ตอนที่แล้วตอนที่ 530 ต่อสู้แย่งชิงอย่างดุเดือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 532 กฎแห่งการกลั่นพลังงาน

ตอนที่ 531 ด้วงมิติ


ตอนที่ 531 ด้วงมิติ

“วิชาหมัดพายุคลั่ง - เสริมพลังกฎเข้าไปภายในหมัดเพื่อทำลายเป้าหมายให้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ…” เซี่ยเฟยเริ่มอ่านคำอธิบายของวิชามิติระดับ 4 ที่เขาเพิ่งได้รับมา

“ที่แท้มันก็เป็นวิชาหมัดที่เรียบง่ายนี่เอง แต่มันน่าสนใจตรงที่มันเป็นวิชาหมัดที่สามารถทำลายมิติได้เนี่ยแหละ” อันธกล่าว

โดยปกติชายหนุ่มก็ชอบวิชาที่สามารถใช้ร่วมกับความเร็วได้อยู่แล้ว ซึ่งทั้งวิชาหมัดพายุคลั่งและพายุมิติปิดล้อมต่างก็สามารถนำมาประยุกต์เข้ากับวิธีการต่อสู้ของเขาได้เป็นอย่างดี แต่มันก็อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักพักในการฝึกฝนให้สามารถใช้วิชาทั้งสองจนคล่องมือ

มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิชาหมัดพายุคลั่งย่อมมีพลังในการทำลายเหนือกว่าวิชาพายุมิติปิดล้อมอย่างแน่นอน แต่ผลลัพธ์ของวิชาจะเป็นยังไงนั้นมันก็คงจะต้องรอดูกันหลังจากที่เขาได้ฝึกวิชานี้จนเสร็จ

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบสเปคคิวเลอร์ขึ้นมาพิจารณา โดยแท่งโลหะชิ้นนี้ค่อนข้างที่จะมีน้ำหนักอยู่พอสมควร นอกจากนี้บนผิวโลหะของมันยังมีตัวอักษรสลักเอาไว้ ซึ่งเซี่ยเฟยก็คาดว่าชื่อราชากฎหยวนซูที่ถูกสลักเอาไว้คงจะเป็นชื่อคนสร้างอุปกรณ์ชิ้นนี้ขึ้นมา

“มันเป็นอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาจากราชากฎงั้นเหรอ? ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงมีพลังทำลายที่สามารถสังหารนักรบกฎได้นับร้อยภายในเวลาไม่กี่วินาทีแบบนั้น” อันธอุทานขึ้นมาอย่างสนใจ

ราชากฎเป็นตัวตนที่อยู่ห่างจากเซี่ยเฟยในปัจจุบันมาก ซึ่งเท่าที่เขารู้มาทั่วทั้งตระกูลหยูก็มีเพียงแค่หยูเจียงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนไปจนถึงระดับราชากฎได้แล้ว

เซี่ยเฟยหยิบของมีค่าออกมาจากศพทีละชิ้นโดยไม่ได้รู้สึกเกรงใจศพใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าหากว่าเขาต้องการที่จะพัฒนาอย่างรวดเร็วเขาก็จำเป็นจะต้องมีพลังงานมากกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ในปัจจุบันก็ทำให้เขายากจนไม่ต่างไปจากขอทาน เขาจึงไม่พลาดโอกาสที่จะฉกฉวยสินทรัพย์จากสงครามอย่างแน่นอน

แต่ในทันใดนั้นเองผืนดินที่เขายืนอยู่ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้แต่มิติที่เขากำลังอาศัยอยู่นี้ก็ดูคล้ายกับว่ามันกำลังจะล่มสลาย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่ามิตินี้กำลังจะพังทลาย?” อันธเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าด้วยความสงสัย

เซี่ยเฟยขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียดเช่นเดียวกันและเขาก็ต้องคอยกระโดดหลบเศษหินที่ปลิวไปมา

หลังจากนั้นไม่นานสถานการณ์ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ราวกับว่าเหตุการณ์ในก่อนหน้านี้มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย

“เมื่อกี้มันแผ่นดินไหวงั้นเหรอ... ไม่สิในมิติพิเศษแบบนี้มันไม่น่าจะมีการเกิดแผ่นดินไหวได้” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง

แต่ในทันใดนั้นมันก็มีเสียงร้องคำรามดังสนั่นมาจากฟากฟ้า และเซี่ยเฟยก็ต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดหูด้วยความเจ็บปวด

“นั่นมันเสียงสัตว์อสูรงั้นเหรอ?” ความคิดแว๊บแรกของเซี่ยเฟยคือเสียงคำรามนั้นเป็นเสียงของสัตว์อสูร แต่เขาก็รีบโยนความคิดนี้ทิ้งออกไปอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มเคยได้พบกับสัตว์อสูรมาแล้วหลากหลายชนิด แต่มันยังไม่มีอสูรชนิดไหนสามารถส่งเสียงร้องคำรามได้น่ากลัวขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงแอบคิดในใจว่ามันอาจจะเป็นเสียงร้องคำรามของปีศาจมากกว่า

“รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า!” อันธตะโกนเตือนและสัญชาตญาณอันเฉียบคมของชายหนุ่มก็กำลังกรีดร้องขึ้นมาเช่นเดียวกัน เซี่ยเฟยจึงเริ่มออกวิ่งโดยไม่ลังเล

ไม่กี่วินาทีต่อมาพื้นดินที่เซี่ยเฟยเคยยืนอยู่ก็มีสัตว์ประหลาดสีดำขนาดใหญ่โผล่หัวขึ้นมาจากพื้นดิน จนทำให้เศษฝุ่นเศษดินกระเด็นขึ้นไปในอากาศหลายกิโลเมตร และมันก็ทำให้มิติอิสระแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควัน

เมื่อเศษฝุ่นกระจายตัวกันออกไปเซี่ยเฟยก็ได้พบกับหนอนด้วงตัวสีดำขนาดมหึมาที่ชูตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า และเขาก็ประมาณการว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้น่าจะมีความกว้างมากกว่า 1 กิโลเมตรและมีความยาวไม่น้อยกว่า 5 กิโลเมตร จนทำให้ร่างของมันเป็นเหมือนกับหอคอยขนาดใหญ่

“นี่มันตัวอะไรว่ะเนี่ย?! มันคือพวกเซิร์กงั้นเหรอ?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ไม่ ความรู้สึกของมันไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนกับพวกเซิร์กเลย แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับ…”

“เหมือนกับอะไร?”

“เหมือนกับปีศาจ”

ปัจจุบันเซี่ยเฟยยืนอยู่ห่างจากหนอนด้วงตัวนี้ประมาณ 10 กิโลเมตร แต่ในทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงกลุ่มคนที่กำลังเคลื่อนที่มาจากทางด้านหลัง

“อย่าพึ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ไอ้ตัวนั้นมันคือด้วงมิติ” หยูลู่ซวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง และถึงแม้เขาจะบอกพวกเซี่ยเฟยก่อนออกเดินทางว่ามิตินี้ไม่สามารถเข้าออกได้ก่อนเวลา แต่ในความเป็นจริงเหล่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญสามารถหาช่องทางเข้ามิติแห่งนี้ได้ตามที่พวกเขาต้องการ

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็สามารถสัมผัสได้อย่างง่ายดายว่า เหล่าบรรดาครูฝึกที่เดินทางมาพร้อมกับหยูลู่ซวนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีอารมณ์ที่ไม่มั่นคง ซึ่งมันก็หมายความว่าด้วงมิติตัวนี้มีพลังมากกว่าอัศวินกฎหลาย ๆ คนรวมกำลังกัน

“ด้วงมิติงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“ใช่ พวกมันคือสัตว์ประหลาดที่ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาจากพวกเผ่ามาร พวกมันมีความสามารถในการเดินทางในช่องว่างมิติได้ และพวกมันก็สามารถทำลายมิติใด ๆ ได้อย่างง่ายดาย” หยูลู่ซวนอธิบาย

“เผ่ามาร!?” ชื่อเผ่า ๆ นี้ทำให้เซี่ยเฟยนึกถึงกฎแห่งความโกลาหลที่อยู่บนแขนซ้ายของเขา เพราะเทพเจ้าขาวดำที่มอบกฎแห่งความโกลาหลให้กับเขาคือคนที่เดินทางมาจากเผ่าเทพ

“ในดินแดนของผู้ใช้กฎมีการแบ่งระดับชั้นตามความแข็งแกร่งของแต่ละตระกูล ยกตัวอย่างเช่น ตระกูลหยูของพวกเราเป็นตระกูลชั้น 3 ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ 9 ตระกูลชั้นยอดอีกที เหนือกว่า 9 ตระกูลชั้นยอดขึ้นไปนั้นคือเทพและมารที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้กฎขั้นสูงสุด”

“ไม่ว่าจะเป็นคนจากเผ่าเทพหรือเผ่ามารคนใดก็สามารถที่จะทำลายตระกูลของพวกเราได้อย่างง่ายดาย ฉันคงไม่จำเป็นจะต้องอธิบายนะว่าพวกเทพมารมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน”

คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงมาก เพราะเขาพึ่งได้ตระหนักว่ากฎแห่งความโกลาหลที่เขาได้รับมา มันมีต้นกำเนิดมาจาก 1 ใน 2 เผ่าพันธุ์ที่มีความแข็งแกร่งระดับสูงสุด

‘ถึงว่าทำไมการเพิ่มพลังของกฎแห่งความโกลาหลลงในกฎมิติเพียงแค่เล็กน้อย มันถึงสามารถทวีความรุนแรงของกฎแห่งมิติได้มากขนาดนี้ ที่แท้เทพเจ้าขาวดำก็คือตัวตนที่มาจาก 1 ใน 2 เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลแห่งนี้นี่เอง’

ในเวลาเดียวกันด้วงมิติก็สูดลมหายใจของมันเข้าไปอย่างรุนแรง เพื่อดูดลูกบอลพลังงานเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งแอ่งน้ำเข้าไปภายในท้องของมัน จากนั้นมันก็ส่งเสียงที่มีความสุขออกมาเป็นระยะ ๆ ซึ่งเซี่ยเฟยก็ได้พบว่าด้วงมิติตัวนี้มีปากอยู่ที่บริเวณช่องท้องของมันด้วย

“แย่แล้ว! ด้วงมิติกำลังกลืนกินพลังงานในแอ่งน้ำไปอย่างรวดเร็ว ถ้าหากว่ามันเป็นแบบนี้ต่อไปมิตินี้คงทนอยู่ได้อีกไม่นานแน่ ๆ” ครูฝึกคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างกังวล

“ไม่นะ! นี่คือรากฐานสำคัญที่บรรพบุรุษได้ทิ้งเอาไว้ให้กับพวกเรา ถ้าหากมิตินี้พังทลายลงไปตระกูลหยูก็คงจะไม่มีหวังในการฟื้นฟูความยิ่งใหญ่กลับมาได้อีกครั้ง เราจะต้องหยุดด้วงมิติตัวนี้เอาไว้ให้ได้!” หยูลู่ซวนกล่าวอย่างจริงจัง

“แล้วพวกเราควรจะทำยังไงดี? ถึงแม้ท่านผู้นำอาจจะพอทำอะไรได้ แต่ลำพังแค่พวกเรา…”

“ไม่มีเวลาแล้ว ถ้าหากว่าแอ่งน้ำพังทลายลงพวกเราที่ติดอยู่ในมิตินี้ก็ต้องตายด้วยอยู่ดี พวกเราจะต้องพยายามถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด ทำยังไงก็ได้อย่าให้มิตินี้พังทลายจนกว่าท่านผู้นำจะมาถึง” หยูลู่ซวนกล่าวตอบ

“อือ” ครูฝึกทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“อย่าไปกลัวมัน! ตราบใดก็ตามที่เราคอยโจมตีจากระยะไกล มันก็ทำอันตรายใด ๆ กับเราไม่ได้” หยูลู่ซวนตบไหล่เซี่ยเฟยเพราะคิดว่าชายหนุ่มน่าจะกลัวสัตว์ประหลาดตัวยักษ์

เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่พยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ เพราะถ้าหากแอ่งน้ำพังทลายลงเขาก็ต้องตายไปพร้อมกับมิติที่พังทลายอยู่ดี ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่เขาจะต้องเดิมพันด้วยชีวิต

“ตามฉันมา!” หยูลู่ซวนตะโกนเสียงดังก่อนที่จะนำทุกคนขึ้นไปบนยอดเขา จากนั้นแต่ละคนก็ใช้วิชาของตัวเองเพื่อจู่โจมเข้าใส่ด้วงมิติจากระยะไกล

ในฐานะที่พวกหยูลู่ซวนถูกแต่งตั้งให้เป็นครูฝึก พวกเขาแต่ละคนจึงต่างก็ล้วนแล้วแต่มีพลังอยู่ในระดับอัศวินกฎด้วยกันทั้งหมด ดังนั้นเมื่อพวกเขารวมพลังกันพลังทำลายที่พวกเขาสร้างขึ้นมาก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่อ่อนแอ

เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับเศษฝุ่นเศษดินที่ฟุ้งกระจายออกไปจนทั่ว

เซี่ยเฟยใช้มือข้างหนึ่งถือคริสตัลต้นกำเนิดเอาไว้ ขณะใช้มืออีกข้างจู่โจมด้วยคลื่นมิติจากระยะไกลออกไปเป็นชุด ๆ

อี๊ดดดด!

หนอนด้วงมิติส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ ซึ่งในความเป็นจริงการโจมตีพวกนั้นไม่ได้สร้างอันตรายให้กับหนอนตัวนี้มากนัก แต่มันได้ไปกระตุ้นความโกรธของสัตว์ประหลาดตัวนี้มากกว่า

ทั่วทั้งร่างของมันดูคล้ายจะมีเกราะป้องกันอยู่ทั่วทั้งตัว ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีการจู่โจมปะทะเข้ากับร่างของมันอย่างมากมาย แต่มันกลับไม่สามารถสร้างบาดแผลให้กับหนอนตัวนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

ทันใดนั้นหนอนด้วงก็หดตัวของมันลงไปอย่างกะทันหัน จนมีลักษณะเหมือนกับสปริงที่ถูกกดลงไป

พริบตาต่อมาร่างขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นสุดแรง โดยมีเป้าหมายคือพวกเซี่ยเฟยที่กำลังพยายามสร้างความรำคาญให้กับมันอยู่

“หนีเร็วเข้า!”

ทุกคนต่างก็รีบกระจายกำลังกันหนีอย่างบ้าคลั่ง เพราะถ้าหากพวกเขาถูกร่างขนาดมหึมาทับลงมา ร่างของพวกเขาก็คงจะแบนราบติดพื้นดิน

ตูม!

เมื่อร่างของหนอนด้วงปะทะเข้ากับภูเขา มันก็ทำให้ภูเขาที่พวกเซี่ยเฟยเคยยืนอยู่แตกกระจายออกเป็นชิ้น ๆ

ภูเขาที่พวกเซี่ยเฟยเคยยืนอยู่นั้นไม่ใช่ภูเขาขนาดเล็กเลยแม้แต่น้อย แต่มันเป็นภูเขาที่มีความสูงมากกว่า 1 กิโลเมตร และมันยังเป็นภูเขาที่เติบโตขึ้นมาจากหินแกรนิตสีดำ แต่ถึงกระนั้นภูเขาใหญ่ขนาดนี้กลับพังทลายลงไปในทันที มันจึงไม่จำเป็นจะต้องอธิบายว่าความแข็งแกร่งของหนอนด้วงตัวนี้มีความอันตรายมากแค่ไหน

“เล่ห์กายา” เซี่ยเฟยถอยกลับออกไปอย่างรวดเร็ว และใช้ความคล่องตัวของวิชาเล่ห์กายาในการหลบหลีกเศษหินที่บินไปทั่วทิศทางด้วยความเร็วราวกับพายุกระสุน

ตูม!

หินที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 ตันกระเด็นออกมาตกอยู่ห่างจากร่างของเซี่ยเฟยไม่ถึงสิบเมตร และมันก็ทำให้พื้นดินบริเวณนั้นยุบตัวลงไปกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่

ทันใดนั้นครูฝึกที่อยู่รั้งท้ายก็ถูกหนอนด้วงใช้วิธีการอะไรบางอย่างในการดูดพลังงานออกไปจากร่างกาย ก่อนที่ร่างของครูฝึกคนนั้นจะถูกดูดเข้าไปภายในปากของมัน

กร๊อบ!

ในที่สุดครูฝึกผู้โชคร้ายก็ถูกหนอนด้วงขนาดใหญ่กินเข้าไปทั้งเป็น แต่เนื่องมาจากร่างกายของเขามีขนาดเล็กมาก มันจึงไม่สามารถเติมเต็มกระเพาะของหนอนตัวนี้ได้ด้วยซ้ำ

ขณะเดียวกันมันก็มีกฎห้ามไม่ให้สัตว์อสูรเข้ามาภายในแอ่งน้ำ เซี่ยเฟยจึงไม่ได้นำขนอุยมาพร้อมกับเขาด้วย และเมื่อเขาได้พิจารณาจากการโจมตีที่ผ่าน ๆ มาแล้ว เขาก็เชื่อว่าแม้แต่การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของเขาก็ไม่สามารถที่จะทะลุผ่านเกราะป้องกันของหนอนด้วงมิติเข้าไปได้

เหตุการณ์นี้เริ่มทำให้เซี่ยเฟยตกอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่าหนอนด้วงมิติไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เขาจะมีความหวังในการต่อกรได้เลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อเวลาผ่านไปหนอนด้วงก็กินร่างของครูฝึกเข้าไปเรื่อย ๆ โดยมันจงใจค่อย ๆ เคี้ยวครูฝึกพวกนั้นอย่างช้า ๆ ราวกับว่ามันกำลังจงใจทรมานเหล่าบรรดาครูฝึกที่ยังมีชีวิตอยู่

แต่ในทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะหนอนด้วงได้หันศีรษะจ้องมองไปทางเซี่ยเฟย และถึงแม้ว่ามันจะไม่มีลูกกะตาแต่เซี่ยเฟยก็สามารถสัมผัสถึงแววตาอันเย็นชาของมันได้

“แย่แล้ว! มันกำลังมองว่านายเป็นเป้าหมายรายต่อไป” อันธร้องอุทานอย่างตึงเครียด

ตูม!

หนอนยักษ์ที่มีความยาวมากกว่า 5 กิโลเมตรกระโดดขึ้นไปในท้องฟ้าราวกับว่ามันคือยานประจัญบานขนาดใหญ่ จากนั้นมันก็อ้าปากของมันออกมาเพื่อหวังจะงับเซี่ยเฟยเข้าไปในท้องของมัน

เพียงแค่ปากของหนอนตัวนี้ก็มีความกว้างไม่น้อยกว่า 500 เมตร ด้านในมีฟันที่แหลมคมซ้อน ๆ กันอยู่ถึงหกชั้น และเมื่อเซี่ยเฟยได้มองสูงขึ้นไปเขาก็กำลังรู้สึกเหมือนมองไปยังอุโมงค์ที่น่าหวาดกลัว ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีคราบเลือดติดอยู่ภายในปากของมันด้วย

“หนีเร็วเข้า!” อันธตะโกนอย่างตื่นตระหนก

เซี่ยเฟยพยายามเร่งความเร็วอย่างเต็มที่ แต่ความเร็วของหนอนตัวนี้ก็ไม่ได้ด้อยกว่าความเร็วของชายหนุ่มเลย

ตูม!

แต่ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพยายามวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัวอยู่นั่นเอง เขาก็สังเกตเห็น ลูกบอลแสงสีขาว 2-3 ลูกพุ่งลงมากระทบด้านหลังของหนอนด้วงมิติ ราวกับว่าลูกบอลพวกนั้นร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้า

การจู่โจมในครั้งนี้ดูเหมือนจะได้ผลมาก เพราะมันได้ทำให้หนอนด้วงมิติร้องโหยหวนและร่างของมันก็ร่วงหล่นไปบนพื้นในทันที

เมื่อเซี่ยเฟยหันศีรษะมองย้อนกลับไปอีกครั้ง เขาก็ได้พบว่ามีคนหลายร้อยคนปรากฏตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน และผู้นำของคนกลุ่มใหม่นั่นก็คือหยูเจียงผู้ซึ่งเป็นราชากฎเพียงคนเดียวในตระกูล

“โจมตีใส่มันเร็ว ๆ เข้า! ไม่ว่ายังไงเราก็จะต้องรักษาแอ่งน้ำเอาไว้ให้ได้!!” หยูเจียงตะโกนสั่งการเสียงดังลั่น

ชายชรารีบนำนักสู้ชั้นยอดทั้งตระกูลเดินทางมาที่นี่ทันทีที่เขาได้รับข่าว ด้วยเหตุนี้นักสู้ที่ปรากฏตัวในมิตินี้จึงต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นกองกำลังชั้นยอดของตระกูล

คลื่น!

การต่อสู้กันระหว่างนักรบชั้นยอดกับหนอนด้วงมิติทำให้มิติสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเมื่ออัศวินกฎระดับสูงได้จู่โจมพร้อมกัน มันก็สร้างปรากฏการณ์ที่เหนือเกินกว่าจินตนาการของเขาไปไกล

เมื่อต้องตกอยู่ภายใต้การโจมตีอันรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าหนอนด้วงมิติจะมีชั้นผิวหนังที่หนาแค่ไหน แต่มันก็เริ่มเกิดรอยบาดแผลขึ้นมาทั่วทั้งร่างของมันแล้ว

อี๊ด!

หนอนด้วงมิติส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นมันก็เปิดรอยแยกมิติที่มีขนาดใหญ่ราวกับภูเขา แต่บังเอิญว่ารอยแยกมิตินี้อยู่ไม่ห่างจากเซี่ยเฟยมากนัก เส้นทางหลบหนีของมันจึงมีชายหนุ่มอยู่ในระหว่างทางด้วย เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องเร่งความเร็วอย่างสุดชีวิตเพื่อหลบหนีออกไปจากสถานการณ์วิกฤติที่เขาต้องพบเจอ

แต่น่าเสียดายที่รอยแยกมิติเหมือนกับมีแรงดึงดูดคล้ายหลุมดำ มันจึงดึงร่างของเซี่ยเฟยเข้าไปในรอยแยกมิติอย่างไม่อาจจะต่อต้านได้

ในที่สุดหนอนด้วงมิติก็หลบหนีไปจากมิตินี้ได้สำเร็จ ซึ่งในระหว่างที่มันกำลังหลบหนีมันก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามันได้พามนุษย์ตัวน้อยเดินทางเข้าไปในช่องว่างมิติพร้อมกับมันด้วย

***************

เอ๊า! ลากไปไหน? ไปฟาร์มเหรอ? ช่วงนี้พี่แกยิ่งจนๆอยู่ 5555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด