ตอนที่ 85 ข้าไม่คิดว่ามันจะตายง่ายๆ
ตอนที่ 85 ข้าไม่คิดว่ามันจะตายง่ายๆ
ตู้มมมม!
เป๋ยเหยาเทียนถูกขวานนั้นปักร่างเข้ากับกำแพงเมือง พื้นผิวของกำแพงเมืองขนาดใหญ่และหนานั้นเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวทันที
ทันใดนั้นก็มีเสียงตู้มมดังขึ้น
สายตาของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึงและประหลาดใจ กำแพงเมืองซินโจวอันงดงามค่อยๆพังทลายลงแล้วกลายเป็นเศษซากทันที
“บ้าน่า? พลังขวานของหลี่กุยนั่นรุนแรงขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?”
ซู่เฮาเที่ยนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขารู้สึกประหลาดใจกับฉากอันตระการตาที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าเขา แม้ในนิยายจะบอกว่าหลี่กุยนั้นทรงพลังมาก็จริง แต่ตอนนี้เขาได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าพลังของหลี่กุยนั้นสุดยอดแค่ไหน
นอกจากนี้ ปี่กัน สิงโตเก้าหัว ไป๋ซู่เจิน จือเสีย เฉินเจินเอ๋อ ชุ่ยเหมียวเหมี่ยว และคนในกลุ่มทุกคนนั้นต่างก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้าเช่นกัน
แน่นอนว่าขณะนี้มีคนสี่คนที่กำลังยืนอยู่บนกำแพงเมืองและเฝ้าดูทุกสิ่งที่เกิดตรงหน้าพวกเขาด้วยสายตาที่น่าทึ่ง
โดยเฉพาะรูเซียที่กลัวจนแทบจะฉี่ราดออกมา ในตอนนี้ขาของเขาสั่นและริมฝีปากของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วง สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความกลัวที่ไม่สามารถอธิบายได้!
“อะไรกัน บ้าน่า!”
ทันใดนั้นรูเซียก็ทรุดลงกับพื้น สายตาของเขาก็ค่อยๆพร่ามัว น้ำลายค่อยๆไหลออกมาฟูมปากก่อนที่จะทรุดตัวลงแล้วตายไปในที่สุด
“เชี่ยย นี่มันยอดไปเลย พลังขวานของหลี่กุยทำให้ไอ้เด็กคนนั้นกลัวจนตายได้เลย”
ซู่เฮาเที่ยนจ้องมองไปที่รูเซียที่กำลังหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูกท่ามกลางเศษซากของกำแพงเมือง
“ฮ่าๆๆๆ นี่แหละบาปกรรม เวรกรรมนี่มันเร็วติดจรวจจริงๆเลยนะ”
“เขาคงตายไปแล้วหากไม่ได้นายน้อยของเราช่วยเอาไว้”
“แม้ว่าเขาจะเป็นลูกศิษย์ที่น่านับถือ แต่ก็เป็นแค่พวกเห็นแก่ตัวเท่านั้น”
"ไม่ต้องร้องนะไอ้หนู เจ้าเลือกของเจ้าเองนะ ฮ่าๆๆ!"
เมื่อได้เห็นการตายของรูเซีย ทุกคนในรถม้าต่างก็พากันหัวเราะเยาะ
ใบหน้าของชุ่ยเหมียวเหมี่ยวนั้นนิ่งเฉยมาก ตั้งแต่วินาทีที่รูเซียออกจากรถม้าไป พวกเขาก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
“ดูเหมือนว่าทั้งสามคนนั้นก็คงตายไปด้วยแล้วสินะ?”
ชุ่ยเหมียวเหมี่ยวมองไปที่สามคนที่อยู่ข้างๆรูเซียอย่างไม่แยแส จากนั้นจึงมายืนข้างๆซู่เฮาเที่ยน
“เอายังไงต่อรึท่านเฮาเที่ยน?”
ชุ่ยเหมียวเหมี่ยวยิ้มและพูดกับซู่เฮาเที่ยน
“เจ้านั้นเป็นสาวงามที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวมากจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นตอนกลางคืนเจ้าจะต้องอยู่ให้ห่างจากข้าเอาไว้”
"ทำไมรึ?"
ความสงสัยแวบขึ้นมาในดวงตาของชุ่ยเหมียวเหมี่ยว ก่อนที่จะถามกลับไปด้วยความสงสัย
เมื่อซู่เฮาเที่ยนได้ยินเขาจึงพูดด้วยรอยยิ้ม "เพราะข้าจะกลายเป็นหมาป่าที่ออกล่าผู้หญิงตอนกลางคืนไงล่ะ ฮ่าๆๆ"
“อะไรนะ หมาป่า นี่ท่านแปลงร่างเป็นหมาป่าได้ด้วยงั้นรึ!!”
“ฮ่าๆๆ! ท่าทีของเธอที่ตกใจนั้นช่างไร้เดียงสาจริงๆ! แต่ข้ากลับชอบท่าทีแบบนี้ของเธอแฮะ!”
“นายท่าน นี่ท่านยังไม่หยุดพูดอะไรแบบนั้นอีกงั้นรึ?”
“ถ้าข้าต่อยพี่เฮาเที่ยนสักหมัด ท่านก็คงจะไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมาอีกสินะ”
“เอ่อ….เดี๋ยวข้ามานะ ข้าจะเข้าไปดูสักหน่อย”
“บ้าเอ้ย เกือบไปแล้ว! พวกเธอสองคนนี่อันตรายจริงๆ! ถ้าการไม่ได้พูดคุยกับสาวสวยคนอื่นๆอีกนอกจากพวกเธอ มันคงเป็นโลกที่น่าเบื่อมากๆแน่”
ปากของซู่เฮาเที่ยนกระตุกอย่างรุนแรง ก่อนที่จะหยิบหอกสิ้นสูญออกมาและเดินไปที่กำแพงเมืองที่พังทลายลง
“พี่สาวทั้งสอง เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”
เมื่อชุ่ยเหมียวเหมี่ยวเห็นซู่เฮาเที่ยนจากไปด้วยท่าทีหดหู่ จิตใจของเธอก็เริ่มสับสนมากขึ้น
“น้องสาวเหมียว เจ้าไม่รู้ความหมายที่ท่านซู่พูดกับเจ้าจริงๆงั้นหรือ?!”
ไป๋ซู่เจิน อธิบายอย่างช่วยไม่ได้เพราะผู้หญิงคนนี้ไร้เดียงสาเกินไป
“งี้นี่เอง ไอ้บ้านั่น…ไอ้คนโรคจิต!”
ชุ่ยเหมียวเหมี่ยวนั้นเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ตอนนั้นเธอรู้สึกสับสนกับรอยยิ้มของซู่เฮาเที่ยน แต่หลังจากที่ไป๋ซู่เจินอธิบาย เธอก็เข้าใจทันทีและใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีก่อนที่จะหันไปมองดูซู่เฮาเที่ยนในระยะไกล
“เธอนี่ไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ!”
ไป๋ซู่เจินและจือเสียต่างมองหน้ากันและรู้สึกสิ้นหวังในใจ
เมื่อความแข็งแกร่งของซู่เฮาเที่ยนสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีผู้หญิงอยู่รอบตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพวกเธอเป็นผู้หญิงดังนั้นพวกเธอทั้งสองจึงต้องคอยดูว่าผู้หญิงที่เข้ามาหาซู่เฮาเที่ยนนั้นเป็นคนประเภทไหนบ้าง
ผู้หญิงที่หลงใหลในตัวของซู่เฮาเที่ยนพวกเธอจะยอมรับเธอคนนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่ผู้ที่มีเจตนาแอบแฝงจะถูกพวกเธอตรวจจับได้แล้วจัดการอย่างรวดเร็ว
เหตุผลที่ซู่เฮาเที่ยนเดินมาที่ซากปรักหักพังพร้อมกับหอกนั้นก็เพื่อยืนยันว่าเป๋ยเหยาเทียนนั้นตายแล้วจริงๆ
เพราะเป๋ยเหยาเทียนเป็นผู้ฝึกตนที่อยู่จุดสูงสุดของระดับผู้ใช้จิตวิญญาณสวรรค์ และมันไม่ง่ายเลยที่เขาจะตายง่ายๆ หลังจากที่ซู่เฮาเที่ยนเดินเข้าไปในซากปรักหักพัง ทันใดนั้นเขาก็ได้เสียงลมหายใจที่ดังครืดคราดก็ลอดออกมาจากซากก้อนหินที่ทับกัน