ตอนที่ 1300 คุณพูดไร้สาระอะไร!
เมื่อ หลินฟาน ไปเข้าห้องน้ำ เขาก็ได้โทรไปหา หลัว หลี่ แต่ไม่มีใครรับสาย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่า ..ไม่ว่าจะดึกแค่ไหนก็รอเขากลับมา มาตอนนี้เธอก็คงหลับไปแล้ว หรือไม่ก็กําลังยุ่งๆ อยู่ หลินฟาน เองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาทำเพียงส่งข้อความถึงเธออย่างง่ายๆ แล้วเดินกลับไปที่ร้านบาร์บีคิวทันที
หลินฟาน ยังไม่ทันได้เดินไปถึงร้านบาร์บีคิว แต่กลับพบว่าร้านบาร์บีคิวตอนนี้ ในเวลานี้ได้มีการเคลื่อนไหวอย่างมาก มีทั้งเสียงหัวเราะที่ดังออกมามากมายเป็นครั้งคราว
คงไม่ใช่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ เสี่ยวเซิ่ง หรอกใช่ไหม หลินฟาน จึงได้เร่งฝีเท้าเพื่อรีบกลับไป
ต้องบอกว่า โจว เสี่ยวเซิ่ง ดูเหมือนจะมีร่างกายที่พิเศษจริงๆ เพียงแค่มาทานบาร์บีคิวที่นี่ มันก็กลับทําให้เธอพบต้องเจอกับคนเลวๆ อีกครั้ง
ชายคนหนึ่ง อายุ 30 ปี กําลังนั่งกินบาร์บีคิวอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่โต๊ะข้างๆ ที่อยู่ถัดไป พวกเขาได้พูดคุย และหัวเราะกัน ทันใดนั้น ชายคนนั้น ก็ได้สังเกตเห็นการมาถึงของ โจว เสี่ยวเซิ่ง เมื่อเห็นเธอ ..ชายคนนั้นก็ตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนจะประหลาดใจเล็กน้อยที่พบเจอ โจว เสี่ยวเซิ่ง ที่นี่
ทันใดนั้น สายตาของ ชายคนนั้น ก็เผยสีหน้าขี้เล่นออกมา และพูดกับกลุ่มเพื่อนของตัวเองไปว่า : “พี่น้อง.. เดี๋ยวๆ รอก่อน”
พูดจบ ชายคนนั้นก็ลุกขึ้น เดินเข้าไปหา โจว เสี่ยวเซิ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า : “เอ๊ะ นี่ โจว เสี่ยวเซิ่ง ไม่ใช่เหรอ?”
โจว เสี่ยวเซิ่ง ที่หันไปเห็น ชายคนนี้ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที.. จิตใต้สํานึกของเธอเริ่มตื่นตระหนก หันตัวไปด้านข้าง และก้มศีรษะลง และไม่พูดอะไรออกไป
มันเป็นการกระทําที่ทำเพื่อปกป้องตัวเองโดยไม่รู้ตัวของคนอ่อนแอ.. แต่เมื่อเห็นเช่นนี้ มันก็ทําให้ ชายคนนั้น ยิ่งได้ใจมากขึ้น และได้ก้าวเดินขึ้นไปข้างหน้า
“ทําไม.. อย่างน้อยฉันก็เป็นญาติห่างๆ ของเธอไง ทำไม.. เห็นฉันก็ไม่คิดแม้แต่จะทักทายเลยว่างั้น?” ชายคนนั้น กล่าวออกมา
กลุ่มเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ก็พากันส่งเสียงเชียร์ โห่ร้องออกมา
“พี่เทา กําลังทําอะไรอยู่ ไม่หรอกน่า ไปจีบผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ ฉันว่าเขาดื่มมากเกินไปแล้วมั้ง?”
“รสนิยมของ พี่เทา ฉันคาดเดาไม่ถึงจริงๆ?”
“เฮ้ๆ พี่เทา นี่พวกเรารับไม่ได้จริงๆ แล้วอย่ามาหาว่าพวกเราดูถูกล่ะ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
พวกเขาไม่รู้ว่า ชายคนนี้ รู้จัก โจว เสี่ยวเซิ่ง เพียงแค่นึกคิดไปว่า ชายคนนี้ แค่เดินเข้าไปจีบสาวอยู่ ..เท่านั้น
คําพูดเหล่านี้ โจว เสี่ยวเซิ่ง ก็ได้ยินอยู่เช่นกัน จนเธอเกือบจะคลื่นไส้จนอาเจียนออกมาแล้ว
ชายคนนั้นหันกลับไป แล้วพูดว่า : “พวกนายอย่าพูดเรื่องไร้สาระ ฉันไม่ได้เมา และสายตาฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยหรือไง? ฉันไม่ได้มาจีบสาวนะเว้ย นี่นะ.. เป็นญาติห่างๆ ของฉัน และในเรื่องอาวุโส ฉันก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ.. แน่นอนว่าพวกนายไม่รู้ แต่รู้ไว้ว่าสัมพันธ์เครือญาติของเรามันก็เป็นได้แค่ของจอมปลอมเท่านั้น”
คนหนึ่งได้หัวเราะ แล้วพูดว่า : “พี่เทา ไหนพี่ยังบอกว่าตัวเองไม่ได้เมาไง เดี๋ยวก็บอกว่าเป็นญาติกัน เดี๋ยวก็บอกว่าปลอม ตกลงอะไรเท็จอะไรจริงกันแน่?”
“ฮ่าๆ พี่เทา ต้องเมาแล้วแน่ๆ!”
“พี่เทา เมาแล้วจริงๆ ก็ดูสิแค่จะจีบน้องสาวคนนี้ เขายังไม่ยอมรับเลย!”
“ฮ่าฮ่าๆ...”
คนกลุ่มหนึ่งได้พากันหัวเราะอีกครั้ง
ชายคนนั้นพูดว่า : “พวกนายมันจะไปเข้าใจอะไร บอกไปแล้วไงว่าเราเป็นเครือญาติกัน เพราะคุณยายของฉัน เป็นญาติกับยายของเธอ ดังนั้นเราจึงนับว่าเป็นญาติห่างๆ แต่ในความเป็นจริง เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กันด้วยซ้ำ เพราะเธอมันเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง ตั้งแต่เล็กจนโต คนในหมู่บ้านต่างก็เรียกเธอว่า ไอ้เด็กเลว”
ชายคนนั้น อธิบาย และจ้องมอง โจว เสี่ยวเซิ่ง อีกครั้ง : “แม้ว่าเธอมันจะเป็นลูกนอกคอก แต่ฉันก็ใจดี และมองเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่า ลูกนอกคอก ยังไงก็คือนอกคอกจริงๆ สินะ พวกนายเองก็เห็น เธอเห็นฉันแต่กลับไม่คิดจะทักทายเลยสักนิด” (野种 - ลูกนอกคอก ขอใช้คำนี้นะครับ แต่หากเจาะลึก 杂种, 狗种 เอาง่ายๆ ไม่ต่าง อาจจะมองว่าหนักกว่าด้วยซ้ำ มันเป็นคำด่าหยาบครับ)
คนหนึ่งหัวเราะ แล้วพูดว่า : “พี่เทา พี่กำลังคิดรุกรานคนอื่นหรือเปล่า?”
“พี่เทา ..คนนี้ คงไม่ใช่ว่าตอนเด็กๆ ไปแอบดูคนอื่นอาบน้ำหรอกมั้งนะ!”
“นี่มันฟังดูเหมือน ..เป็นสิ่งที่ พี่เทา ทํานะ!”
“ฮ่าๆๆ...”
คนกลุ่มนี้ทำเหมือนคนแยกแยะอะไรไม่ออก พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดว่ามันตลก ส่งเสียงเชียร์โห่ร้อง และหัวเราะไปด้วยกัน
ชายคนนั้นได้ยิ้มเจื่อนๆ แต่เขาก็กลับมาหัวเราะแล้วพูดไปว่า : “ฉันจะไปคิดรุกรานเธอได้ยังไง พวกนายดูเธอสิ ต่อให้มีคนให้เงินฉัน ฉันก็ไม่คิดจะไปมองเธอด้วยซ้ำ คิดได้ยังไงว่าฉันจีบเธอ พวกนายนะคิดมากเกินไปแล้ว!”
ทุกคนพากันหัวเราะ
เพราะในสายตาของพวกเขา โจว เสี่ยวเซิ่ง หน้าตาไม่ดีจริงๆ ไม่ว่าจะหน้าตา หรือรูปร่าง มองยังไงก็เป็นผู้หญิงที่ธรรมดาสุดๆ ดูไม่เด่นสะดุดตา เรียกได้ว่าดูขี้อาย และเป็นคนเก็บตัวมาก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกรังแกได้ง่าย
ถ้าเป็นสาวสวย พวกเขาอาจไม่กล้าเยาะเย้ยแบบนี้ แต่เพราะคิดว่า โจว เสี่ยวเซิ่ง รังแกง่าย พวกเขาเลยกล้าพูดจาออกไปอย่างไร้ยางอายเช่นนี้
ชายคนนั้น พูดว่า : “ฉันบอกพวกนายเลยว่า เธอไม่ใช่มีหน้าตาขี้เหร่เท่านั้น แต่ยังจิตใจยังไม่ดีมากด้วย โจว เสี่ยวเซิ่ง ก่อนหน้านี้เธอพูดร้ายอะไรลับหลังฉันไว้?”
โจว เสี่ยวเซิ่ง เหลือบมองไปที่เขา และก้มหน้าลง อีกฝ่ายหนึ่งอยู่กันเป็นกลุ่ม เธออยู่ตัวคนเดียว จึงรู้สึกอ่อนแอ และกลัวไปโดยสัญชาตญาณ ..ชั่วขณะหนึ่งอารมณ์เชิงลบทั้งหมดก็กลับพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
ชายคนนั้นกลับยิ่งพูดแรงขึ้นเรื่อยๆ : “ลูกนอกคอกมันก็คือลูกนอกคอก ฉันบอกพวกนายเอาไว้เลยว่า จิตใจเธอมันไม่ดี พูดจาใส่ร้ายคนอื่นลับหลัง ลิ้นแมร่งง เน่าเฟะ! คนประเภทนี้สมควรถูกแขวนคอ และทุบตี และต้องถูกเฆี่ยนตีวันละครั้ง ถึงจะซื่อสัตย์ได้!”
ฟังอีกฝ่ายพูดออกมาทีละคํา ร่างกายของ โจว เสี่ยวเซิ่ง ก็เริ่มสั่น และขอบตาของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดงแล้ว
เมื่อนึกถึง หลินฟาน จู่ๆ เธอก็มีความกล้าหาญขึ้น และโต้กลับไปว่า : “ฉันไม่ใช่ลูกนอกคอก และฉันก็มีพ่อ มีแม่!”
เธอเงยหน้าขึ้น และมองตรงไปที่ ชายคนนั้น
ชายคนนี้ ดูเหมือนจะไม่คิดว่าเธอจะกล้าพูดโต้กลับ ดวงตาของเขาก็ฉายแววความดุร้ายออกมา แล้วพูดไปว่า : “เฮ้ยๆ มีพ่อ มีแม่ เธอนี่มันน่ารังเกียจจริงๆ เฮ้ พวกฟังนะ เธอถูกพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดของเธอขาย นี่ยังไม่เรียกว่า ลูกนอกคอก อีกหรือยังไง!”
ทันทีที่คําพูดนี้ออกมา ทุกคนในที่เกิดเหตุก็เงียบลง ใบหน้าของทุกคนตกตะลึงเล็กน้อย
นี่เรื่องห่าอะไร ถูกพ่อแม่แท้ๆ ขาย?
นี่ไม่ใช่ว่ามัน ..น่าสังเวชไปหน่อยหรือ?
ปฏิกิริยาของทุกคนเช่นนี้ ทําให้ โจว เสี่ยวเซิ่ง เจ็บปวดมากขึ้น หลายปีที่ผ่านมา.. เธอได้เห็นสายตาที่เย็นชา ทั้งคำพูดเยาะเย้ยมามากเกินไป เธอรู้สึกเจ็บจากสิ่งเหล่านี้โดยตรงมามากพอแล้ว และไม่มีใครอยากที่จะได้รับการปฏิบัติด้วยความสงสารเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริง เป็นเพราะคนอื่นคิดว่าคุณ ..น่าสงสาร แต่สายตาที่สงสารของพวกเขามันกลับเป็นเหมือนตัวย้ำเตือนคุณว่าคุณนั้น ..น่าสงสาร แค่ไหน
เธอรู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนมีเจตนาดี มีจิตใจดี และยินดีช่วยเหลือเธอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทนสายตาสงสารของคนอื่นที่มองมาที่เธอ ..ไม่ไหว
มีเพียง หลินฟาน เท่านั้น ที่ไม่เคยมองเธอด้วยสายตาสงสารแบบนี้ และยังเป็นครั้งแรกที่เธอเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้กับคนอื่นฟังอย่างละเอียด แต่นั่นเพราะ หลินฟาน เป็นคนที่เข้าใจความเจ็บปวดของเธอมากที่สุด และไม่ได้มองมาที่เธอด้วยความสงสาร เหมือนอย่างสายตาของคนอื่นๆ
ไม่ใช่ว่า หลินฟาน จะไม่รู้สึกสงสารเธอ แต่ในสายตาของ หลินฟาน แทนที่จะสงสาร และเลือกที่จะแสดงความเมตตาแบบไร้ค่าออกไปนั้น เขา.. กลับคิดเลือกที่จะให้เธอตั้งสติ ให้กำลังใจเธอ เพื่อที่จะให้เธอเลือกหันหลังกลับไปแก้แค้น ดีกว่า!
แน่นอน.. ไม่มีอะไร ที่ให้กำลังใจเธอได้มากกว่าการแก้แค้นแล้ว
เมื่อเห็นทุกคนมีสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย แต่กลับกัน.. ชายคนนั้น เขากลับรู้สึกไม่ดีเล็กน้อย ไม่มีทางหรอกมั้ง ไอ้ลูกนอกคอกนี้ยังต้องการได้รับความเห็นอกเห็นใจ โดยอาศัยชีวิตที่น่าสงสารของตัวเอง!
“พวกคุณอย่าได้คิดไปสงสารเธอ เธอคนนี้.. มันไม่คู่ควร!” ชายคนนั้น พูดออกมาทันทีว่า : “เธอมันเคยทําเรื่องเลวๆ เอาไว้มากมาย ตอนเด็กๆ ยังขโมยของ และถูกจับได้ แถมยังรังแกเพื่อนร่วมชั้น แถมคนๆ นั้นก็ยังเป็น น้องสาวฉัน!”
“คุณพูดไร้สาระอะไร!” โจว เสี่ยวเซิ่ง พูดออกมาด้วยความโกรธ อีกฝ่ายหัวเราะเยาะชีวิตของเธอ เธอทนได้ แต่อีกฝ่ายกลับยังสร้างคําโกหกออกมาเพื่อใส่ร้ายเธอ แม้ว่าเธอจะอารมณ์ดีแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะโกรธ
ชายคนนั้น หัวเราะ และพูดว่า : “ทําไม ไม่กล้ายอมรับหรือยังไง ฉันเคยบอกไปแล้วว่าเธอนะไม่มีพ่อแม่สั่งสอน ปล่อยตัวเองไปแล้ว คนอย่างเธอ ไม่ควรมีชีวิตอยู่ในโลก และการที่เธอมันลำบากอยู่ถึงตอนนี้มันก็เป็นเพราะตัวตนของเธอไง แล้วเธอนะ.. ทำไมถึงไม่รีบๆ ตายไปให้มันจบ?”
โจว เสี่ยวเซิ่ง จ้องมอง ชายคนนั้น อย่างดื้อรั้น : “สิ่งที่ฉันไม่เคยทํา ทําไมฉันถึงต้องยอมรับมันด้วย?”
ชายคนนั้น พูดว่า : “ฉันบอกว่าเธอมันเป็นเช่นนั้น แต่ไงก็ดูเอาเองสิว่า ..ทุกคนเขาเชื่อฉัน หรือว่าเชื่อเธอกัน?”
ทุกคนเริ่มพูดคุย และชี้นิ้วไปที่ โจว เสี่ยวเซิ่ง อยู่พักหนึ่ง สิ่งที่ ชายคนนี้ พูดเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าเป็นความจริง เด็กสาวตัวเล็กๆ คนนี้ก็ไม่น่าเห็นใจเลยสักนิด
“ฮ่าฮ่า ฉันไม่คิดว่าเธอจะเลวถึงขนาดนี้นะ!” มีคนพูดขึ้นมา
ชายคนนั้น พูดว่า : “ไอ้สิ่งเลวร้ายที่เธอทํานะ มันยังมีอีกเยอะ อย่างเช่นเมื่อเร็วๆ นี้เธอพบพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดแล้ว แถมยังบังคับให้พ่อแม่ซื้อบ้านให้เธอ แล้วเช่นนี้พวกคุณไม่คิดว่าเธอทำเกินไปหน่อยหรือ?”
“ฉันไม่ได้ทำ” โจว เสี่ยวเซิ่ง พูด และส่ายหัว แล้วร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น
ในเวลานี้ มีมือข้างหนึ่งเข้ามาวางบนไหล่ของ โจว เสี่ยวเซิ่ง และความอบอุ่นจากฝ่ามือ มันก็ได้ทําให้ โจว เสี่ยวเซิ่ง สงบลง
“เสี่ยวเซิ่ง เขาเป็นใคร?”
หลินฟาน พูดจบ เขาก็ได้นั่งลงข้างๆ โจว เสี่ยวเซิ่ง ทันที แต่สายตาของเขากลับจ้องมองไปที่ ชายคนนั้น…