บทที่ 44: วิกฤติ
[วันนี้ลง 1 ตอน พนลง 5 ตอนขอรับ]
บทที่ 44: วิกฤติ
ปัง--
ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ ร่างของชายคนนั้นที่ต่อยหมัดได้บินพุ่งออกไป
เมื่อมองไปที่ร่างใหญ่ของชายร่างกำยำที่ลอยอยู่กลางอากาศ ไม่เพียงแต่มันจะทำให้พวกเขาต้องทึ่ง ทว่าร่างของชายคนนั้นยังพุ่งเข้ามาชนสมาชิกแก๊งจนล้มลงไปเป็นจำนวนมาก
เมื่อมองไปที่คนของเขาที่ล้มลงเหมือนพินในลานโบว์ลิ่งและกำลังคร่ำครวญอยู่ใต้ชายร่างกำยำ วิลลิสก็หมุนตัวไปรอบๆ และออกคำสั่งกับคนของเขาทันที
"ทุกคนจับมันไว้!"
เมื่อวิลลิสออกคำสั่ง คนที่เหลือของเขาก็หยิบอาวุธทุกชนิดขึ้นมาและพุ่งไปที่ไรอัน
ปัง ปัง--
ไม่ว่าพวกเขาจะพุ่งไปเร็วแค่ไหน พวกเขาก็ถูกส่งกลับมาเร็วเท่านั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับฝูงชนที่เพิ่มขึ้น ไรอันก็ใช้พลังขาเหล็กอันทรงพลังของเขาอย่างเต็มที่และเตะคนที่วิ่งมาข้างหน้าเขาราวกับกำลังเตะลูกบอล เมื่อต้องเผชิญกับคนเหล่านี้ที่ต้องการสร้างปัญหาให้กับเขา ไรอันก็ไม่คิดที่จะอยู่เฉยหรอก
ต้องขอบคุณขาเหล็กอันยิ่งใหญ่ของเขา กระทั่งชายที่ดูร่างบางที่สุดเมื่อกระแทกกับพื้นก็ยังกระอักเลือดออกมาเลย ดูเหมือนกระดูกของเขาจะหักไปหลายส่วน
เมื่อเห็นว่าคนฝืนพุ่งไปข้างหน้าทั้งหมดต่างถูกส่งลอยกลับมาทีละคนด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส...
พวกอันธพาลที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะหยุดตัวเองจากการก้าวไปข้างหน้า พวกเขากลืนน้ำลายและมองหน้ากันด้วยใบหน้าว่างเปล่า แม้ว่าพวกเขาจะชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาชอบถูกทำร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ การเตะจากไรอันจะไม่เพียงแค่เจ็บไม่กี่วัน แต่ในกรณีที่ร้ายแรงอาจทำให้พวกเขาเสียชีวิตได้เลย
วิลลิสมองดูลูกน้องของเขาทีละคน ไอ้พวกเวรนี้กลับกลัวจนไม่กล้าขยับไปไหนเลย วิลลิสอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา เขาคว้าชายคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังและตบเขา "แม่งเอ้ย! ไอ้พวกเวร ไปได้แล้ว! ใครบอกให้พวกแกหยุดวะ!?!"
“ให้ตายสิ คุณไม่เห็นเหรอครับ?!”
แม้ว่าเขาจะถูกตบ แต่อีกฝ่ายก็ยอมรับการตบมากกว่าที่จะพุ่งไปฆ่าตัวตายข้างหน้า
“เราไม่สามารถเอาชนะอะไรแบบนั้นได้หรอก กระทั่งชาคก็ยังสู้เขาไม่ได้เลย!”
“ไอ้พวกโง่เอ้ย!” เขาถีบลูกน้องลงกับพื้น จากนั้นวิลลิสก็เอื้อมมือไปข้างหลังเขาและชักปืนออกมา "จะตีเขาทำไมในเมื่อพวกแกสามารถใช้ปืนได้!"
ด้วยการเตือนจากวิลลิส ผู้คนที่ลังเลอยู่รอบๆ ไรอันก็เริ่มรู้สึกตัว พวกเขาโยนแท่งเหล็กหรือไม้เบสบอลทิ้ง จากนั้นจึงหยิบปืนออกมาเผชิญหน้ากับไรอัน
อาวุธอีกด้านได้เปลี่ยนจากไม้เบสบอลเป็นอาวุธปืน ระดับอันตรายที่ไรอันต้องเผชิญก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของไรอันก็เปลี่ยนไป เขาได้หยุดการเคลื่อนไหวของเท้าโดยไม่รู้ตัว ถึงขาเหล็กอันยิ่งใหญ่ของเขาจะทรงพลัง แต่ก็ยังห่างไกลจากความสามารถในการเตะกระสุน
"เอาเลย กล้าก็เตะเราสิ!"
เมื่อมีปืนล้อมรอบ วิลลิสก็เรียกความกล้าหาญของเขากลับมาและก้าวไปข้างหน้า พลางมองไปที่ไรอันด้วยสีหน้าเหยียดหยาม พอเห็นว่าเขาได้เปรียบ เขาก็เยาะเย้ยทันที “ดูตอนนี้สิ แกคิดว่าเก่งเพราะเตะคนของเราไปได้หลายคน ไม่เอาน่าไอ้ลิงเหลือง พยายามเตะฉันอีกสิ ฉันรออยู่เนี่ย!”
ไรอันไม่ได้ถูกยั่วกับคำท้าทายนี้ ถ้าเกิดมีปืนเพียงกระบอกเดียวเล็งมาที่เขา ด้วยฝีเท้าและความสามารถในการหลบหลีกของขาเหล็กอันยิ่งใหญ่ เขาคงสามารถหลบหลีกปืนได้อย่างง่ายดาย
ทว่าหลังจากเหลือบมองปืน 20 ถึง 30 กระบอกที่อยู่ตรงหน้าเขา แม้จะมีขาเหล็กอันยิ่งใหญ่ ไรอันก็ไม่คิดว่าเขาจะสามารถจัดการคนจำนวนมากและออกมาจากห่ากระสุนพวกนี้ได้แน่นอน
ดูเหมือนเขาคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถึงมันจะเป็นการ์ดระดับ D [อาซิง] แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่การ์ดระดับ D อยู่ดี ขาเหล็กอันยิ่งใหญ่นั้นแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้ทรงพลังเมื่อเทียบกับอาวุธปืนเลย
'ถ้าเขามีการ์ดที่แข็งแกร่งกว่านี้ เขาคงจะสามารถตอบโต้อะไรได้บ้างแน่'
เมื่อมองลงไปที่คะแนนชื่อเสียงที่แสดงบนแผงข้อมูลระบบ ไรอันก็มีคะแนนชื่ออยู่มากมาย แต่ก็ยังขาดไปเล็กน้อยในการแลก [หีบสมบัติเหล็กดำ] กล่องใหม่
'ไม่ เขาทำไม่ได้ มีแต่ต้องแลกเป็น [หีบสมบัติไม้] เท่านั้น' เขาคิดจะใช้ 100 คะแนนเพื่อแลกของมา อย่างน้อยถ้าเขาไม่โชคร้าย เขาก็คงจะสามารถรอดพ้นจากสถานการณ์ตอนนี้ได้
แม้ว่าไอเท็มทั้งหมดที่เปิดจาก [หีบสมบัติไม้] นั้นไร้ประโยชน์ แต่ถ้าใช้อย่างถูกต้อง พวกมันอาจมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาอยู่
ตามปกติ ไรอันคงไม่คิดจะแลก [หีบสมบัติไม้] หรอก แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเขาไม่ได้ใช้มัน เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีกเลย
เวลาไม่เคยรอใคร 'ถ้าฉันลังเลอีก ฉันคงจะตายแน่'
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ไรอันก็ใช้ 100 คะแนนเพื่อแลกกับ [หีบสมบัติไม้] จากระบบทันที
'เปิดหีบสมบัติ!'
“ปืนมากมายกับคนเพียงคนเดียวมันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ?” ในขณะนั้นเอง เสียงทุ้มต่ำได้ดังขึ้น
“แกเป็นใครกัน?” วิลลิสมองไปที่ชายร่างใหญ่ที่ปรากฏตัวขึ้นจากที่ไหนไม่รู้ในระยะไกล จากนั้นเขาก็หันปืนในมือและชี้ไปที่ชายอีกคนและพูดด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อน “สนใจเรื่องของตัวแกเถอะ อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง”
“ฉันไม่ชอบน้ำเสียงของนายสักนิด ให้เกียรติกันบ้างสิ”
“แกคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าคนผิวสีเดียวกันหรือไง?” เมื่อเผชิญหน้ากับคำตอบของชายคนนั้น วิลลิสก็หัวเราะออกมาด้วยความโกรธ เขายิ้มและเหลือบมองชายร่างใหญ่ จากนั้นก็ยิ้มอย่างโหดร้ายและเหนี่ยวไก "ขอโทษนะ แต่แกคิดผิดแล้ว!"
หลังจากยิงเสร็จ วิลลิสก็หันกลับมาและทันใดนั้นเขาจึงรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
“เขายังมีชีวิตอยู่!”
คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาสังเกตเห็นถึงอะไรแปลกๆ จึงตะโกนบอกวิลลิส
“อะไรนะ?!”
เมื่อได้ยินคำเตือน วิลลิสก็รีบหันกลับมาและเห็นชายร่างใหญ่ที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น กระสุนของเขาไม่ได้สร้างบาดแผลให้ฝ่ายตรงข้ามเลย