั้งใจของนางเอง ไม่ใช่ความตั้งใจของผู้นำตระกูลเฟิงแต่อย่างใด

นางเพียงบอกผู้นำตระกูลว่า นางมาทำความรู้จักกับคู่หมั้นเท่านั้น ไม่ได้บอกว่ามาถอนหมั้นแต่อย่างใด

หลังจากนั้น นางก็พาผู้อาวุโสโม่มาที่เมืองชิงหลิน

ในตอนนี้ เพราะสัญญาการแต่งงานสองฉบับอยู่ใกล้กัน พวกเขาจึงสามารถสัมผัสกันและกันได้ ซึ่งมันคือสิ่งที่พิสูจน์ความถูกต้องของสัญญาการแต่งงาน

บนกระดาษสัญญาการแต่งงานมีค่ายกลสลักไว้ เมื่อมีสัญญาแต่งงาน 2 ฉบับอยู่ใกล้กัน มันก็จะมีปฏิกิริยา

ในครั้งนี้ นางกำลังจะทำลายงานหมั้น ไม่เช่นนั้นนางคงไม่พาผู้อาวุโสโม่มาที่นี่

นอกจากปกป้องความปลอดภัยของนางแล้ว ผู้อาวุโสโม่ยังต้องทำให้ทุกคนในตระกูลหลินหวาดกลัวอีกด้วย

ผู้เชี่ยวชาญราชานักรบ(หวู่หวาง) ย่อมอยู่ยงคงกระพันในเมืองชิงหลินเล็กๆ แห่งนี้ แล้วตระกูลหลินจะกล้าทำอะไรได้อย่างไร?

คนที่นางจ้างมา ต่างก็กระจายตัวไปกระจายข่าวว่า เฟิงซินหยูกำลังไปที่ตระกูลหลิน ทันใดนั้นก็มีผู้คนมากมายในเมืองชิงหลินที่รู้ว่า ตระกูลเฟิงมาที่ตระกูลหลินเพื่อมาฉีกสัญญาการหมั้นหมาย

ตระกูลโจว และสมาคมเงามืดเมื่อได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็มารีบมาดูความสนุกด้วย แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่พลาดการแสดงที่ดีเช่นนี้

ในเวลานี้ ตระกูลโจว และสมาคมเงามืด ได้พิจารณาแล้วว่า บุคคลที่เข้าไปในเทือกเขาเทียนหยาง เสียชีวิตด้วยน้ำมือของหลินเป้ยจริงๆ

เนื่องจากได้รับข่าวจากกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิต ซึ่งได้เสียนายน้อยสามจงหมิงไป พวกเขาจึงแอบมาติดต่อกับตระกูลโจวและสมาคมเงามืดอย่างลับๆ

ตัวตนของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตนั้นมีความละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงต้องดำเนินการเป็นความลับเมื่อเข้าสู่เมืองชิงหลิน

หลังจากยืนยันสิ่งนี้แล้ว ผู้นำของกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตยังคงเก็บตัวเพื่อบ่มเพาะอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่มาหาตระกูลหลินในทันที

ตระกูลหลินมีปรมาจารย์นักรบมากกว่าสิบคน และมีข่าวลือว่าหลินเป้ยมีสัตว์เลี้ยงจิตวิญญาณระดับ 3 ไม่น้อยกว่าสิบตัว ดังนั้น พวกเขาจึงต้องระมัดระวังตัว และใช้ความแข็งแกร่งที่มากที่สุด เพื่อทำลายตระกูลหลินในครั้งเดียว

การใช้ความแข็งแกร่งที่มากที่สุด สามารถลดการสูญเสียได้ ส่วนตระกูลโจว และสมาคมเงามืดได้รวมตัวเป็นพันธมิตรกันแล้ว

เมื่อกลุ่มนักรบรับจ้างสีโลหิตมาถึง พวกเขาทั้งหมดก็โจมตีตระกูลหลินพร้อมๆ กัน

ตราบใดที่ตระกูลหลินถูกทำลาย เป้าหมายต่อไปของตระกูลโจว ก็คือตระกูลหลิว

เนื่องจากตระกูลโจวจะกลายเป็นกองกำลังย่อยของสำนักซวนตันในไม่ช้า และด้วยการสนับสนุนของสำนักซวนตัน การทำลายตระกูลหลิวจึงไม่ใช่เรื่องยาก

ไม่มีใครในตระกูลหลินรู้เรื่องทั้งหมดนี้ ว่าพวกเขากำลังตกเป็นเป้าหมายของคนอื่นอยู่

สำหรับตระกูลจาง นี่เป็นเพียงเบี้ยที่ใช้โดยตระกูลโจวเท่านั้น ตราบใดที่ตระกูลจางไม่ได้ขัดขวาง พวกเขาก็จะอยู่รอดได้

ที่สำคัญ ในเวลานี้ตระกูลจางและตระกูลโจว ได้ก่อตั้งพันธมิตรกันเรียบร้อยแล้ว

หลังจากนั้นไม่นาน ตระกูลหลิวและร้านค้าว่านเป่า ก็ได้รับข่าวว่าเฟิงซินหยูมาถึงแล้ว

เนื่องจากหลินเป้ยได้ช่วยเหลือหลิวหยิน ดังนั้นตระกูลหลิวจีงรีบมาเพื่อสนับสนุนหลินเป้ยในทันที

ไม่ต้องพูดถึงหมิงหลาน ทั้งสองมีข้อตกลงอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นนางจึงมาเพื่อสนับสนุนเขาอย่างแน่นอน

เฟิงซินหยูและผู้อาวุโสโม่เดินช้าๆ ไปที่ตะกูลหลิน ระหว่างทาง มีหลายคนเฝ้าดูเฟิงซินหยู เพราะอยากเห็นว่าหญิงสาวอัจฉริยะแห่งเมืองหลวงมีหน้าตาเป็นอย่างไร

เมื่อทุกคนเห็นแล้ว หลายคนก็ประหลาดใจ เฟิงซินหยูมีความงดงามมาก และนางก็อยู่ในขอบเขตปรมาจารย์นักรบขั้น 7  อีกด้วย

หลายคนคิดว่าเฟิงซินหยูเป็นนางฟ้าจากสวรรค์ นางช่างสวยงามและเก่งกาจมากจริงๆ

หลายคนยกย่องเฟิงซินหยูสำหรับความงามของนาง เมื่อคำพูดเหล่านี้ไปถึงหู ทำให้นางรู้สึกหยิ่งผยองและพอใจอย่างมาก

มีหลายๆ คนอิจฉาหลินเป้ย ทำไมเขาถึงโชคดี ที่มีคู่หมั้นที่สวยงามและมีความสามารถมากขนาดนี้?

แต่พวกเขาคิดอีกที มันโชคดีมากจริงๆ ที่คราวนี้หญิงสาวนางฟ้าผู้นี้มาถอนหมั้น ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกยินดีอีกครั้ง

ในที่สุดทั้งสองก็มาถึงหน้าประตูของตระกูลหลิน จริงๆ แล้ว จากหน้าเมืองชิงหลินมาถึงที่นี่ การเดินทางเดิมใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม แต่ทั้งสองคนใช้เวลามากกว่าเหนึ่งชั่วยาม

จุดประสงค์ของสิ่งนี้ชัดเจน ซึ่งก็คือเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าในที่สุด นางก็มาถึงแล้ว

เมื่อสามวันก่อน มีข่าวลือแพร่สะพัดว่าเฟิงซินหยูกำลังจะยุติการหมั้นหมาย ซึ่งทำให้สมาชิกในตระกูลหลินหลายคนรู้สึกอับอาย

ในเวลานี้ ในบริเวณลานประลองยุทธตระกูลหลิน มีหลายคนกำลังนั่งอยู่ และผู้คนจำนวนมากมาเพื่อดูความสนุกสนาน นอกเหนือจากผู้คนจาก 4 ตระกูลหลักแล้ว ยังมีบางคนจากกองกำลังระดับ 2 มาอีกด้วย

ลานประลองยุทธตระกูลหลิน มีขนาดใหญ่มาก และสามารถรองรับผู้คนได้หลายพันคน มีเวทีการประลองอยู่ตรงกลาง และมีที่นั่งบางส่วนรอบสนามประลอง

ในเวลานี้ ตัวแทนของตระกูลโจว สมาคมเงามืด ตระกูลจาง และตระกูลหลิวได้มาถึงและนั่งลงแล้ว

กองกำลังหลักหลายกลุ่มเข้ามาทีละคน และตระกูลหลินก็ต้องสร้างความบันเทิงให้พวกเขา แม้ว่าตระกูลหลินจะลังเลใจมากที่จะปล่อยให้พวกเขาเข้ามาก็ตาม

ยกเว้นตระกูลหลิว อีกสามตระกูลหลักทั้งหมด ต้องการเห็นเรื่องตลกของตระกูลหลิน

นอกจากนี้ยังมีกองกำลังระดับ 2 มากกว่าสิบคน ซึ่งทุกคนต้องการเห็นเรื่องตลกของตระกูลหลินเช่นกัน

หลินเป่ยพูดก่อนหน้านี้ว่า เขาจะไม่ทำให้ตระกูลหลินต้องอับอาย ดังนั้นหลินหวู่จี้จึงตัดสินใจเชื่อหลินเป่ยสักครั้ง และปล่อยให้ผู้คนเหล่านี้เข้ามา

หลังจากที่หลินเทียนและหลินคังจะเปิดร้านในวันพรุ่งนี้ ทั้งคู้จึงมาที่ตะกูลเพื่อคุยกับหลินหวู่จี้ ทั้งคู่ถามว่า ตระกูลหลินต้องการโอสถหยวนหยางหรือไม่ ถ้าต้องการ หลิินเป้ยจะขายให้ในราคาครึ่งเดียว คือ 100 ตำลึง

แน่นอนว่า หลินหวู่จี้มีความสุขมาก นอกจากนี้ เขายังยกย่อง และมีความมั่นใจในตัวหลินเป้ยมากขึ้น

หากหลินเป้ยมีวิธีแก้คืนเฟิงซินหยูจริงๆ กองกำลังเหล่านี้ก้จะได้เห็นด้วยตาตนเอง

ดังนั้นหลินหวู่จี้จึงไม่หยุดยั้งคนเหล่านี้ และปล่อยให้หลินเป้ยจัดการด้วยตนเอง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด