ตอนที่ 530 ต่อสู้แย่งชิงอย่างดุเดือด
ตอนที่ 530 ต่อสู้แย่งชิงอย่างดุเดือด
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังเดินออกจากถ้ำ นักรบกฎทั้งสองคนที่กำลังเฝ้าเขาอยู่ก็กำลังเพลิดเพลินกับการพูดคุยกัน จนไม่ทันได้สังเกตถึงเป้าหมายที่พวกเขากำลังพยายามเฝ้าอยู่เลย
“อะไรนะ? วิชาต่อสู้ระดับ 4 งั้นเหรอ?”
“ฉันว่าใช่แน่ ๆ ตอนนี้นักสู้ทั้งหมดในแอ่งน้ำได้ไปรวมตัวกันหมดแล้ว ลูกพี่ลูกน้องของฉันเพิ่งจะส่งข้อความมาบอกฉันเอง”
“วิชาระดับ 4 ไม่ได้ปรากฏในแอ่งน้ำมาตั้งนานแล้ว ฉันว่าคราวนี้ทุกคนจะต้องต่อสู้แย่งชิงกันอย่างดุเดือดแน่ ๆ”
“เฮ้อ! น่าเสียดาย นี่ถ้าหากว่าฉันเอามันไปขายด้านนอกได้ ฉันก็คงจะได้รับคริสตัลม่วงกลับมาหลายหมื่นก้อน”
“อย่าลืมสิว่าพวกเราได้รับคำสั่งให้เฝ้าเซี่ยเฟยเอาไว้ ฉันคิดว่าพวกเราคงจะไม่ได้ส่วนแบ่งจากการแย่งชิงครั้งนี้หรอก อย่างดีที่สุดพวกเราก็ทำได้เพียงแค่รอชิงวิชาการต่อสู้ระดับสูงจากเซี่ยเฟยเท่านั้นแหละ”
“เขาจะยอมออกมาทำไม ก่อนเข้าไปเขามีวิชาต่อสู้ระดับสูงอยู่ในมือตั้งมากมาย ตราบใดก็ตามที่เขารออยู่ในถ้ำจนหมดเวลาแค่นั้นเขาก็สามารถกลับไปได้อย่างปลอดภัยแล้ว”
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยกำลังซ่อนอยู่หลังโขดหินที่อยู่ห่างจากพวกเขาไปไม่ไกลมากนัก และด้วยความช่วยเหลือจากวิชาพรางจิต มันจึงทำให้นักรบกฎทั้งสองคนนี้ไม่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขาได้เลย แล้วมันก็ทำให้เซี่ยเฟยสามารถได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน
ฟุบ!
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเปลี่ยนดาบดราก้อนสเกลให้กลายเป็นดาบคู่ ซึ่งในพริบตาต่อมาดาบทั้งสองเล่มก็ได้แยกกันออกไปจี้คอของนักรบกฎทั้งสองคน
“วิชาต่อสู้ระดับ 4 ที่พวกแกพูดถึงเมื่อกี้คืออะไร?” เซี่ยเฟยถามอย่างเย็นชา
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเซี่ยเฟยทำให้นักรบทั้งสองคนหวาดกลัวมาก และพวกเขาก็พยายามส่งสายตาให้แก่กัน คล้ายกับว่ามันจะมีข้อความอะไรบางอย่างที่ถูกส่งผ่านสายตานั้นอย่างลับ ๆ
ฉัวะ!
เซี่ยเฟยเริ่มสังหารนักรบคนหนึ่งในทันที ขณะที่กดใบดาบลงไปบนลำคอของนักรบอีกคนจนก่อให้เกิดรอยบาดขึ้นมาจาง ๆ
“พูดมา! ถ้าไม่พูดก็ตาย” เซี่ยเฟยออกคำสั่งอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“ตอนนี้ในแอ่งน้ำมีวิชาการต่อสู้ระดับ 4 ปรากฏขึ้นมา แล้วลูกพี่ลูกน้องของฉันอยู่ในสนามรบเขาเลยก็ส่งข้อความมาบอกฉันว่าตอนนี้ทุกคนกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงมันอยู่” นักรบที่เหลือรอดชีวิตรีบตอบด้วยน้ำเสียงอันสั่นเทา ขณะเดียวกันเขาก็แอบดึงเครื่องส่งสัญญาณออกจากแขน เพื่อส่งตำแหน่งในปัจจุบันของเขาให้กับลูกพี่ลูกน้อง
เครื่องส่งสัญญาณนี้คือเครื่องส่งสัญญาณที่ใช้กันโดยทั่วไปในดินแดนของผู้ใช้กฎ ซึ่งมันมีความคล้ายคลึงกับไมโครคอมพิวเตอร์ของพันธมิตร เพียงแต่มันถูกออกแบบมาให้ดูคล้ายเข็มทิศแต่มีหลายฟังก์ชั่นให้เลือกใช้งาน
“ถ้าพูดแล้วก็ตายซะ!”
ฉัวะ!
เซี่ยเฟยสะบัดดาบออกไปอย่างราบรื่นตัดผ่านลำคอของนักรบอีกคนไปอย่างราบเรียบ
—
เซี่ยเฟยพยายามออกวิ่งไปเรื่อย ๆ เพื่อไล่ตามหาวิชาระดับ 4 อันมีค่า ซึ่งมันไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิชาต่อสู้ระดับนี้จะต้องมีค่ามากมายมหาศาล ชายหนุ่มจึงตัดสินใจว่าเขาจะไขว่คว้ามันมาให้ได้
หลังจากไล่ตามเสียงการต่อสู้มาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ได้พบกับสนามรบที่ตั้งอยู่ในแอ่งดินขนาดใหญ่ ที่นักรบจำนวนกว่า 100 คนกำลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะกวาดสายตาไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสนามรบ แต่เขาก็ไม่พบกับลูกบอลแสงสีเหลืองเลยแม้แต่ลูกเดียว ซึ่งมันก็หมายความว่าหนึ่งในนักรบเหล่านี้ก็คงจะเก็บลูกบอลแสงลูกนั้นเข้าแหวนมิติของเขาไปแล้ว
“หยูหยวนกวงส่งลูกบอลแสงนั่นมาซะ!”
“ใช่ ถ้านายยอมมอบลูกบอลแสงนั่นมาแต่โดยดี เราจะยอมไว้ชีวิตนาย”
นักรบกฎหลาย ๆ คนกำลังพยายามบุกโจมตีนักรบกฎที่ไว้หนวดเครา ซึ่งเซี่ยเฟยรู้จักนักรบคนนี้เป็นอย่างดี เพราะเขาคือคนบงการให้ชายหนุ่มถูกปิดล้อมเมื่อสองวันก่อน
บาดแผลบนร่างกายของเขาบางส่วนยังคงเจ็บปวดอยู่เลย และถึงแม้ว่าเขากับหยูหยวนกวงจะไม่เคยมีความบาดหมางกันมาก่อน แต่ผู้ชายคนนี้กลับทำให้เขาต้องพยายามหนีเอาชีวิตรอดอย่างยากลำบาก ซึ่งตามนิสัยอาฆาตของชายหนุ่มแล้วเขาก็ไม่มีทางจะยอมปล่อยหยูหยวนกวงไปง่าย ๆ
ในเมื่อชายคนนี้ต้องการให้เขาตาย เซี่ยเฟยก็จะถือว่าอีกฝ่ายคือศัตรู และคติประจำใจของเขาคือศัตรูทุกคนจะต้องตายซึ่งมันเป็นคติประจำใจที่ชายหนุ่มไม่เคยลืม
สถานการณ์ในปัจจุบันคือหยูหยวนกวงกับคนของเขาอีกประมาณ 10 กว่าคนกำลังถูกปิดล้อมด้วยกลุ่มนักสู้หลาย ๆ กลุ่ม ซึ่งนักสู้ที่เข้ามาในแอ่งน้ำเพียงลำพังอย่างเซี่ยเฟยก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่ากลุ่มนักสู้หลาย ๆ กลุ่มจะเป็นกลุ่มนักสู้จากตระกูลหยูเหมือนกับหยูหยวนกวง แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีความเมตตาต่อกันเลยแม้แต่นิดเดียว
ท้ายที่สุดทรัพยากรในตระกูลก็มีอยู่อย่างจำกัด และดินแดนของผู้ใช้กฎก็เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย การสังหารกันระหว่างสมาชิกภายในตระกูลจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเรื่องแบบนี้มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งแม้ว่าจะเป็นตระกูลอื่นที่ไม่ใช่ตระกูลหยูก็ตาม
“วิชานั่นอยู่ในแหวนนี่แล้ว ถ้าพวกแกมีปัญญาก็เข้ามาเอามันไปเอง” หยูหยวนกวงหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วไปยังแหวนมิติที่เขาสวมเอาไว้อยู่
“อย่าคิดว่าพวกเราจะกลัวเพียงเพราะว่านายเป็นนักรบกฎระดับ 5 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่นายได้เข้ามาในแอ่งน้ำ นายควรจะมอบของดี ๆ ให้กับคนอื่นบ้างไม่ใช่เก็บเอาไว้ใช้เพียงคนเดียว”
คำอธิบายจากนักรบคนหนึ่งทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงอยู่เล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดเลยว่าหยูหยวนกวงจะมีพลังเป็นถึงนักรบกฎระดับ 5 แล้วมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีอำนาจในการสั่งการนักรบคนอื่น ๆ ขนาดนั้น
ขณะเดียวกันท่าทางของหยูหยวนกวงก็เริ่มทำให้นักรบหลาย ๆ คนที่กำลังปิดล้อมเขาอยู่เริ่มสูญเสียความมั่นใจ และพวกเขาก็เริ่มลดอาวุธของตัวเองลงทีละน้อย
การที่ชายคนนี้เข้ามาในแอ่งน้ำได้ถึงสามครั้ง มันก็หมายความว่าผู้อยู่เบื้องหลังของเขาไม่ใช่คนที่จะสามารถดูถูกได้ง่าย ๆ แล้วมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีคนรู้สึกหวาดกลัวผู้ที่อยู่เบื้องหลังชายคนนี้
“พี่น้องอย่าไปกลัว! พวกเรามีมากกว่า สิ่งที่เราจะต้องทำมีแค่ฆ่ามันซะแล้วเอาวิชานั้นไปขายเอาคริสตัลต้นกำเนิดมาแบ่งเท่า ๆ กัน”
เมื่อได้คิดถึงคริสตัลต้นกำเนิดเป็นจำนวนมาก นักรบทุกคนก็เริ่มส่งเสียงตะโกนขึ้นมาด้วยความฮึกเหิมอีกครั้ง และทำให้พวกหยูหยวนกวงถูกล้อมรอบอยู่ตรงกลาง
เมื่อสองวันก่อนพวกหยูหยวนกวงบงการนักรบคนอื่น ๆ ให้ปิดล้อมเซี่ยเฟยมากกว่า 50 คน แต่ในวันนี้มันกลับเป็นพวกเขาเองที่ถูกปิดล้อม และจำนวนของนักรบที่กำลังปิดล้อมพวกเขาก็มากกว่าเซี่ยเฟยถึงเท่าตัว
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีหยูหยวนกวงก็กระโดดออกมาจากกลุ่มเพื่อน และปล่อยแท่งโลหะหน้าตาแปลก ๆ ออกมาจากแหวนมิติของเขา
“สเปสคิวเลอร์!”
“หยูหยวนกวง นายกล้าดียังไงถึงเอาสเปสคิวเลอร์ออกมาใช้ นี่มันเป็นอาวุธที่ตระกูลสั่งห้ามเอาไว้อย่างชัดเจน”
“นายจะต้องถูกผู้อาวุโสลงโทษแน่ ๆ!”
นักสู้ฝั่งตรงข้ามทุกคนต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อพวกเขาได้เห็นหยูหยวนกวงหยิบสเปสคิวเลอร์ออกมาจากแหวนมิติ
“ลงโทษงั้นเหรอ? พวกแกคงไม่มีวันรอดชีวิตไปเห็นฉันที่ถูกลงโทษหรอก” หยูหยวนกวงตะโกนออกมาอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้ใช้ฝ่ามือตบแท่งโลหะทำให้ลูกบอลที่อยู่ปลายแท่งระเบิดออก และทำให้ท้องฟ้าบริเวณนั้นถูกย้อมจนกลายเป็นสีฟ้าคราม
สเปคคิวเลอร์สามารถสร้างการโจมตีอันทรงพลังได้ในขอบเขตอันกว้างขวาง และตราบใดก็ตามที่ศัตรูอยู่ในระยะมันก็เป็นเรื่องยากที่ศัตรูจะพยายามหลบหนี
โดยปกติแล้วอาวุธสังหารระดับนี้จะถูกนำไปใช้ในสนามรบด้านนอกโดยเฉพาะ และถึงแม้ว่าประสิทธิภาพของมันจะค่อนข้างดี แต่มันก็จะทำให้นักสู้คอยพึ่งพาแต่อุปกรณ์มากเกินไป มันจึงมีกฎห้ามใช้อาวุธสังหารภายในตระกูล ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากพวกเขาออกไปนอกตระกูลพวกเขาย่อมสามารถใช้อาวุธพวกนี้ได้อย่างไม่จำกัด
ด้วยเหตุนี้เองมันจึงไม่มีใครคิดว่าหยูหยวนกวงจะได้แอบพกสเปคคิวเลอร์เอาไว้ และที่สำคัญคือชายคนนี้ยังนำมันมาใช้กับนักรบของตระกูล!!
“ทำลายพวกมันซะ!” หยูหยวนกวงตะโกนเสียงดัง ก่อนที่ลำแสงสีฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนจะตกลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับแรงกดดันอันรุนแรง
“บล็อก!”
“ผนึก!”
ทุกคนต่างก็พยายามใช้กฎที่ตัวเองได้เรียนรู้ในการปกป้องตัวเองเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่วิชาระดับต่ำพวกนั้นไม่สามารถหยุดการโจมตีจากสเปคคิวเลอร์ได้
ลำแสงสีฟ้าที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากสเปคคิวเลอร์เป็นเหมือนกับฝนกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ดังนั้นเมื่อพวกมันสัมผัสเข้ากับกฎมิติที่พยายามขวางพวกมันเอาไว้ ฝนกรดเหล่านี้ก็จะเริ่มละลายกฎมิติพวกนั้นให้หายไปในทันที ซึ่งในเวลาต่อมาสิ่งที่จะถูกละลายก็คือร่างกายของทหารที่อยู่ในสนามรบ
ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีนักสู้ระดับต่ำก็ถูกสังหารลงอย่างรวดเร็ว มันจึงมีเสียงร้องโหยหวนดังออกไปทั่วทั้งสนามรบและมีเศษเลือดเศษเนื้อกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่
สถานการณ์เอนเอียงไปทางฝ่ายหยูหยวนกวงอย่างรวดเร็ว เพราะการใช้สเปคคิวเลอร์เพียงคราวเดียวทำให้ฝั่งตรงข้ามเหลือรอดชีวิตอยู่ไม่ถึง 10 คน และคนพวกนั้นก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะต่อสู้ได้อีกต่อไป
“การที่พวกนายรอดจากสเปคคิวเลอร์มาได้ มันก็แสดงว่าพวกนายมีศักยภาพที่ค่อนข้างดี ฉันจะให้โอกาสพวกนายเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้าใครไม่อยากตายก็ให้ย้ายข้างมาอยู่ฝั่งของฉันซะ!” หยูหยวนกวงกล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
สถานการณ์ในปัจจุบันบ่งบอกถึงผู้ชนะอย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นถึงแม้นักรบที่เหลือรอดจะไม่เต็มใจแต่พวกเขาก็ยังไม่อยากจะเอาชีวิตของตัวเองมาทิ้งเอาไว้ในวันนี้
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็เม้มริมฝีปากขึ้นมาอย่างไม่พอใจ เพราะเสียงหัวเราะแห่งชัยชนะของหยูหยวนกวงให้ความรู้สึกคล้ายกับ ตอนที่ชายคนนี้กำลังพยายามสั่งให้นักรบเป็นจำนวนมากไล่ล่าสังหารเขาเมื่อสองวันก่อน
เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นและเดินไปที่ขอบหลุมขนาดใหญ่ ก่อนที่จะจ้องมองไปที่หยูหยวนกวงอย่างท้าทาย แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีนักรบกฎประมาณ 20 คนคอยยืนอยู่เคียงข้างเขาก็ตาม
“ฮ่า ๆ ๆ เซี่ยเฟย นี่แกกล้าโผล่หัวออกมาด้วยงั้นเหรอ? ส่งวิชาต่อสู้ทั้งหมดที่แกมีมาซะแล้วฉันจะ…”
“แล้วแกจะทำไม?” เซี่ยเฟยถามกลับ
“แล้วฉันก็จะเป็นคนให้เกียรติฆ่าแกด้วยตัวเอง” หยูหยวนกวงกล่าวออกมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ขอโทษด้วยที่วันนี้มันไม่ใช่ฉันที่จะตาย แต่เป็นพวกแกนั่นแหละที่จะต้องทิ้งชีวิตเอาไว้อยู่ที่นี่”
“คิดจะฆ่าฉันงั้นเหรอ?” หยูหยวนกวงหัวเราะออกมาดังสนั่นราวกับว่าเขาเพิ่งได้ยินเรื่องตลก
“ผิด ไม่ใช่แค่แกแต่เป็นพวกแกทั้งหมด” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยท่าทางที่เหมือนกับยมทูต และทันใดนั้นคลื่นมิติ 2 สายก็ถูกปล่อยออกไปอย่างฉับพลัน
พายุมิติปิดล้อม!
การจู่โจมในครั้งนี้เซี่ยเฟยได้เสริมพลังของกฎแห่งความโกลาหลเข้าไปด้วย มันจึงทำให้คลื่นมิติทั้งสองสายพุ่งออกไปราวกับพายุทอร์นาโด
“นั่นมันวิชามิติระดับสูง!”
“เซี่ยเฟยได้เรียนรู้วิชามิติระดับสูงแล้วงั้นเหรอ?”
ไม่มีใครคาดคิดว่าในเวลาเพียงแค่สองวันเซี่ยเฟยจะได้เปลี่ยนจากมือใหม่ที่ไม่มีวิชามิติภายในมือ กลายเป็นนักสู้ที่สามารถใช้วิชามิติระดับสูงออกมาได้แบบนี้
“บล็อก!”
“ผนึก!”
การจู่โจมจากคลื่นมิติของเซี่ยเฟยรวดเร็วมากจนเกินไป นักสู้ทั้งหมดจึงไม่สามารถหลบหนีได้ พวกเขาจึงต้องสร้างมิติกีดขวางออกมาเพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น
ในความคิดของพวกเขาเซี่ยเฟยเพิ่งจะฝึกฝนวิชาพายุมิติปิดล้อมได้เพียงแค่ระดับ 2 แล้วมันก็มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะสามารถป้องกันการโจมตีในระดับนี้เอาไว้ได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้ตระหนักถึงกฎแห่งความโกลาหลที่แฝงอยู่ในคลื่นมิติพวกนี้เลย ที่สำคัญคือกฎแห่งความโกลาหลได้เพิ่มพลังโจมตีของคลื่นมิติขึ้นไปมากกว่าเดิมถึงสามเท่า
ฉัวะ!
พื้นดินในบริเวณนั้นคล้ายกับถูกกรงเล็บมังกรขนาดใหญ่ข่วนลงไปอย่างรุนแรง มันจึงก่อให้เกิดรอยบาก 2 รอยฝังลึกในพื้นดิน โดยรอยบากแต่ละรอยมีความลึกลงไปหลายสิบเมตร ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพลังการโจมตีของเซี่ยเฟยทรงพลังมากแค่ไหน
การจู่โจมในครั้งนี้ทำให้ร่างของนักรบมากกว่า 10 คนถูกตัดขาดออกเป็นสองท่อน แล้วมันก็ทำให้เลือดสีแดงสาดกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่
“เอาไปอีก!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามก่อนที่จะเริ่มปล่อยคลื่นมิติออกไปอีกครั้ง ซึ่งชายหนุ่มก็ได้จู่โจมออกไปอย่างต่อเนื่องจนทำให้แอ่งดินพังยับเยินไม่เหลือชิ้นดี
—
นอกสนามรบ
พวกหยูลู่ซวนและสมาชิกในตระกูลคนอื่น ๆ ที่กำลังรับชมการต่อสู้ผ่านทางหน้าจอต่างก็รู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนเซี่ยเฟยยังไม่ได้เรียนรู้วิชามิติเลยด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้เขากลับสามารถแสดงการจู่โจมอันทรงพลังออกมาได้อย่างต่อเนื่อง
ครูฝึกทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่รู้จักวิชาพายุมิติปิดล้อมเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงสามารถแสดงพลังของวิชานี้ออกมาได้เทียบเท่ากับวิชาต่อสู้ระดับ 4 หรืออาจจะมีพลังใกล้เคียงกับวิชาต่อสู้ระดับ 5 ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเพียงแค่วิชาต่อสู้ระดับ 3 เท่านั้น
ในที่สุดภาพก็ได้แสดงให้เห็นว่าเซี่ยเฟยกำลังเดินลงไปหยิบสเปคคิวเลอร์และลูกบอลแสงสีเหลืองออกจากแหวนมิติของหยูหยวนกวง หลังจากที่เขาได้ทำการสังหารฝ่ายตรงข้ามจนหมดแล้ว
“เขาเป็นแมลงสาบอวกาศหรือยังไง? นี่เขาทั้งรอดชีวิตมาได้และยังได้รับวิชาการต่อสู้ระดับ 4 ไปอีก” หยูชิชิบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ
แต่ทันทีที่คำพูดของเธอจบลง จู่ ๆ มันก็ได้มีแสงสีแดงปรากฏขึ้นบนหน้าจอพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนที่ดังไปทั่วทั้งบริเวณ
“ด้วงมิติ! ด้วงมิติกำลังบุกแอ่งน้ำ รีบรายงานไปที่ท่านผู้นำเดี๋ยวนี้!!” หยูลู่ซวนอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
***************
ที่ไหนมีพี่เฟยที่นั่นย่อมมีเรื่อง คำกล่าวนี้ไม่เกินจริงว่างั้นไหม? อิอิ