ตอนที่แล้วนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 53
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 55

นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 54


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 54

ราอนและเด็กฝึกหัดใช้ประตูมิติเพื่อย้ายไปทางตอนใต้สุดของซีกฮาร์ท

ปกติแล้วพวกเขาควรจะเดินทางไปเองเพื่อที่จะได้ประสบการณ์เช่นการตั้งแคมป์ แต่พวกเขาจำเป็นต้องรีบไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะมันเป็นภารกิจติดตาม

สีหน้าของทุกคนดูตึงเครียดกับภารกิจแรก

"คืนนี้เราจะพักผ่อนที่นั่นก่อน”

ริมเมอร์ชี้ไปที่หมู่บ้านที่อยู่ตรงตีนเขา มันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีควันสีเทาออกมาจากปล่องไฟของบ้านหลายหลัง

หมู่บ้านนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตซีกฮาร์ท ที่ทางเข้าหมู่บ้านมีตราดาบไฟถูกแกะสลักไว้อยู่

"ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องรีบเดินทางเหรอครับ?”

เบอร์เรนถามริมเมอร์

"ตั้งแต่ข้ามประตูมิติมาแรงของพวกเธอก็จะหมดอยู่แล้ว คิดว่าตอนนี้จะตามพวกเขาไปทันหรือไง?”

“อืม…”

เบอร์เรนหันกลับไปมองเด็กคนอื่น

แม้ว่าประตูมิติจะทำให้สามารถเคลื่อนย้ายระยะไกลได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ต้องใช้แรงกายและความอดทนอย่างมาก

นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กฝึกหัดส่วนใหญ่ได้ใช้ประตูมิติ พวกเขาจึงเหนื่อยล้ามาก

"พวกเธอจะได้พักผ่อนคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย ตั้งแต่พรุ่งนี้เราต้องติดตามพวกโจรไปแล้วจะไม่ได้พักแบบดีๆกันอีกเลย”

"แต่ถ้าเราไปช้ากว่านี้ อาจจะมีคนต้องตายเพิ่มอีก..."

"ถึงแม้พวกโจรเสือหิมะจะเป็นแค่กลุ่มเล็กๆ แต่พวกมันเกี่ยวข้องกับสหพันธ์เหนือ-ใต้เชียวนะ อย่าคิดว่าเธอจะเอาชนะพวกมันได้ง่ายๆสิ ถ้าเธอต้องต่อสู้กับมันตอนที่กำลังเหนื่อยคนที่ตายอาจจะเป็นเธอแทน”

ริมเมอร์มองไปที่เบอร์เรนอย่างเย็นชา

"จำที่ฉันบอกได้ไหม อย่าประมาทหรือลนลานเกินไปเด็ดขาด เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมอีกครั้งในขณะที่พักผ่อนในคืนนี้”

"ครับ/ค่ะ..."

"ไปกันเถอะ"

เขาเดินนำไปที่หมู่บ้านโดยมีเด็กฝึกหัดรวมทั้งราอนเดินตามหลังเขาไป

“หืม?”

ราอนเลิกคิ้วขึ้น เขารู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่คุ้นเคยจากหมู่บ้าน

"อาจารย์ครับ”

"มีอะไร?"

"มีนักดาบของตระกูลอยู่ในหมู่บ้านนี้เหรอครับ?”

"ความรู้สึกของเธอนี่ไวจริงๆ”

ริมเมอร์ผิวปากและพยักหน้าหน้า

"เธอสัมผัสได้จริงๆเหรอ?”

"ผมรู้สึกถึงแรงกดดันที่มากเกินไปที่จะเป็นของชาวบ้านธรรมดา”

"เธอพูดถูก มีนักดาบจากตระกูลมาที่นี่ เผื่อว่ากลุ่มโจรจะหนีไปทางเหนือแล้วพวกเขาจะได้จัดการได้ทัน”

“อา…”

ซีกฮาร์ทขึ้นชื่อในการป้องกันหมู่บ้านและเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูล นักดาบจะถูกส่งออกมาทันทีที่เกิดปัญหาขึ้นใกล้ๆกับหมู่บ้าน

"ประสาทสัมผัสของเธอนี่ยอดเยี่ยมเกินไปจริงๆ”

“…”

“ฮึ่ม!”

ริมเมอร์ประหลาดใจ นั่นทำให้เบอร์เรนหงุดหงิดและพยายามจะสัมผัสถึงการมีอยู่ของนักดาบตาม ส่วนมาร์ธาบ่นว่าก็ไม่เห็นจะพิเศษตรงไหน

"นักดาบของซีกฮาร์ทมาถึงแล้ว!”

"ว้าว!”

เมื่อมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน ชาวบ้านก็โบกมือและส่งเสียงเชียร์ให้พวกเขาเพราะเห็นสัญลักษณ์ของซีกฮาร์ทที่ชุดเกราะของผู้ฝึกสอน

"เปิดประตูได้!”

ประตูหมู่บ้านเปิดออกโดยไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวตนใดๆ นั่นแสดงให้เห็นเลยว่าซีกฮาร์ทมีความหมายกับพวกเขามากแค่ไหน

'เหมือนกับของโรเบิร์ต'

ตอนที่เขามีสัญลักษณ์ของโรเบิร์ต ผู้คนทางตอนใต้ก็มีปฏิกิริยาคล้ายๆกัน

“เฮ้อ”

ราอนเก็บความแค้นของเขาเอาไว้แล้วเดินเข้าหมู่บ้านไป อาหารมื้อเย็นถูกเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดีเพื่อพวกเขา

"ยินดีต้อนรับนักดาบของซีกฮาร์ท ฉันเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านจาร์เท่น, ชื่อแคมม่อน"

ชายชราผมสีเทาเดินมาหาพวกเขาโดยใช้ไม้ค้ำและทักทายพวกเขา ริมเมอร์ก็ทักทายเขากลับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและหันไปรอบๆ

"เขาบอกว่าเขาจะพาพวกเธอไปยังที่พัก วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่พวกเธอจะได้พักผ่อนแบบสบายๆ แล้วมารวมตัวกันใหม่ก่อนอาทิตย์ขึ้น"

"คือว่าผมยังเหลือแรงอยู่ครับ ผมขอเดินตรวจสอบพื้นที่รอบๆนี้ก่อนนะครับ”

เบอร์เรนยกมือ

"มุ่งมั่นดีนี่ แต่เธอควรจะรู้จักเส้นทางก่อน หรือว่าเธอรู้จักรอบๆที่นี่หมดแล้วล่ะ?”

ริมเมอร์มองลงไปที่เบอร์เรนทันที

"จ-จากแผนที่..."

"หมู่บ้านนี้ถูกล้อมรอบด้วยป่าและภูเขา แม้ว่าจะเคยเห็นในแผนที่แต่พอไปอยู่ตรงนั้นเธอก็จะสับสนอยู่ดี แล้วถ้าพวกโจรมาซุ่มโจมตีเธอล่ะ? หัวของเธอคงจะบินไปก่อนที่เธอจะรู้ตัวซะอีก”

ริมเมอร์ยิ้มและแตะที่หัวของเบอร์เรนเบาๆ

"ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกยังไง แต่ความมุ่งมั่นของเธอจะกลายเป็นโอกาสของพวกมัน ยังไงพวกมันก็ออกจากแถวนี้ไม่ได้หรอก ใจเย็นๆก่อนนะ”

"ข-เข้าใจแล้วครับ”

เบอร์เรนและเด็กฝึกหัดที่ตามเขาก้มหัวลง

"ตั้งแต่วันพรุ่งนี้พวกเธอจะไม่ได้พักผ่อนกันเลย ตอนนี้ก็รีบไปพักผ่อนได้แล้วแล้วเราจะรีบออกไปก่อนพระอาทิตย์ขึ้น”

"ครับ/ค่ะ!”

"งั้นตามฉันมา"

เด็กฝึกหัดเดินตามผู้ใหญ่บ้านไปที่ศาลากลางหมู่บ้าน

***

วันรุ่งขึ้น

เป็นอย่างที่ริมเมอร์บอก พวกเขากำลังเดินลงไปทางใต้แบบไม่ได้หยุดพักเลย พวกเขาได้กินแต่อาหารแห้งและพวกเขาก็ไม่ได้หยุดพักผ่อนนานไปกว่าสามชั่วโมง

ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่มีหิมะตกหนักมากจนปิดกั้นวิสัยทัศน์ของพวกเขาทั้งหมด ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้ช้ามาก

“หืม”

ราอนปัดหิมะบนไหล่ของเขาแล้วมองไปที่เด็กฝึกหัดคนอื่นๆ

“เฮ้ออออ”

"ไอ้ก้อนขาวๆบ้านี่จะตกลงมาทำไมนักหนา!”

หิมะหนาจนเกือบถึงหัวเข่าของพวกเขา ทำให้แม้แต่เบอร์เรนกับมาร์ธาก็เดินเร็วๆไม่ได้

"โอ้ยยย น่ารำคาญจริงๆ!”

"เมื่อหิมะจะหยุดตกซักที?”

"พวกเราช้ามากเลย”

เด็กฝึกหัดทุกคนกำลังดิ้นรนในกองหิมะ พวกเขาเดินช้ากว่าปกติมากๆจนแทบจะมีความเร็วพอๆกับเต่า

“ฮ่าๆ”

ยกเว้นคนหนึ่ง รูนันกำลังเดินอย่างเพลินเพลินและรวบรวมก้อนหิมะมาเล่นระหว่างทาง

แต่ถ้าพวกเขายังใช้ความเร็วเท่านี้ต่อไป พวกเขาคงตามโจรไม่ทันแน่

อาจารย์ริมเมอร์มองดูพวกเขาโดยไม่พูดอะไร

เขาคิดว่าเขาให้คำแนะนำไปมากพอแล้ว ครั้งนี้เขามาทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าราอนจะต้องทำอะไรสักอย่าง

"หยุดก่อน"

ราอนบอกให้ทุกคนหยุด

"พวกเธอไม่ควรขยับข้อเท้าตอนเดินในกองหิมะ ไม่งั้นมันจะเสียแรงไปเปล่าๆ”

เขามองไปที่เด็กฝึกหัด

"ผ่อนคลายข้อเท้าและหัวเข่าของพวกเธอนะแล้วก้าวเท้าเบาๆ มันคล้ายๆกับตอนที่ใช้จังหวะสายน้ำนั่นแหละ”

ราอนเดินไปข้างหน้าเพื่อเป็นการสาธิต

“หือ?”

"ว้าว!”

เด็กฝึกหัดอ้าปากค้าง

ราอนแสดงให้เห็นอีกสองสามครั้งเพื่อที่ทุกคนจะเลียนแบบเขาได้

"เราจะเดินเป็นแถวเดียวตั้งแต่ตรงนี้ไป เบอร์เรนออกมาข้างหน้าทีสิ”

"ทำไม?”

"เพราะว่านายมีพลังต้านทานลม ดังนั้นนายต้องนำหน้าทุกคนและคอยเป็นกำบังให้พวกเขาเวลาเจอกับพายุหิมะหรือลมแรงๆ ”

“อืม!”

พอได้ยินคำว่าผู้นำ ดวงตาของเบอร์เรนก็เป็นประกาย

"ส่วนที่เหลือจะเดินเรียงแถวตามหลังเบอร์เรน”

เบอร์เรนอยู่ด้านหน้า,มาร์ธาอยู่ตรงกลางและรูนันเดินปิดท้ายแถว

"เราจะเปลี่ยนคนนำหน้าทุกๆชั่วโมง ตอนนี้เดินต่อได้แล้ว"

ราอนไม่ได้อยู่ในแถว เขาเดินขนาบข้างและคอยแนะนำเด็กฝึกหัดคนอื่นๆ

ความเร็วของพวกเขาเกือบจะเป็นสองเท่าจากก่อนหน้านี้

"ว้าว...”

"มันเร็วขึ้นจริงๆด้วย แทบไม่ได้แตกต่างจากตอนเดินพื้นปกติ”

"ราอนรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?”

"เขาสุดยอดจริงๆ”

เด็กฝึกหัดพูดชื่นชมเขาและมองไปที่ราอนที่เดินอยู่คนเดียวท่ามกลางหิมะ

"เขาเก่งเกินไปแล้ว”

"ใช่มั้ยล่ะ? เขาสอนเด็กคนอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนกับว่าเขามีประสบการณ์มาแล้วยังไงอย่างงั้น”

"ผมกำลังจะให้คำแนะนำพวกเขาเลย แต่คงไม่ต้องแล้วล่ะ”

ผู้ฝึกสอนที่ตามพวกเขาอยู่ห่างๆก็ประหลาดใจเช่นกัน

ริมเมอร์ยิ้มเบาๆ มองไปที่ราอนและเหล่าเด็กฝึกหัด

***

ราอนและเด็กฝึกหัดได้ผ่านพายุหิมะมาจนถึงหมู่บ้านแห่งหนึง

หมู่บ้านถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว ไม่เหลือแม้แต่สัญญาณของสิ่งมีชีวิต

ที่จุดหนึ่งของหมู่บ้านเต็มไปด้วยศพของคนทุกเพศทุกวัยที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้

นี่คือหมู่บ้านที่กลุ่มโจรเสือหิมะได้บุกโจมตี

"อุ่ก!"

"อ่า....”

บางคนเริ่มมีอาการคลื่นไส้และหลายคนถึงกับหันหน้าหนี

ราอนเข้าไปตรวจสอบศพเหมือนว่าเขาไม่รู้สึกกลัวเลย

'พวกเขาถูกเผาหลังจากถูกฆ่าด้วยดาบ’

พวกเขาไม่ได้ตายจากไฟ ส่วนใหญ่ถูกดาบเฉือนตายก่อนที่จะถูกเผา ดูเหมือนโจรจะขโมยข้าวของโดยการโจมตีหมู่บ้านแล้วค่อยหนีไป

'เพราะแค่นั้นงั้นเหรอ...'

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกลุ่มโจรภูเขาถึงลงมาโจมตีที่หมู่บ้าน ในเมื่อพวกเขาคอยเก็บค่าผ่านทางอยู่บนภูเขาอยู่แล้ว

"เธอโอเคไหม?”

ริมเมอร์เข้าหาพวกเขาด้วยการแสดงออกที่เป็นห่วง

"ผมไม่เป็นไรครับ"

"ไม่เป็นไร”

คนที่กำลังมองดูศพอย่างใกล้ชิดคือราอนและมาร์ธา

'ฉันรู้อยู่แล้ว....'

ดูเหมือนมาร์ธาจะคุ้นเคยกับการได้เห็นซากศพ หรือไม่ก็เธออาจจะเป็นคนฆ่าคนพวกนั้นด้วยตัวเอง

“อะแฮ่ม”

เบอร์เรนก้าวขึ้นมาและเริ่มตรวจสอบซากศพบ้าง แต่เขาดูฝืนตัวเองสุดๆ

“อืม…”

รูนันรู้สึกว่ามันยาก แต่เธอก็ยังคงพยายามที่จะตรวจสอบบาดแผลบนศพเพื่อให้เข้าใจการใช้ดาบของกลุ่มโจร

เธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อก่อนที่แค่เห็นเลือดก็กลัว ราอนคงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเธออีกต่อไป

"จำเอาไว้นะว่านี่คือสิ่งที่กลุ่มโจรเสือหิมะได้ทำเอาไว้  แล้วตวัดดาบไปที่พวกมันโดยห้ามลังเลเด็ดขาด ไปกันต่อเถอะ"

"ครับ/ค่ะ!”

เมื่อได้ยินคำแนะนำของริมเมอร์ สายตาของเด็กฝึกหัดก็ดูมืดมัว ความกังวลใจของพวกเขาได้กลายเป็นความโกรธที่รุนแรง

* * *

* * *

สองวันต่อมา

ราอนและเด็กฝึกหัดทุกคนมาถึงภูเขารูเท่น ซึ่งกลุ่มโจรเสือหิมะน่าจะซ่อนตัวอยู่ที่นี่

เนื่องจากนักดาบของตระกูลได้ปิดล้อมบริเวณรอบๆไว้หมดแล้ว ดังนั้นพวกโจรต้องซ่อนตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้อย่างแน่นอน

“ทุกคนฟังทางนี้!”

ริมเมอร์ปรบมือเพื่อรวมตัวเด็กฝึกหัด

"ที่นี่จะเป็นฐานหลักของเรา เราจะแบ่งกลุ่มเพื่อแยกย้ายกันตามหาพวกมันตั้งแต่ตอนนี้”

ริมเมอร์แบ่งกลุ่มให้พวกเขา และราอนก็ได้จับกลุ่มกับรูนันเพียงสองคน

เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆที่มีสมาชิกสามถึงสี่คน แต่พวกเขาก็แข็งแกร่งมากกว่ากลุ่มอื่น

"เอานกหวีดนี่ไปด้วย”

ริมเมอร์แจกจ่ายนกหวีดสีเงินให้กับแต่ละกลุ่ม

"มันเป็นนกหวีดที่มีแต่คนที่ฝึกฝนมาแล้วเท่านั้นจะได้ยิน ถ้าเธอตกอยู่ในอันตรายก็รีบเป่ามันแล้วผู้ฝึกสอนจะเข้าไปช่วยเธอทันที”

"ครับ/ค่ะ!”

"แต่ก่อนที่จะเป่านกหวีด พวกเธอควรพยายามทำเท่าที่ทำได้ก่อน พวกเธอสามารถทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มหรือจะต่อสู้กับพวกโจรโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ก็ได้ แค่จำไว้ว่าดาบของพวกมันจะไม่ความปรานีอย่างแน่นอน ระวังตัวให้ดีอย่าประมาทเด็ดขาด”

“เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ”

เด็กฝึกหัดเริ่มแยกย้ายกันไปในทิศทางที่พวกเขาแต่กลุ่มเลือก

แต่ราอนไม่ได้เคลื่อนไหวในทันที เขามองไปยังภูเขารูเท่นซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก เนินเขาทางตะวันตก และป่าทึบที่อยู่ถัดกัน

'ภูเขาลูกนั้น’

เขาจ้องมองไปที่ภูเขารูเท่น มันเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการซ่อนตัวของกลุ่มโจรที่สุด

แต่เพราะมันเหมาะสมเกินไป ภูเขาจึงอาจไม่ใช่คำตอบ

พวกโจรรู้ตัวว่าพวกมันกำลังถูกไล่ล่า ไม่มีทางที่พวกมันจะไปซ่อนตัวอยู่ในภูเขาหรอก

ในป่าก็เหมือนกัน พวกมันอาจจะถูกเจอตัวได้ยากเพราะมันเป็นป่าทึบ แต่มันก็ยากในการวิ่งหนีเหมือนกัน

'งั้นก็เหลือ...'

ราอนมองไปทางเนินเขา มันอาจจะเป็นเนินเขาที่มองเห็นได้ง่าย แต่มันมีภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย

เขาคิดว่าควรไปตรวจสอบแถวเนินเขาเป็นอันดับแรก

“ราอน”

ราอนยืนขึ้น รูนันเข้ามาหาเขาและเอียงหัว ดูเหมือนจะสงสัยว่าทำไมพวกเราไม่ออกไปสักที

ราอนเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้จับคู่กับเธอ ดูเหมือนว่าริมเมอร์จะอยากให้เขาอยู่ดูแลรูนันที่ใสซื่อ

"ไปทางนี้กันเถอะ”

“อึ้ม”

ราอนเริ่มปีนเขาพร้อมๆกับรูนัน

'ฉันรู้อยู่แล้ว’

มันเป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อเขาผ่านเนินเขามาได้พักนึงก็เจอกับป่าทึบที่ไม่มีทางมองเห็นได้เลยจากข้างนอก ต้นไม้ไม่ได้หนาแน่นแต่เป็นป่าที่ใหญ่มาก

เขาเริ่มตรวจสอบบริเวณทางเข้าของป่า ดูเหมือนว่าป่าแห่งนี้จะเต็มไปด้วยสัตว์มากมาย รอยเท้าขนาดเล็กจำนวนมากของสัตว์ทำให้มันยากที่จะหาร่องรอยของมนุษย์

'อย่างไรก็ตาม'

แต่ราอนไม่เหมือนคนอื่น

เพื่อที่จะกลายเป็นนักฆ่าที่ดีที่สุดนั้น แค่ฝีมือในการฆ่ามันไม่เพียงพอ

การสะกดรอย, การรับรู้ และการรวบรวมข้อมูลของเขาเป็นระดับสูงสุด เขาถึงได้เป็นนักฆ่าที่ดีที่สุด

ราอนมองหาร่องรอยของโจรในขณะที่ค่อยๆเดินไปในป่าอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่าพวกมันจะมีความเชี่ยวชาญในภูเขาและป่าแต่พวกมันต้องทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้บ้าง

'เจอแล้ว!’

ตาของราอนเบิกกว้างเล็กน้อย มันไม่ได้อยู่บนพื้น มีสัญลักษณ์อยู่บนพุ่มไม้ มันมีขนาดเล็กมากจนคงไม่มีใครสังเกตเห็น

"ตามฉันมาเงียบๆนะ”

“อึ้ม”

ราอนย่อตัวลงหลังได้ยินคำตอบของรูนัน. เขาค่อยๆขยับไปตามเส้นทางที่เขาเดาว่าจะเป็นตำแหน่งของพวกโจร

"หยุดก่อน"

ราอนยกมือขึ้นห้าม

"ทำไมล่ะ?”

"มันมีกับดัก”

มีกับดักเชือกเส้นบางๆอยู่ตรงหน้าพวกเขา ถ้าโดนพวกมันแล้วขาของพวกเขาจะขาด และทำให้พวกมันรู้ตัวทันที

'ฉันปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้’

ราอนกำจัดกับดักออกด้วยวิธีที่พวกมันจะไม่รู้ตัว และเดินหน้าต่อไป

เจ้ามองเห็นมันได้ยังไง?

ราธถามขึ้นมา

ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าเจ้าเป็นมนุษย์แบบไหน แม้แต่ราชาแห่งแก่นแท้จะอยู่มานานแล้วแต่ก็ยังไม่เคยเจอมนุษย์แบบเจ้า

'โชคดีน่ะ มันสะท้อนแสงแดดให้ฉันเห็นพอดี’

ฮึ่ม อย่ามาโกหกข้านะ

ราธบอกว่ามันไม่เชื่อเขา ราอนเลยบอกให้มันคิดตามที่มันเชื่อได้เลย แล้วก็เดินลึกเข้าไปในป่า

ยังพอมีร่องรอยอื่นๆอยู่อีก และเขาได้พบกับอะไรแปลกๆอยู่บนพื้น

'นี่มัน...'

มันเป็นรอยเท้าเล็กๆที่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่ มันดูเหมือนกับรอยเท้าของเด็ก

'เป็นของเด็กจากหมู่บ้านนั้นหรือเปล่า?’

ดูเหมือนว่าพวกมันพาตัวเด็กๆจากหมู่บ้านนั้นมาด้วยเพื่อที่จะใช้เป็นตัวประกัน

'ไอ้พวกเวรนั่น!’

เขาสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อทำให้ตัวเองใจเย็นลง

"รูนัน”

“อึ้ม”

"ห้ามส่งเสียงใดๆตั้งแต่ตรงนี้ไป แล้วก็ลองเดินแบบฉันนะ"

เขาสอนให้รูนันให้เดินแบบไม่มีเสียง มันเป็นท่าที่ใช้จังหวะสายน้ำมาประยุกต์ เธอจึงทำตามได้อย่างรวดเร็ว.

"แล้วนกหวีดล่ะ?”

"อย่าพึ่ง"

เนื่องจากพวกมันมีเด็กๆเป็นตัวประกัน เขาจึงต้องหลีกเลี่ยงการส่งเสียงออกไปให้มากที่สุด การที่ผู้ฝึกสอนออกมาตอนนี้จะทำให้เกิดเสียงดังจนพวกมันรู้ตัวได้

พวกเขาควรจะหาพิกัดของพวกมันและเด็กๆให้เจอก่อนเป็นอันดับแรก

"ถ้าฉันให้สัญญาณก็เป่านกหวีดเลยนะ”

"โอเค"

รูนันพยักหน้าและจับนกหวีดไว้แน่น

"ไปกันเถอะ”

ราอนค่อยๆย่องเข้าไป

"เราเกือบจะถึงแล้ว"

***

***

'พวกมันไม่ได้ลบร่องรอยในแถวๆนี้’

ที่เนินเขาและทางเข้าป่าแทบไม่มีร่องรอยหลงเหลือเลย ตรงส่วนกลางของป่าก็มีกับดักมากมาย

พวกมันคงวางใจว่าจะไม่ถูกเจอตัวแล้ว เพราะบริเวณนี้มีร่องรอยของพวกมันอยู่เต็มไปหมด

'อย่างที่คิดไว้เลย’

ราอนขมวดคิ้วหลังจากสำรวจรอบๆ มีร่องรอยของเด็กอยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน

"โจรพวกนั้นมีเด็กเป็นตัวประกันด้วย”

"ตัวประกันเหรอ?”

"ใช่ เราควรไปดูให้เห็นกับตาก่อน แล้วค่อยที่จะตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อ”

“อึ้ม”

รูนันพยักหน้าทันที ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อในทุกอย่างที่เขาพูด

"ไปต่อเถอะ”

ราอนย่อตัวจนแทบจะคลานลงกับไปพื้น ส่วนรูนันก็ตามเขามา

หลังจากคลานไปได้สิบนาที พวกเขาก็ได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันจากข้างหน้า

ดวงตาของราอนเป็นประกาย

ในที่สุดพวกเขาเจอกลุ่มโจรแล้ว

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด